ยุโรป พรีเมียร์ลีก

เจาะลึกแผงหลัง “บิ๊ก 6 พรีเมียร์ลีก” (ตอน 1/2)

ตึกที่สูงใหญ่ต้องตั้งบนรากฐานที่แข็งแกร่งเช่นไร แผงหลังของยอดทีมฟุตบอลก็ต้อมแข็งแกร่งเช่นนั้น วันนี้ฟุตบอลไทรบ์ไทยแลนด์ขอพาเพื่อนๆ ทุกคนไปเจาะลึก วิเคราะห์วิจารณ์จุดอ่อน จุดแข่ง ตัวผู้เล่นเก่า และใหม่ของเหล่าสโมสรบิ๊ก 6 แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019/20

ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลย!

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

เริ่มกันที่อันดับ 6 ซีซั่นที่แล้วอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งคุ่มเงินกว่า 125 ล้านปอนด์ดึงตัวแบ็คขวา อารอน วาน-บิสซาก้า และเซ็นเตอร์แบ็ค แฮรี่ แม็คไกวร์ มาจาก คริสตัล พาเลซ และ เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นการอุดรอยรั่วการจากไปของ อันโตนิโอ บาเลนเซีย แบบตรงจุด แถมยังเป็นการอัพเกรดขึ้นจากผู้เล่นเก่าๆ อย่าง มัตเตโอ ดาร์เมียน หรือ มาร์กอส โรโฮ ที่น่าจะหมดอนาคตในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงชัดเจนซีซั่นนี้คือความพยายามในเกมออกบอล หรือขึ้นเกมจากหลังของ ยูไนเต็ด ที่สูงกว่าสมัย โชเซ่ มูรินโญ่ พอสมควร

จาก 3 นัดที่ผ่านมา วิคเตอร์ ลินเดลอฟ กับ แม็คไกวร์ มีสถิติจ่ายบอลทั้งหมด 76.7 และ 75.3 ครั้งต่อ 90 นาที มากเป็นอันดับ 4 และ 5 ของในเหล่ากองหลังพรีเมียร์ลีกตามลำดับ ต่างกันลิบลับจากยุค มูรินโญ่ ที่เซ็นเตอร์แบ็ค ของ ยูไนเต็ด มีค่าเฉลี่ยจ่ายบอลรวมกันเยีงราวๆ 47 ครั้งต่อ 90 เท่านั้น

ยังไม่พอ การได้ แม็คไกวร์ มาร่วมทีมยังเสริมมิติการวางบอลยาวจากหลังไปหน้าให้ทัพ ‘ปีศาจแดง’ อีกด้วย เห็นได้สถิติวางบอลยาวเข้าเป้า 7 ครั้งต่อ 90 นาที มากที่สุดในบรรดากองหลังพรีเมียร์ลีก

ในส่วนของเกมรับ วาน-บิสซาก้า ก็ถือว่าเหนียวกว่าแบ็คขวาคนก่อนๆ มาก โดยแข้งทีมชาติอังกฤษชุด ยู21 มีเข้าสกัดบอลสำเร็จ 5.3 ครั้งต่อ 90 นาที สูงสุดในบรรดากองหลังพรีเมียร์ลีก มากกว่า ดิโอโก้ ดาโลต์ แบ็คขวาที่สกัดบอลได้มากครั้งที่สุดเมื่อซีซั่นที่ก่อนกว่าหนึ่งเท่าตัว

ตำแหน่งแบ็คขวาคือจุดแข็งที่สุดของแผงหลัง ยูไนเต็ด หาก โซลชา เลือกใช้ วาน-บิสซาก้า เขาก็จะได้ความเหนียวแน่นเกมรับ ในขณะที่หากเขาเลือกใช้ ดาโลต์ ก็ได้จะตัวเดิมเกมริมเส้นซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเร็ว และการครอสบอลเข้ากลางที่แม่นยำ

จุดอ่อนที่น่าเป็นห่วงคือการเล่นลูกกลางอากาศของ ลินเดลอฟ อย่างที่เห็นในจังหวะเสียประตูแรกให้ คริสตัล พาเลซ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลือกแบ็คซ้ายที่แค่ ลุค ชอว์ เท่านั้นที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้บ้าง แต่เจ้าตัวก็ดันมาเจ็บไปเสียอีก บีบให้ โซลชา ต้องหันไปหาตัวเก๋าอย่าง แอชลี่ย์ ยัง หรือจอมบุ่มบ่ามอย่าง โรโฮ

อาร์เซน่อล

ต่อกันที่ อาร์เซน่อล ที่มีปัญหาเรื่องกองหลังมาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์เมื่อกัปตันทีม โลร็อง โกเซียลนี เกินงองแง ไม่บินไปร่วมปรีซีซั่น ร้องจะย้ายทีมอย่างเดียวจนสุดท้ายถูกปล่อยกลับไปฝรั่งเศสกับสโมสร บอร์กโดซ์

โชคยังดีที่วันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะทัพ ‘ปืนใหญ่’ สามารถดึงตัว ดาวิด ลุยซ์ เซ็นเตอร์แบ็คหัวฟูจากคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เชลซี มาได้สำเร็จ แน่นอนทุกคนต่างตั้งข้อสงสัยกับความสามารถเกมรับของแข้งทีมชาติบราซิล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกมพ่าย ลิเวอร์พูล ที่ถูก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พาทัวร์จนเสียเชิง) แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คืออย่างน้อยเขาก็ยังกว่าตัวเลือกอื่นๆ ในทีมก่อนหน้านี้ แถมสไตล์การเล่นที่กว่าได้กว่าเสีย มั่นใจในการต่อบอลขึ้นเกมจากหลังก็เป็นสเป็คนักเตะที่ตอบโจทย์กุนซือ อูไน เอเมรี่ สุดๆ

ข้างๆ กัน โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ถือเปนคู่หูที่ลงตัว เป็นการผสมผสานที่ลงตัวของลูกหนัก ลูกชน กับกองหลังจอมลีลา 

อย่างไรก็ตามฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างคือจุดที่ เอเมรี่ ควรจะเป็นกังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแบ็คซ้ายที่ยังคงให้โอกาส นาโช่ มอนเรอัล ลงสนามทั้งๆ ที่ 3 เกมมานี้ แข้งทีมชาติสเปนพยายามเข้าสกัดบอลเพียง 3 ครั้ง น้อยเป็นอันดับ 6 ในบรรดาแบ็คซ้ายพรีเมียร์ลีก และน้อยสุดในบรรดาแบ็คซ้ายบิ๊ก 6 

ตัดสินจากผลงานสมัยค้าแข้งกับ เซลติก คีแรน เทียร์นีย์ แบ็คซ้ายตัวใหม่วัย 22 ปีก็ดูเป็นนักเตะที่มีศักยภาพพอสมควร แต่เมื่อเขายังไม่ได้ลงเล่น เราก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาดีพออุดจุดอ่อนตรงนี้หรือไม่ แล้วในส่วนของ ‘ไอ้รถถัง’ เซอัด โคลาซินัช ก็ถือเป็นตัวเลือกที่โอเค แต่หากไปเทียบกับแบ็คซ้ายบิ๊ก 6 ทีมอื่นๆ ก็ต้องยอมรับว่ายังเป็นรองอยู่นิดนึง

ฝั่งขวา เอนส์ลีย์ เมตแลนด์-ไนลส์ ก็ไม่แตกต่างอะไรมากเช่นกัน เพียงแต่ฟูลแบ็ควัย 22 ปียังพอมีเรื่องเกมรุกที่ดุดันมาเป็นจุดขายได้บ้าง อย่างที่เห็นในจังหวะแอสซิสต์ประตูชัยสุดสวยให้ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง นัดเปิดฤดูกาลพบ นิวคาสเซิ่ล 

เมตแลนด์-ไนลส์ มีสปีดและความฟิตที่ไม่เป็นรองใคร การเคยเป็นกองกลางมาก่อนทำให้เขาเชื่อมบอลได้ดี ไม่มีปัญหา จะมีข้อบกพร่องก็แค่เกมรับกับการที่เข้าไม่ค่อยขยันเปิดบอลเท่านั้นเอง 

จากการลงสนามเต็มเกม 3 นัด เมตแลนด์-ไนลส์ เปิดบอลเพียง 4 ครั้งน้อยกว่าแบ็คขวา เชลซี, ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ก็เป็นลูกครอสเข้าเป้าถึงครึ่งนึง ได้มา 1 แอสซิสต์ 

ในขณะเดียว เฮคเตอร์ เบเยริน แบ็คขวาตัวจริงก่อนหน้านี้ ก็มีคิวกลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว และหากดาวเตะแฟชั่นนิสต้ากลับมาลงเล่นภายในเดือนกันยายนได้ตามกำหนด ก็นับข่าวดีสุดๆ สำหรับ เอเมรี่ ที่จะได้มีตัวเลือกแบ็คขวา 2 สไตล์ไว้ใช้ ทั้งแบบดุดัน เชื่อมเกมดี กับพวกเร็วจี๋ขยันเปิดอย่าง เบเยริน

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

ทีมสุดท้ายที่เราจะเจาะลึกในตอนที่ 1 ได้แก่รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ปีนี้ทุ่มเงินซื้อนักเตะมาเสริมทีมเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แต่ก็ต้องจำใจแยกทางกับแบ็คขวาทีมชาติอังกฤษ คีแรน ทริปเปียร์ ที่ย้ายออกไปหาความท้าทายใหม่ ณ ศึก ลา ลีกา สเปนกับ แอตเลติโก้ มาดริด

การเสียผู้เล่นที่ครอสบอลแม่นยำอย่าง ทริปเปียร์ ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพการเดิมเกมริมเส้นของ สเปอร์ส ที่มักใช้ฟูลแบ็คทั้งสองฝั่งดันสูง ยึดพื้นที่ริมเส้นไว้เป็นตัวดึงแผงเกมรับคู่แข่งให้ห่างออกจากกัน สร้างที่ว่างด้านใน เพื่อให้ตัวสร้างสรรค์เกม (เช่น เอริคเซ่น ) ทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น อ่อ แล้วคู่แข่งจะไม่ฉีกออกไปปิดฟูลแบ็ค สเปอร์ส ก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็น ทริปเปียร์ หรือแบ็คซ้าย แดนนี่ โรส ล้วนเป็นพวกเปิดแม่นเหมือนจับว่างทั้งคู่

ซีซั่นนี้เมื่อไม่มี ทริปเปียร์ แล้ว ไคล์ วอล์คเกอร์ ปีเตอร์ส จึงต้องยกระดับตนเองขึ้นมาให้ได้โดยเร็ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดซึ่ง สเปอร์ส พ่ายให้กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 

วอล์คเกอร์ ปีเตอร์ส เร็วก็จริง แต่เขายังขาดความสามารถในการรีบครอสบอลในจังหวะแรกให้แม่นยำเหมือนกับ ทริปเปียร์ เท่ากับต้องเสียเวลาจับบอลก่อนอย่างน้อย 1 จังหวะ และเมื่อถึงเวลานั้น แนวรับ นิวคาสเซิ่ล ก็จัดระเบียบกันเสร็จรีบร้อยแล้ว 

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อาจต้องรอการกลับมาของ แซร์ช โอริเย่ร์ อดีตแบ็ค ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หากหวังจะได้มีตัวครอสบอลจากฝั่งขวาที่ดี (แต่ก็ใช่ว่าแข้งทีมชาติไอวอรี่โคสต์จะฟอร์มเสมอต้นเสมอปลาย เพราะฉะนั้นสาวก ‘ไก่เดือยทอง’ ต้องลุ้นกันหนักหน่อยกับจุดนี้)

แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งเครียดไป! แม้ว่าตัวเลือกแบ็คขวาจะไม่สมบูรณ์นัก แต่ทางซ้ายนั้นยังอยู่ครบ แดนนี่ โรส ยังคงรักษามาตรฐานได้เยี่ยม มีสถิติครอสบอล 15 ครั้ง เยอะสุดในทีม และมากเป็นอันดับ 5 ในบรรดาแบ็คซ้ายพรีเมียร์ลีก 

ส่วนเกมรับก็หายห่วง เปิดซีซั่นมา 3 นัดด้วยสถิติเข้าสกัดบอลสำเร็จ 100% จากความพยายาม 4 ครั้ง และสิ่งที่น่าสนใจคือ ในเหล่าแบ็คซ้ายทีมบิ๊ก 6 โรส คือคนที่มีสถิติเข้าสกัดน้อยเป็นอันดับ 2 รองจาก มอนเรอัล ของ อาร์เซน่อล บ่งบอกถึงสไตล์การเล่นของ โรส ที่ขยันเดิมเกม แต่พอต้องลงมาเล่นเกมรับ ก็ไม่ได้มาไล่เตะคู่แข่งมั่วซั่วให้เสียฟาวล์เล่น

ในส่วนของตัวสำรองแบ็คซ้าย เบน เดวีส์ และเด็กใหม่ ไรอัน เซสเซยง ก็เป็นออปชั่นที่มีศักยภาพ ถือว่าเหนือกว่าสำรองแบ็คซ้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือ อาร์เซน่อล ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้มาก

เรื่องน่าห่วงอย่างเดียวของ สเปอร์ส คงหนีไม่พ้นเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซ็นเตอร์ฝั่งซ้าย ซึ่งตลอดหลายซีซั่นที่ผ่านมาเป็นของ ยาน แฟร์ทองเก้น แต่เพียงผู้เดียว แต่ตอนนี้ปราการหลังทีมชาติเบลเยียมกลับถูกดรอปด้วยปัญหาสัญญา

ดาวินซอน ซานเชซ ผู้ถนัดเท้าขวาไม่สามารถ (หรืออย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะ) ทดแทนการยืนตำแหน่งของผู้เล่นเท้าซ้ายอย่าง แฟร์ทองเก้น ได้สมบูรณ์

แอสตัน วิลล่า ได้ประตูขึ้นนำ สเปอร์ส จากจังหวะวางบอลยาวข้ามหัว ซานเชซ ส่วนเกมที่แล้ว โจลินตัน ก็หลุดเข้าไปยิงได้เพราะ ซานเชซ ยืนตำแหน่งเข้ามาชิดด้านในไปหน่อย แถมศูนย์หน้า นิวคาสเซิ่ล ยังเอาชนะ ซานเชซ ในจังหวะเบียด บัง ชน ได้ตลอดเกมอีกด้วย 

โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ที่เคยงองแงจะย้ายทีม ตอบแทนความเชื่อใจของ โปเช็ตติโน่ ด้วยความเป็นมืออาชีพ และดูเหมือนจะเป็นกองหลังที่ดีที่สุดของ สเปอร์ส ณ ตอนนี้ ด้วยสถิติจ่ายบอล 86.3 ครั้งต่อ 90 นาที มากอันดับ 3 ของลีก เป็นหัวใจในการขึ้นเกมอย่างที่ โปเช็ตติโน่ ต้องการ 

หากดูแค่รายชื่อ สเปอร์ส ควรจะมีแผงหลังที่แข็งแกร่งกว่าทั้ง ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล น่าเสียดายที่ปัญหาภายในทีมทำให้พวกเขาไม่สามารถหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมไหนมีแผงหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในใจคุณ?

สำรหับแฟนๆ อีก 3 สโมสรยักษ์ใหญ่ที่เหลืออย่าเพิ่งน้อยใจ ติดตามบทวิเคราะห์เจาะลึกแผงหลัง "บิ๊ก 6 พรีเมียร์ลีก" ตอนที่ 2 ได้เร็วๆ นี้ ขอบคุณครับ