ศึกฟุตบอลถ้วย ช้างเอฟเอคัพ ถือว่าเป็นรายการที่น่าตื่นเต้นที่สุดอีกรายการหนึ่งของไทย นอกจากไม่มีที่ว่างให้กับผู้แพ้แล้ว ยังเปิดโอกาสให้กับทุกทีม และที่สำคัญทีมแชมป์ ยังได้โควตาเป็นตัวแทนประเทศไทยไปลงเล่นในรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกด้วย
การแข่งขันก็เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศ จนได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย โดย เชียงราย ยูไนเต็ด ที่หักด่าน เอฟซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาได้ จะพบกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ไม่ยอมเป็นยักษ์ให้แจ็คอย่าง เจแอล เชียงใหม่ ล้ม ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ และนี่คือ 10 ที่สุดของการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ ช้างเอฟเอคัพ 2017
กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
สวยที่สุด : เจย์ซี จอห์น
แม้ว่าในคู่ของ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เสมอกันด้วยสกอร์ 2-2 จะมีการพังประตูแต่ละลูกล้วนแต่เป็นประตูที่สวยงามทั้งนั้น แต่ในรอบนี้ ประตูที่สวยงามที่สุด ตกเป็นของ เจย์ซี จอห์น ที่วอลเลย์ ลูกเปิดจากเท้าขวาของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ เข้าไปอย่างสวยงามหมดจด
งานสบายที่สุด : แบงค็อก ยูไนเต็ด
ตามที่คาดในรอบนี้ ลูกทีมของ มาโน่ โพลกิ้ง เจอกับงานที่ง่ายดาย เพราะเจอกับ เจแอล เชียงใหม่ ทีมจากไทยลีก 4 ทีมแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทะลุเข้ามาได้ถึงรอบนี้ แต่แข้งเทพ ไม่ยอมประมาท พวกเขาแสดงความเขี้ยวออกมาให้เห็น รวมไปถึงระดับชั้นที่ยังห่างเยอะจนเอาชนะไปได้สบายๆ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปแบบไม่เปลืองแรงมาก
ลุ้นที่สุด : ดวลจุดโทษ เชียงราย ยูไนเต็ด - เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
น่าจะเป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจที่สุดในรอบรองชนะเลิศในการดวลจุดโทษระหว่าง เชียงราย ยูไนเต็ด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เสมอกันในเวลา 2-2 และในการดวลจุดโทษ เหตุการณ์พลิกผันตลอดเวลา เมื่อ เลอันโดร อัสซัมเซา พลาดก่อน จากนั้น สุริยา สิงห์มุ้ย ก็มาพลาดบ้าง จากนั้น ธีราทร บุญมาทัน ยิงไปติดเซฟ ก่อนที่ ราฟาเอล โคเอลโญ่ จะยิงข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น ทำให้ต้องมาดวลช่วงซัทเทิลเดธ ซึ่ง สิโรจน์ ฉัตรทอง ยิงพลาด และ ชัยวัฒน์ บุราณ ซัดเข้าไปทำให้ กว่างโซ้ง ทะลุเข้าชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
งานหนักที่สุด : สงกรานต์ บุญมีเกียรติ
แฟนบอลอาจจะไม่คุ้นชื่อนักเตะคนนี้ ไม่ใช่ครับ เขาไม่ใช่นักเตะ แต่คนที่ทำงานหนักที่สุดในรอบนี้เห็นจะเป็น สงกรานต์ บุญมีเกียรติ ผู้ตัดสินในเกมระหว่าง เชียงราย ยูไนเต็ด พบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่นอกจากจะต้องทำงานหนักถึง 120 นาทีเต็ม แล้วยังต้องตามเกมที่นักเตะทั้งสองทีมชิงไหวพริบ เข้ากดดันผู้ตัดสินเพื่อความได้เปรียบของตัวเองตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากสต๊าฟฟ์โค้ชของทั้งสองทีม เข้ามาเป็นระยะ ถือว่าเป็นงานที่หนักหนาใช่ย่อยของผู้ตัดสินหนุ่มรายนี้
สะใจที่สุด: นักเตะเก่าของเมืองทองในทีมเชียงราย
ในเกมที่ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในทีมของกว่างโซ้งมีอดีตนักเตะเมืองทองอยู่ในทีมถึง 6 คนด้วยกันได้แก่ อาทิตย์ ดาวสว่าง, ปิยพล ผานิชกุล, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สุริยา สิงห์มุ้ย และ ศิวกรณ์ เตียตระกูล รวมไปถึงตัวสำรองที่ลงมายิงลุกโทษปิดท้ายอย่าง ชัยวัฒน์ บุราญ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดที่พวกเขาต้องย้ายออกจากทีม อย่างน้อยเกมนี้ พวกเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาดีพออย่างน้อยก็พอที่จะช่วยให้ต้นสังกัดปัจจุบันสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้
ชอกช้ำที่สุด: เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
แม้ว่า เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะเป็นทีมมหาอำนาจของลูกหนังไทย ในช่วงหลายปีหลัง การันตีด้วยการคว้าแชมป์ไทยลีก 4 สมัย แต่สโมสรของพวกเขายังขาดเกียรติประวัติในฟุตบอลถ้วย โดยเฉพาะในรายการเอฟเอคัพ ที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดคือรองแชมป์สองสมัย และยิ่งในลีกโอกาสที่จะป้องกันแชมป์เลือนลาง ทำให้ต้องหวังกับถ้วยใบนี้ มากเป็นพิเศษ เพื่อทดแทนให้แก่แฟนบอล แต่พวกเขาก็จอดป้ายด้วยน้ำมือของ เชียงราย ยูไนเต็ด ในการดวลจุดโทษ
ผิดหวังที่สุด : สิโรจน์ ฉัตรทอง
ก่อนหน้าที่จะลงสนามในเกมนี้ กองหน้าทีมชาติไทย มีกระแสข่าวว่าอาจจะถูก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ปล่อยตัวออกจากทีม เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบของทีมได้ และยังยิงประตูให้ทีมไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว และในเกมรอบรองชนะเลิศ เขาถูก โค้ชแบน ส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง นอกจากจะทำประตูไม่ได้แล้ว ยังพลาดลูกจุดโทษ ลูกสำคัญ จนทำให้ทีมต้องกระเด็นตกรอบ ยุติเส้นทางเอาไว้แค่รอบนี้เท่านั้น
ประทับใจที่สุด : ผู้เล่นเชียงราย และเมืองทอง เข้าไปปลอบ สิโรจน์
เราอาจจะเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดจากนักเตะทั้งสองทีม ตลอดเวลา 120 นาที รวมไปถึงช่วงดวลจุดโทษ ที่ต้องบอกว่าทั้งสองทีมต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย และเมื่อจบการแข่งขัน น้ำใจนักกีฬาและมิตรภาพของทั้งสองทีมก็กลับมาตามเดิม แม้ว่าจะใส่กันเกินร้อย และภาพที่สวยงามคือนักเตะของ เชียงราย อาทิ ฐิติพันธ์ เข้าไปปลอบให้กำลังใจ สิโรจน์ คนยิงจุดโทษพลาด รวมไปถึงนักเตะของเมืองทองเอง ก็เข้าไปปลอบเพื่อนร่วมทีม ที่แม้ว่าจะทำให้ ทีมของพวกเขาตกรอบ แต่ก็ยังมีกำลังใจให้กันเสมอ
น่าปรบมือให้ที่สุด: เจแอล เชียงใหม่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เจแอล เชียงใหม่ ทีมจาก ไทยลีก 4 ทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลถ้วยรายการนี้ คือทีมที่สามารถสร้างสีสันให้การแข่งขันได้อย่างแท้จริง จากผลงานการล้มยักษ์จนผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของ แบงค็อก ยูไนเต็ดได้ แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้แบบไม่ยอมแพ้ จนได้ใจแฟนๆ และหวังว่าจะได้เห็นทีมเล็กๆเข้ามาสร้างสีสันในการแข่งขันรายการนี้อีกในปีต่อๆไป
น่าดูที่สุด: นัดชิงชนะเลิศ
แม้ว่า เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะไม่สามารถมาตามนัดในการเข้าไปพบกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศได้ แต่การได้เห็น เชียงราย ยูไนเต็ด เข้าชิง ก็เป็นอะไรที่น่าดูชมไม่แพ้กัน ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของทั้งสองทีม และแน่นอนว่า นัดชิงชนะเลิศในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ แฟนบอลพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง