กัปตันโอ๊ต ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ ผู้ฝึกสอนเยาชน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และอดีตกองหลังกัปตันทีมชาติไทยย้อนวันวานถึงจุดเปลี่ยนให้หันมาเล่นตำแหน่งกองหลัง
“ต้องบอกว่าสมัยก่อน พอเล่นฟุตบอลไม่มีเด็กคนไหนหรอก ที่บอกว่าต้องเล่นกองหลัง ร้อยทั้งร้อยอาจมีแค่หกถึงเจ็ดเปอร์เซ็นที่ไปเล่นกองหลัง เพราะ[ตำแหน่งอื่น]มีรุ่นพี่หรือคนที่เก่งเล่นอยู่” แข้งเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัย และรางวัลกองหลังยอดเยี่ยม ไทยลีก ซีซั่น 2008 กล่าวพร้อมรอยยิ้มในรายการ ON THE REDS
“ตอนผมเริ่มเล่นฟุตบอลที่นครสวรรค์ ผมไม่ได้เล่นกองหลัง ผมเล่นกองกลาง คอยวางบอล เป็นกลางรับที่คอยให้บอล การมาเล่นกองหลังคือครั้งนึงผมว่าคัดที่ กรุงเทพฯ โรงเรียนดังโรงเรียนหนึ่ง แล้วสมมุติมีเด็กคัด 100 คน มีกองหน้า 30 คน มีกองกลาง 50 คน เราคิดในใจ ‘มันเยอะไปไหม ไปเล่นแบ็คดีกว่าเว้ย’ เลยไปเล่นแบ็คซ้ายก่อน”
อย่างไรก็ตาม ณัฐพร ในวัย 15 ปี ที่ผ่านการคัดตัว กลับเลือกปฏิเสธระบบฟุตบอลนักเรียน และหันหลัง เดินทางกลับ นครสวรรค์ ด้วยเหตุผลคือความคิดถึงบ้าน ทว่าโอกาสเป็นยอดนักเตะก็วนกลับมาหา ณัฐพร ในรายการฟุตบอลอุ่นเครื่อง ปรีเอเชี่ยนเกมส์
“[ในรายการนั้น] มี 4 ทีม [ได้แก่ สโมสร]ถาวรฟาร์ม, เยาวชน 16 ปี รุ่น มาโนช ปัญญาคง, จุฬาฯ-สินธนา และ [สโมสรฟุตบอลทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์]”
“แมตช์แรกผมเล่นเจอ ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พอจบแมตช์ก็มี น้าติ๊ก สมชาติ ยิ้มศิริ กับ อาก๊อก พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ (ทีมงานทีมงานผู้ฝึกสอนเยาวชนทีมชาติไทย ชุด ยู17 ณ ตอนนั้น) เข้ามาคุย บอกว่า ‘คุณอายุเท่าไหร่’ ผมบอกว่า ’15 ครับ จะ 16 แล้ว’ เขาก็ยังบอกว่า ‘เอาอายุจริงๆ’ ผมก็บอก ‘อายุจริงๆ ครับ'” โอ๊ต เล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
“ตอนนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเล่นกองหลัง ผมก็เริ่มเล่นเซ็นเตอร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
นับตั้งแต่นาทีนั้น ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ ยกระดับฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง เล่นให้สโมสรชื่อดังเมืองไทยมากมายเช่น พนักงานยาสูบ, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค , ชลบุรี เอฟซี, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ฯลฯ แถมยังรับใช้ทีมชาติไทยชุดใหญ่ไปมากกว่า 70 นัด
แต่ถึงอย่างนั้น ณัฐพร ยังคงถ่อมตัว และกล่าวถึงท้ายไว้ว่า “ผมคิดว่าจับพลัดจับผลูครับ น้าติ๊ก กับ อาก๊อก น่าจะเห็นแววว่ากองหลังคนที่ตัวใหญ่ แล้วเคยเล่นกองกลางมาก่อน สามารถเปิดบอลจากหลังไปหน้าได้ดี”