ทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์ ปราบทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ครั้งแรกในรอบ 15 ปี ด้วยสกอร์ 2-1 จากประตูของ ธีรศิลป์ แดงดา และ เอกนิษฐ์ ปัญญา เก็บ 7 แต้มจาก 3 ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ทะยานยึดตำแหน่งจ่าฝูงกลุ่ม จี และนี่คือการตัดเกรดแข้ง ‘ช้างศึก’ จากเกม ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ผู้รักษาประตู – ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน: 7/10
นอกจากจังหวะเสียประตูท้ายครึ่งแรก ศิวรักษ์ แทบไม่มีงานให้ทำนัก เขาออกมาเคลียบอล และเล่นนอกกรอบเขตโทษได้เยี่ยม เป็นส่วนช่วยให้ทีมชาติไทยสามารถดันแนวรับขึ้นสูงเพื่อไล่เพรสซิ่ง ยูเออี ในแดนพวกเขาเอง ครึ่งหลังผู้มาเยือนมีโอกาสทองลุ้นประตูอยู่บ้าง แต่ ศิวรักษ์ ก็ยังไม่ถึงกับต้องออกแรง “บิน” โชว์แฟนบอล โดยรวมถือเป็นเกมที่ดีอีกนัดหนึ่งของจอมเซฟ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แบ็คขวา – นิติพงษ์ เสลานนท์: 7/10
แบ็คขวา ‘สิงห์เจ้าท่า’ รับผิดชอบเกมรับริมเส้นได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนครึ่งหลังจะปรับมาเล่นเกมรุกมากขึ้น นิติพงษ์ ครอสบอลเข้าไปในเขตโทษให้ทีมชาติไทยมีลุ้นหลายครั้ง และก็เป็นลูกเปิดไปเสาสองของเขาที่นำมาซึ่งประตูชัยของ เอกนิษฐ์ ปัญญา
เซ็นเตอร์แบ็ค – มานูเอล ทอม เบียห์ร: 8/10
แข็งแกร่ง ดุดัน และแน่นอน นี่คือคําจํากัดความฟอร์มการเล่นของ มานูเอล ทอม เบียห์ร จากเกมกับ ยูเออี โดยเซ็นเตอร์แบ็ควัย 26 ปีสามารถสานต่อผลงานอันโดนเด่นได้จากนัดกับ คองโก เขาเข้าสกัดบอลได้ถึงลูกถึงคน และน่าจะทำประตูได้ในจังหวะโหม่งจ่อๆ ในนาทีที่ 32
เซ็นเตอร์แบ็ค – ธนบูรณ์ เกษารัตน์: 7/10
การออกบอลอย่างเป็นจังหวะจะโคนของ ธนบูรณ์ ช่วยให้เกมของทีมชาติไทยไหลลื่น ทว่าเซ็นเตอร์แบ็คยังมีจุดอ่อนในเกมรับ เขาถูกตัวรุก ยูเออี สปีดหนี มีจังหวะผิดพลาดให้เห็นอยู่พอสมควร และน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในประตูตีเสมอของ ยูเออี ซึ่งบอลลอยผ่านหน้าเขาไปดื้อๆ
แบ็คซ้าย – ธีราทร บุญมาทัน: 8.5/10
แฟนบอลไทยได้เฮกันทั้งประเทศเมื่อทราบข่าวว่า ธีราทร หายเจ็บทันนัดพบ ยูเออี และหากได้ชมเกม ก็คงเห็นได้ชัดว่าทำไมแบ็คซ้าย โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส จึงเป็นนักเตะคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของทีม ณ ตอนนี้
นอกจากลูกตั้งเตะที่แม่นยำ และการเดิมเกมทางกราบซ้ายที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ธีราทร รับผิดชอบได้สบายๆ แข้งหมายเลข 3 ทัพ ‘ช้างศึก’ ยังดักจังหวะดวลตัวต่อตัวกับปีก ยูเออี ได้แทบทั้งเกม แถมยังเป็นคีย์แมนในการเชื่อมเกม เคลื่อนบอลจากแดนหลังขึ้นของทีมชาติไทย จนหลังเกม เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือชาวดัตช์ของผู้มาเยือนยังต้องออกโรงชมความสามารถของ ธีราทร
มิดฟิลด์ – สารัช อยู่เย็น: 7/10
สารัช ขยันวิ่งหาช่องต่อบอลกับเพื่อนตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม เป็นกุญแจสำคัญในแดนกลางที่ช่วยให้ทีมชาติไทยมีเกมรุกไหลลื่น อีกทั้งเมื่อเสียบอล มิดฟิลด์ ‘กิเลนผยอง’ ก็ตื่นตัว และเป็นคนแรกๆ ที่เข้าไปไล่บีบ กดดันไม่ให้ ยูเออี ส่วนกลับได้ง่ายๆ เสมอ
มิดฟิลด์ – พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล: 7/10
รักษามาตรฐานตัวเองได้ดี โดยเฉพาะลูกบู๊ ลูกหนัก ที่เล่นเอากองกลาง ยูเออี เหนื่อยไม่น้อย ความขยันของ พิธิวัตต์ ช่วยเติมเต็มจุดอ่อนเรื่องพละกําลังของคู่หูแดนกลางอย่าง สารัช อยู่เย็น ได้อย่างลงตัว ถือเป็นการจับคู่มิดฟิลด์ที่เพอร์เฟคเหลือเกินจนอาจจะต้องตั้งคำแถมแล้วว่าเมื่อ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ หายเจ็บกลับมา จะลงตรงไหนดี?
ปีกขวา – ศศลักษณ์ ไหประโคน: 6.5/10
ศศลักษณ์ ปล่อยหายตัวริมเส้น ยูเออี เอาชนะตัวเองง่ายไปนิด จนนำมาซึ่งประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนจะค่อยๆ หายไปจากเกมในช่วงครึ่งหลัง อย่างไรก็ตามตัวรุก ‘ปราสาทสาย’ ถือว่ารับผิดชอบเกมรุกโอเค โดยรวมนับว่าสอบผ่านสำหรับเกมใหญ่เช่นนี้ แม้จะไม่โดนเด่นอย่างที่ตนเองคงตั้งเป้าไว้ก็ตาม
มิดฟิลด์ตัวรุก – สุภโชค สารชาติ: 7.5/10
ในวันที่ไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวรุ่งวัย 21 ปีจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถก้าวขึ้นมารับบทจอมทัพได้อย่างน่าชื่นชม และแม้สไตล์การเล่นของทั้งคู่จะแตกต่างกัน แต่ความทะลุทะลวง และความขยันวิ่งไล่เพรสซิ่งแดนหน้าของ สุภโชค ก็เหมาะ ลงตัวอย่างยิ่งสำหรับเกมปะทะ ยูเออี
สุภโชค เกือบแอสซิสต์ประตูให้ทีมชาติไทยตั้งแต่ต้นเกมจากจังหวะครอสบอลเข้ากลางให้ ธีรศิลป์ แดงดา น่าเสียดายที่กองหน้ารุ่นพี่แปบอลข้ามคานออกไป หรือจะเป็นประตูขึ้นนำ ซึ่งเริ่มต้นจากการเล่นจังหวะหนึ่งสองของ สุภโชค และ ธีรศิลป์ ก่อนกองหลัง ยูเออี จะสกัดบอลไปเข้าทาง เอกนิษฐ์ ปัญญา ให้ตัวรุก ‘สิงห์เชียงราย’ ตักบอลเข้ากลาง แอสซิสต์ลูกโหม่งของ ธีรศิลป์
ปีกซ้าย – เอกนิษฐ์ ปัญญา: 9/10
เอกนิษฐ์ พิสูจน์ให้เห็นว่า “หากคุณเก่งพอ คุณก็โตพอ” ไม่ใช่แค่คำคมหล่อๆ ที่กุนซือใช้อ้างเมื่อส่งผู้เล่นดาวรุ่งลงสนาม ตัวรุกวัย 19 ปีป่วนแบ็คขวา ยูเออี ตลอดเกม ก่อนจบเกมด้วยผลงาน 1 แอสซิสต์ กับ 1 ประตูชัยสำคัญให้ทีมชาติไทยชนะ ยูเออี เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี
ศูนย์หน้า – ธีรศิลป์ แดงดา: 8/10
ประสบการณ์ และคลาสบอลระดับเทพของ ธีรศิลป์ ช่วยให้รุ่นน้องในแผงเกมรุก ไม่ว่าจะเป็น ศศลักษณ์ ไหประโคน, สุภโชค สารชาติ หรือ เอกนิษฐ์ ปัญญา เล่นได้อย่างธรรมชาติมากขึ้น แม้จะอยู่ในเกมใหญ่ก็ตาม
ทักษะอันเหนือชั้นของกองหน้าวัย 31 ปีมีประโยชน์อย่างยิ่งในจังหวะที่เขาถอยลงมาเชื่อมเกมกับเพื่อน เป็นคนสำคัญที่ช่วยทีมชาติไทยเก็บบอล กดดัน ยูเออี ให้ตั้งรับในแดนต้นเอง
ธีรศิลป์ โขกประตูขึ้นนำให้ทีมชาติไทย และมีโอกาสเข้าชาร์จจ่อๆ 2 รอบ แถมยังโหม่งชนคานอีก 1 ครั้ง น่าเสียดายที่เจ้าตัวไม่มีประตูติดไม้ติดมือไปมากกว่านี้
ตัวสำรอง
ปีกขวา/แบ็คขวา – นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม: 6.5/10
ลงมาประจำตำแหน่งปีกขวา มีจังหวะโชว์สปีดหนึ่งครั้งซึ่งเรียกลูกเตะมุมให้ทีมได้ ก่อนจะถอยลงมายืนแบ็คขวาเมื่อ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ถูกส่งลงสนาม
มิดฟิลด์ – ศิวกรณ์ เตียตระกูล: 6.5/10
ศิวกรณ์ ลงมาเสริมความมั่นคงแดนกลางได้ดี การยืนตำแหน่งของเขาช่วยป้องกันเกมรับฝั่งขวาของไทยได้ดี แม้เจ้าตัวจะไม่ได้มีส่วนสร้างสรรค์เกมรุกมากนักก็ตาม
ปีกขวา – ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา: -/10
มีเวลาในสนามน้อยเกินไป ไม่สามารถให้คะแนนได้
หัวหน้าผู้ฝึกสอน – อากิระ นิชิโนะ: 8.5/10
โค้ช อากิระ นิชิโนะ กล้าเสี่ยงจัดตัวเพื่อ 3 แต้ม และสามารถเก็บผลการแข่งขันได้ตามเป้า ซึ่งต้องชื่นชมเขาเต็มๆ ในอดีตมีหลายครั้งที่(เวลาเล่นกับทีมซึ่งมีอันดับโลกสูงกว่า)ทีมชาติไทยมักเสียกำลังใจเมื่อโดนตีเสมอ จนจบเกมด้วยความพ่ายแพ้ และสกอร์ที่ไม่น่าจดจำนัก อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในนัดพบ ยูเออี และแน่นอนว่าต้องยกเครดิตให้ใครไม่ได้นอก ‘นิชิโนะ-เซนเซย์’