ยุโรป พรีเมียร์ลีก

5 สถิติสำคัญหลังเกม “แดงเดือด” ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด

ลิเวอร์พูล รักษาสถิติไม่แพ้ใครใน พรีเมียร์ลีก ติดต่อกันเป็นเกมที่ 39 ได้สำเร็จด้วยชัยชนะอันหอมหวานเหนือคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากลูกโขกของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และจังหวะหลุดเดี่ยวท้ายเกมของ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์

วันนี้ฟุตบอลไทรบ์จึงขอพาเพื่อนๆ ไปย้อนดู 5 สถิติที่น่าสนใจจากเกม "แดงเดือด" ณ สนาม แอนฟิลด์ 

ปลดล็อค โมฮาเหม็ด ซาล่าห์

ประตูปิดท้าย 2-0 ของ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ นับเป็นประตูแรกที่ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ยิงใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด จากการพบกันทั้งหมด 5 เกม ถือว่าเป็นทีมที่ ซาล่าห์ ไม่ชอบเล่นด้วยที่สุด

ในส่วนของคู่แข่งโปรดของ ซาล่าห์ ได้แก่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยสถิติ 7 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ จาก 11 เกมให้ 3 สโมสร

ภูมิแพ้ ลิเวอร์พูล กําเริบ

ก่อนหน้านี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับความพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัดในการมาเยือนเมือง ลิเวอร์พูล (แพ้ เอฟเวอร์ตัน 4-0 และ ลิเวอร์พูล 3-1 ฤดูกาลที่แล้ว ) โดยพวกทัพ "ปีศาจแดง" ไม่เคยแพ้เกมเยือน ณ เมอร์ซีย์ไซด์ เลยนับตั้งแต่เดือน เมษายน ปี 1979 ...จนกระทั่งตอนนี้

ฟาน ไดจ์ค เด่นทั้งในเขตโทษตนเอง และคู่แข่ง

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังตัวเก่ง ลิเวอร์พูล จบเกมด้วย 1 ประตู และ 1 คลีนชีท แต่หากจะชื่นชมฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขา ต้องไปเปิดดูสถิติการผ่านบอล ที่ ฟาน ไดจ์ค จ่ายตรงเป้าถึง 64 จาก 73 ครั้ง (88%) แถมยังมีจังหวะเข้าทำลูกกลางอากาศ 2 ครั้ง (ได้ 1 ประตู และเกือบช่วยให้ได้ลูกที่ 2 หากไม่ถูกจับฟาล์วเสียก่อน)

ด้านเกมรับเอาชนะลูกกลางอากาศในเขตโทษตัวเอง 3 จาก 4 ครั้ง (75%) แถมเคลียร์มีจังหวะบอลอีก 8 ครั้ง มากสุดสำหรับนักเตะ ลิเวอร์พูล

หงส์แดง เพรสซิ่งสูง

ลูกทีมของ เจอร์เกนส์ คล็อปป์ ไล่บีบ กดดันนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่วางแผนมาต่อบอลจากหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากสถิติแย่งบอลที่เหนือกว่า 16 ต่อ 7 ครั้งระหว่างทั้ง  2 ทีม โดยจุดที่น่าสนใจคือการแย่งบอล 5 จาก 16 ของเจ้าบ้าน เกินขึ้นในแดน แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างจากผู้มาเยือนที่ชิงบอลได้ในฝั่ง ลิเวอร์พูล ได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น

เฟร็ด แย้มให้เห็นศักยภาพ แม้สถานการณ์ทีมจะไม่สู้ดีนัก

ศึก "แดงเดือด" จบลงด้วยเสียงเจ้าถิ่นร้องเพลง "พวกเราจะคว้าแชมป์ลีก!" ("We're gonna win the league!") ดังก้องทั้งสนาม แอนฟิลด์ แต่หากจะมีอะไรดีๆ ปลอบใจสาวก แมนฯ ยูไนเต็ด ได้บ้างคงจะเป็นฟอร์มการเล่น และความกระหายที่จะสู้ของ เฟร็ด

ที่ผ่านมามิดฟิลด์ชาวบราซิลเลี่ยนถูกวิจารณ์เรื่องฝีเท้า และความเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด ทว่าในเกมที่ผ่านมา ความขยันของ เฟร็ด มีส่วนช่วยประคองทีมได้มหาศาล แถมเขายังเชื่อมเกมได้ดี แพ้เกมเพรสซิ่งของ ลิเวอร์พูล ได้หลายๆ จังหวะ

โดยในเกมนี้ เฟร็ด จ่ายบอลตรงเป้าทั้งหมด 59 ครั้ง เป็นรองเพียง ฟาน ไดจ์ค เท่านั้น แถมมีสถิติดักบอลถึง 4 ครั้ง (มากที่สุดในเกมเท่ากับเพื่อนร่วมทีมอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า), สกัดบอลอีก 3 ครั้ง (เยอะสุดในทีมเท่ากับ เนมานย่า มาติช) และเลี้ยงหลบคู่แข่ง 3 ครั้ง เป็นรองเพียง โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ (6 ครั้ง) เท่านั้น