FIVE SWEET SPOTS: 5 ประเด็นน่าสนใจเกมส่งท้ายฤดูกาลของ “ชนาธิป”

ร่วมงานกับ ชูเฮ โยโมดะ เป็นนัดสุดท้าย

ก่อนเริ่มเกมนี้มีข่าวที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจ ของสโมสรออกมาเมื่อมีรายงานว่า ทีมได้แยกทางกับ ชูเฮ โยโมดะ กุนซือของทีม และเลือกแต่งตั้ง มิไฮโล เปโตรวิช กุนซือชาวเซอร์เบีย ที่เคยคุมทีมยักษ์ใหญ่อย่าง อุราวะ เรด ไดมอนด์ส ที่มาตกงานที่ซัปโปโร โดมหลังพาทีมมาพ่าย คอนซาโดเล ซัปโปโร ด้วยสกอร์ 2-0 ในเกมเปิดตัวของชนาธิป

ทำให้นัดนี้ กลายเป็นเกมนัดสุดท้ายของกุนซือผู้ที่ให้โอกาสดาวเตะจากไทยได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นการรวมงานกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเริ่มงาน ซึ่งนักเตะทุกคนก็เค้นฟอร์มเก่งออกมาช่วยกันเก็บสามแต้ม จนทำให้ โยโมดะ เดินจากไปด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมไม่เพียงแต่ทำให้ทีมรอดตกชั้น แต่ว่าทำให้ทีมคว้าอันดับที่ 11 จากทีมที่ต้องลุ้นหนีตกชั้นมาตลอด

ผลงานโดยรวมยังน่าประทับใจแม้ไม่มีประตู

หลายคนช่วยลุ้นให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยิงประตูแรกในเจลีกให้ได้เร็วๆ แต่จนจบฤดูกาล ก็ไม่มีประตูจากเท้าของ ชนาธิป โดยที่ได้ 1 แอสซิสต์ให้กับ ไดกิ ซุงะ มาแทนที่

แต่แม้ว่าจะไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรมที่สามารถจับสถิติออกมาได้อย่างชัดเจนอย่างการยิงประตู หรือว่าการจ่ายบอลมากมายนัก แต่ว่าผลงานในสนามยังถือว่ายอดเยี่ยม ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในสนามสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ตลอดเวลา จากสถิติในด้านอื่นๆที่แสดงให้เห็นว่าดาวเตะชาวไทยมักจะติด 1 ใน 3 นักเตะที่วิ่งเยอะที่สุดเสมอ หากได้ลงเล่นแบบเต็มเวลา รวมไปถึงจังหวะสร้างสรรค์โอกาสอื่นๆที่สามารถยืนยันได้จากการได้ลงตัวจริงอย่างต่อเนื่องแสดงว่ากุนซือมองเห็นอะไรบางอย่างและเห็นถึงประโยชน์ในสนามของเขา

ต้องเอาชนะใจโค้ชใหม่

สำหรับชนาธิป สรงกระสินธ์ นั้นถือว่าสามารถเอาชนะใจของ ชูเฮ โยโมดะ ได้แล้ว จนยึดตำแหน่งตัวจริงอย่างต่อเนื่อง และได้โอกาสลงสนามเสมอหากว่าสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์ ซึ่งในครึ่งฤดูกาลแรก เขาได้ลงสนามไปถึง 16 เกมด้วยกัน

แต่ว่าในฤดูกาลหน้า ที่ทีมประกาศแต่งตั้ง มิไฮโล เปโตรวิช กุนซือชาวเซอร์เบีย เข้ามาคุมทีมแทน แน่นอนว่าการเข้ามาของโค้ชใหม่ ย่อมหมายถึงระบบการเล่นใหม่ และรูปแบบการฝึกซ้อมใหม่ๆ รวมไปถึงวัฒนธรรมในห้องแต่งตัวใหม่ๆที่ อดีตแข้งเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และเพื่อนร่วมทีม คอนซาโดเลซัปโปโร ทุกคนจะต้องปรับตัวกันใหม่ และเขาจะต้องเริ่มเอาชนะใจโค้ชคนใหม่เพื่อแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงอีกครั้ง

เบิกทางแข้งไทย

เจลีก นั้นมีแผนที่จะทำการตลาดในทวีปเอเชีย และอาเซียนมากขึ้น ก่อนหน้าที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะย้ายไปค้าแข้ง ก็มีการเปลี่ยนกฏให้ประเทศที่เป็นพันธมิตร ที่ส่วนใหญ่อยู่ในอาเซียน สามารถลงเล่นในเจลีกได้โดยที่ไม่ต้องนับเป็นโควตานักเตะต่างชาติ เป็นการขยายโอกาสให้นักเตะจากอาเซียน ที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่

แต่ดูเหมือนว่าในเจลีก1-3 นักเตะจากอาเซียนที่ทำผลงานได้น่าพอใจจะมีเพียงแค่ ชนาธิป คนเดียว แต่นั้นก็น่าจะเพียงพอต่อการเบิกทางให้กับเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆที่อาจจะได้ตามไปค้าแข้งอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่านักเตะจากไทย มีความสามารถพอที่จะยืนหยัด ในเจลีก ลีกที่แข็งแกร่งเบอร์ต้นๆของทวีปเอเชียได้

ความคาดหวังที่มากกว่าเดิม

ก่อนที่ดาวเตะร่างเล็กชาวไทยจะเดินทางมาถึงฮอกไกโด เขาได้รับความคาดหวังจากแฟนบอลของ คอนซาโดเล ซัปโปโร ที่เคยเห็นฝีเท้าของเขาไม่ว่าจะในการเล่นให้ทีมชาติไทย เวลาที่เจอกับทีมชาติญี่ปุ่น หรือคลิปจังหวะการเล่นในยูทูป ซึ่งครึ่งฤดูกาลแรก ดาวเตะชาวไทยทำผลงานได้ดีเกินคาด ยึดตำแหน่งตัวจริง ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่า แฟนบอลย่อมจะคาดหวังผลงานที่ดีขึ้นของตัวเขาเอง และของทีมซึ่งมองอีกมุมมันคือความกดดัน แต่มันก็เป็นความท้าทายที่ดีในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆตลอดเวลา