ฟุตบอลไทย ไทยลีก

“รู้ไหม…การเป็น ชัปปุยส์ มันไม่ง่าย” TRIBE TALK: ชาริล ชัปปุยส์ สตาร์ผู้ไม่ต้องการสปอร์ตไลท์ (ตอนที่ 1/2)

ชาริล ชัปปุยส์ มั่นใจว่าคงไม่มีแฟนบอลไทยคนไหน ที่ไม่รู้จักชื่อนี้ มิดฟิลด์รูปหล่อเกิดและโตที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นส่วนหนึ่งของทีมเยาวชนแชมป์โลก ชุดยู17 เมื่อปี 2009 ก่อนจะดังระเบิดกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทีมชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานพาทัพ “ช้างศึก” ทวงคืนแชมป์ อาเซียน ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี

อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บหนักทำให้ ชัปปุยส์ ต้องเผชิญหน้าอุปสรรคครั้งใหญ่ วันนี้ฟุตบอลไทรบ์ไทยแลนด์จึงขอพาเพื่อนๆ ทุกท่านไปพูดคุยกับมิดฟิลด์ “กิเลนผยอง” ถึงฤดูกาลอันยากลำบาก แรกกดดันและความคาดหวังที่มากับความเป็นซุปเปอร์สตาร์ รวมถึงดาวรุ่งที่ทำให้เขาประทับใจที่สุดในฤดูกาลนี้

Football-Tribe (FT): คุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับซีซั่นที่ผ่านมา?

Charyl Chappuis (CC): นี่เป็นซีซั่นที่ยากลำบากที่สุดในเส้นทางการค้าแข้งของผม ตอนต้นฤดูกาลผมไม่ได้เล่น และไม่อยู่ในแผนการทำทีมเลย ซึ่งผมไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้มาก่อน มันใหม่ และเป็นเรื่องน่าผิดหวังมากสำหรับผม 

แต่ผมคิดว่าตัวเองฉวยโอกาสได้ดีตอนได้ลงเกมเจอ [การท่าเรือ เอฟซี] หรือ พีทีที ระยอง เอฟซี ผมโชว์ให้ทุกคนเห็นว่าผมพร้อม จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานหนักเพื่อตัวเอง จนสุดท้ายโชคดีได้โอกาสนั้นกับโค้ช กาม่า

แน่นอน ปีนี้ไม่ใช่ซีซั่นที่น่าจดจำนักสำหรับ เมืองทองฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง เลก แรก แต่ตอนนี้ผมแฮปปี้ดี ผมได้ลงสนามแทบทุกเกมตั้งแต่โค้ช กาม่า เข้ามา ในส่วนของคะแนน ผมว่าเราทำได้โอเค แต่แน่นอน ผมหวังว่ามันจะดีขึ้นกว่านี้

รู้ไหม การเป็น ชัปปุยส์ มันไม่ง่าย (ยิ้ม) บอกว่าเลย ผมเล่นดีนัดเจอ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แล้วทุกคนก็เริ่มพูดถึงทีมชาติๆ แต่ในขณะเดียวกัน หากเกมไหนผมเล่นไม่ออก คนก็เริ่มพูดแล้วว่าผมไม่เก่งพอ ผมไม่ฟิตบ้าง ผมไม่มีสมาธิกับฟุตบอลบ้าง ต่างๆ นาๆ 

ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่ผมยังต้องการพัฒนาผลงาน และกลับไปมีชื่อทีมชาติ บ้างคนบอกว่าผมสมควรมีชื่อ แต่ผมว่ามันก็อาจจะยังไม่ใช่เวลา ผมยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป ยังต้องเล่นให้สม่ำเสมอกว่านี้ จากนั้นโอกาสจะเข้ามาเอง ซึ่งผมต้องเตรียมตัวให้พร้อม

FT: คุณเคยให้สัมภาษณ์ผ่าน MTUTV ถึงความลำบากในซีซั่นนี้ และพลังบวก กับการสนับสนุนจากครอบครัว ช่วยเล่าถึงช่วงเวลานั้นให้ฟังหน่อยได้ไหม?

CC: อย่างที่ผมบอก ผมไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อนเลย (ชาริล พูดถึงการไม่ได้ลงสนาม) ผมเป็นตัวหลักของทีมมาโดยตลอด ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็เช่นกัน จนกระทั่งได้รับอาการบาดเจ็บ

ตอนย้ายไป สุพรรณบุรี เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัว ทีมก็สร้างขึ้นรอบตัวผม พอย้ายมา เมืองทองฯ ช่วง 6 เดือนแรกทุกอย่างก็เป็นอย่างนั้นเพราะ สารัช [อยู่เย็น] มีอาการบาดเจ็บ และผมได้รับบทหัวใจแดนกลาง

จากนั้นฤดูกาล 2018 เรามีทำผลงานไม่ดีเพราะไม่มีปรีซีซั่น เราเตะ ลีโอ [ปรีซีซั่น] คัพ, เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก แล้วจากนั้นแค่ 1 สัปดาห์ก่อนซีซั่นใหม่จะเริ่ม นักเตะตัวหลัก 3 คน - ธีราทร บุญมาทัน, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ ธีรศิลป์ แดงดา - ก็ย้ายออกจากทีม นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผลงานฤดูกาล 2018 ถึงขึ้นๆ ลงๆ แต่สุดท้ายเราก็จบฤดูกาลได้โอเค

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ผมมองว่าเราทำตัวเราเอง ผมมองว่า [โค้ชเบ๊ ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก] ไม่ถึงมาตรฐานของ เมืองทองฯ 

ตอนนี้โค้ชทำผลงานเยี่ยมกับ สุโขทัย เอฟซี พวกเขาไม่ค่อยแพ้ใคร แต่ด้วยสไตล์ความเป็น เมืองทองฯ ที่ได้รับการจับตา และต้องรับมือกับเสียงวิจารย์รอบด้าน ทุกอย่างเลยไปไม่รอด

ทว่าสิ่งสวยงามเกี่ยวกับ เมืองทองฯ คือในวันที่คุณชนะ ที่นี่คือสโมสรที่ดีที่สุด และนี่มาจากปากของคนที่เคยเล่นให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกหนึ่งสโมรยักษ์ใหญ่ของประเทศ

เหมือนที่บอก ผมต้องการครอบครัวมากๆ ผมไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ผมไม่ชอบอยู่ในม้านั้งสำรอง มันทำให้รู้สึกโมโห และอึดอัดสุดๆ

FT: จากการเป็นศูนย์กลางของทีมอื่นๆ มันยากไหม ที่ต้องปรับตัวเมื่อย้ายมาอยู่กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีสตาร์เต็มทีมอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน หรือ สารัช อยู่เย็น อยู่แล้ว?

 

CC: ผมรู้จักพวกเขาดีจากทีมชาติมาก่อนแล้ว เรามี 3-4 ปีอันยอดเยี่ยมที่ได้ลงเล่นเคียงข้างกันแทบทุกนัด 

คุณต้องเข้าใจนะ ผมไม่ได้ต้องการเป็น “ตัวหลัก” ของทีมหรืออะไรทำนองนั้น ผมคือ “ทีมเพลย์เยอร์” ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีม อยากจะเล่นฟุตบอลในสไตล์ของตัวเอง 

แน่นอนล่ะ การเป็นศูนย์กลางของทีมมันช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมมองหา ผมแค่อยากเล่นฟุตบอล ใช้เวลาในสนาม และคว้าชัยชนะมาให้ได้

อาการบาดเจ็บที่ผ่านไป มันทำให้ผมนึกคิดได้ว่ารักฟุตบอลขนาดไหน การได้ลงเล่นคือความรู้สึกที่หาอะไรเทียบไม่ได้ แต่นี่ก็มาพร้อมกับความกดดันของการเป็น “ตัวหลัก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเคสของผม ที่ได้ถูกจับจ้องจากทุกคนทั้งเรื่องฟุตบอล และเรื่องนอกสนาม

FT: คุณเล่าถึงการเป็นส่วนหนึ่งของทีมตั้งแต่เด็ก โดยซีซั่นนี้ทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด บี ยังเพิ่งคว้าแชมป์ ออมสิน ลีก 2019 (T4) และดาวรุ่งหลายคนก็ขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่แล้ว ในขณะเดียวเดียวกัน เราเห็นอยู่บ่อยๆ ที่นักเตะดาวรุ่ง ไม่สามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้เต็มที่ และไม่สามารถแทรกขึ้นทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ คุณมีอะไรจะแนะนำน้องๆ เหล่านี้บ้าง?

 

CC: ผมดูออกนะ ว่าน้องๆ แฮปปี้ และภูมิใจ[ที่ได้ขึ้นมาซ้อมกับชุดใหญ่] ไม่ต่างกับตัวผมเองตอนอายุ 17 ที่คิดว่าตัวเองสำเร็จแล้ว ทว่ามันยากที่จะก้าวไประดับสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านักเตะรุ่นพี่ยังอยู่ในทีม คุณจะรู้สึกประหม่าเพราะมีความคุณเคารพของเขามากๆ ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ต้องทำคือลืมมันไปซะเมื่ออยู่ในสนาม เล่นให้เต็มที่ นี่คือสิ่งที่น้องๆ ที่นี่ยังขาด

ยกตัวอย่าง ดัสกร ทองเหลา ตอนซ้อมไม่มีใครกล้าแตะเขาเลย เพราะเขาคือ ดัสกร! นี่คือจุดที่นักเตะเยาวชนต้องปรับ ดูตัวอย่างเช่น พีม [พัชรพล อินทนี] ซึ่งเขากล้าจะปรับ เขาเป็นเด็กชอบถาม และผมพยายามให้คำแนะนำเขาเสมอ เขาคงมองผมเป็นเหมือนพี่ชาย เราจึงสนิท เป็นรูมเมท และได้ลงสนามด้วยกันหลายเกม

[พีม] คือนักเตะที่ยอดเยี่ยมเพราะเขาแตกต่าง ทัศนคติของเขาไม่เหมือนคนอื่น แถมตอนนี้เริ่มพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย โค้ช กาม่า ให้โอกาสเขา และเขาก็คว้ามันไว้ได้ ผมจึงไม่แปลกใจที่เขาก้าวมาถึงจุดนี้ นี่คือบทเรียนสำหรับนักเตะเยาวชนไทย คุณต้องคว้าโอกาสมาให้ได้ เพราะมันไม่ได้มาบ่อยๆ 

FT: นอกจากทัศนคติที่แตกต่างจากดาวรุ่งขึ้น ยังมีปัจจัยอะไรอีกไหมที่ทำให้ พีม มีซีซั่นที่น่าจดจำ?

 

CC: เขายอดเยี่ยมมาก ปีก่อนเขาได้ลงสนามบ้างเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค ปีนี้ขยับขึ้นมากองกลาง และเคยเล่นให้ กาม่า ในชุด ยู23 ด้วย 

เขามีเรื่องต้องพัฒนาอีกมาก แต่ในขณะเดียวกัน [พีม] เป็นเด็กที่กระหายที่จะเรียนรู็ เขาพร้อมรับฟังคำติชมเสมอ ซึ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เขาสมควรได้ยืนอยู่จุดนี้ และผมคอยบอกกับเขาตลอดว่าให้มีความสุขกับทุกๆ โมเม้น ใครจะไปรู้ วันนึงคุณเล่นดี ฟุตบอลมันอาจจะพาคุณก้าวไปในระดับที่สูงกว่าก็เป็นได้

จบไปแล้วสำหรับตอนที่ 1 ของบทสัมภาษณ์พิเศษ "TRIBE TALK: ชาริล ชัปปุยส์ สตาร์ผู้ไม่ต้องการสปอร์ตไลท์" สำหรับตอนที่ 2 เราไปอ่านกันสิว่า โบซิดาร์ บันโดวิช และ อเล็กซานเดร กาม่า 2 กุนซือต่างชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฟุตบอลไทย มีความคล้าย หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ในมุมมองของ ชัปปุยส์

นอกจากนี้กองกลางวัย 27 ปียังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องแทคติกกับบทบาทการเล่น โอกาสหวนคืนทีมชาติ และการรับมือเสียงวิจารย์ต่างๆ นาๆ บนโลกโซเชียลฯ

ทั้งหมดนี้ ติดตามได้ที่ฟุตบอลไทรบ์ไทยแลนด์ที่เดียว! อดใจรอสักครู่ อย่าพลาดกันนะครับ