ธีรศิลป์ แดงดา ย้ำถึงความสำคัญของตราสัญลักษณ์บนอกข้างซ้าย เหนือเบอร์เสื้อ หลังสละเสื้อเบอร์ 10 ทีมชาติไทยให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์
ในกีฬาฟุตบอล เสื้อเบอร์ 10 คือเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายเหนือกว่าเบอร์อื่นๆ ไม่น้อย และ ธีรศิลป์ แดงดา ยอดศูนย์หน้าทีมชาติไทยก็เป็นนักเตะอีกหนึ่งคนที่ใช้ผลงาน สร้างความขลังให้เสื้อเบอร์ 10 ทีมชาติไทย
ทว่าก่อนเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย กับ ทีมชาติเวียดนาม แฟนบอล ‘ช้างศึก’ ก็ได้มีเรื่องมาให้ตื่นเต้นแบบไม่ได้ตั้งตัวเมื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เปลี่ยนมาสวมเสื้อเบอร์ 10 ของ ‘เทพมุ้ย’ และสละเบอร์ 18 ให้ เอกนิษฐ์ ปัญญา ตัวรุกวัย 19 ปี แข้งอายุน้อยที่สุดในทีมชาติไทยชุดแรกของ อากิระ นิชิโนะ
“ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดอะไรกับเบอร์ 10 เลยครับ มันไม่ใช่ของผม แต่มันเป็นของทีมชาติไทย และ ที่ผ่านมา ก็มีรุ่นพี่หลายๆ คนสวมใส่ จนกระทั่งมาถึงผมที่รับช่วงต่อจาก พี่แบน (ธชตวัน ศรีปาน) อีกทึนึง ดังนั้น ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้ครับ” ธีรศิลป์ กล่าวกับ ช้างศึก
“ล่าสุดผมมีโอกาสคุยกับ เจ (ชนาธิป สรงกระสินธ์) และบอกว่า เบอร์ 10 ว่างนะ สนใจใส่หรือเปล่า ตอนแรกน้องมันก็ยิ้มๆ แต่ผมก็บอกว่าให้ใส่เลย เพราะดูแล้วน่าจะไม่มีใครใช้ จากนั้น เจ ก็เลือกที่จะใส่ แน่นอน ผมรู้ว่าในฟุตบอล เบอร์ 10 มันค่อนข้างมีความหมาย แต่มันก็ไม่ได้สำคัญไปกว่า ตราสัญลักษณ์บนอกข้างซ้ายหรอก และ อีกอย่าง เจ ใส่เบอร์อะไรก็ได้ครับ เพราะยังไง เจ ก็เป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม”
นอกจากการเปลี่ยนเบอร์เสื้อของ ชนาธิป จะแสดงถึงความสำคัญที่ เจ มีต่อทีมชาติแล้ว นี่ยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดขึ้นจากการเข้ามาของ โค้ช นิชิโนะ เป็นยุคใหม่ของทีมชาติไทยที่มีดาวรุ่ง และนักเตะหน้าใหม่เข้ามาพิสูจน์ตัวเองหลายคน ซึ่ง ธีรศิลป์ เชื่อว่ามีคือวัฏจักรของวงการฟุตบอล
“การเปลี่ยนแปลงในฟุตบอล เป็นเรื่องธรรมดาครับ ช่วงหนึ่งอาจเป็นช่วงของเรา แต่พอผ่านช่วงนั้นไปแล้ว มันก็ต้องมีคนใหม่ๆ ขึ้นมา ส่วนตัวผมก็ยังอยากที่จะกลับเข้าไปมีส่วนร่วมในทีมชาติอีกครั้งครับ แต่อย่างที่บอก ผมก็ไม่ได้ยึดติดกับอะไรกับทั้งนั้น ทุกอย่างไม่มีของใครคนใดคนนึง แต่มันเป็นของทีมชาติไทย ครับ”
“ถึงแม้วันนี้ ผมจะไม่ได้อยู่ที่นั่นกับคนอื่นๆ แต่ผมก็ยังเชียร์ ยังคอยเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนเสมอ และ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมก็อยากให้ ทีมชาติไทย มีผลงานที่ดี ส่วนในแง่ความคาดหวัง ผมว่านักฟุตบอลหลายคน เข้าใจ และ ผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาเยอะแล้ว”
“หวังว่าทุกคนจะเปลี่ยนความกดดัน เป็นแรงผลักดันที่ดีครับ ไม่ต้องเอาผลงาน 4 ปีที่แล้ว มาเป็นมาตรฐาน หรือ ชี้วัด เพราะตอนนั้น กับ ตอนนี้ มีหลายๆอย่าง ที่เปลี่ยนแปลงไป เอาเป็นว่า ทำตรงนี้ให้ดีที่สุดพอครับ และ ส่วนตัวผม จะคอยเป็นกำลังใจจากทางนี้ครับ” กองหน้า เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวปิดท้าย
สำหรับทีมชาติไทยมีโปรแกรมทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม จี นัดแรกพบ ทีมชาติเวียดนาม ในวัน พฤหัสบดี ที่ 5 กันยายน นี้ ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เวลา 19:00 น.