อากิระ นิชิโนะ กุนซือป้ายแดง ‘ช้างศึก’ ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศไทยครั้งแรก แสดงความมั่นใจในการทำงานด้วยเวลากระชั้นชิด และขอ “ยกระดับนักเตะไทย” ไปอีกขั้น
“สวัสดีครับ ผมชื่อ อากิระ นิชิโนะ ผมขอขอบคุณสำหรับโอกาสที่ได้เข้ามาทำทีมชาติไทยชุดใหญ่ และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ผมก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ” เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์ ณ ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย
“อย่างที่ทราบกันว่า ปีที่แล้ว ผมได้พาทีมชาติญี่ปุ่นเข้าไปเล่นถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก หลังจากนั้นเป็นเวลา 1 ปี ผมก็มาทำงานเบื้องหลังที่ญี่ปุ่น ผมได้เจอกับท่านนายกสมยศ ผมเห็นความตั้งใจของท่านนายก และของสมาคมฯ ที่จะพัฒนาทีมชาติไทย ผมจึงยินดีที่จะมาร่วมงานด้วย”
“ผมได้มีโอกาสมาดูการทำงานของทีมชาติไทยก่อนหน้านี้ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะพัฒนาทีมชาติไทย ทั้งการแข่งฟุตบอลโลก รวมถึงการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ซึ่งจะมีผลต่อการแข่งขันโอลิมปิกส์ มันมีโอกาสเป็นไปได้มาก แต่มันไม่ได้ขึ้นกับผมคนเดียว มันขึ้นกับสมาคมฯ และทางแฟนบอลเองด้วย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นิชิโนะ เข้ามารับงานคุมทีมด้วยเวลาจำกัด โดยอดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่นเคยพาทัพ ‘ซามูไร บลู’ ทะลุเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 มาแล้ว แม้เข้ามารับงานคุมทีมก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มต้นขึ้นเพียง 2 เดือนเท่านั้น ซึ่ง นิชิโนะ แสดงความเชื่อมั่นว่า ด้วยแรงสนับสนุนจากสมาคมฟุตบอลแห่งประทเศไทยฯ แฟนบอล และนักเตะทุกคน ทีมชาติไทยจะสามารถประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่กำลังจะถึงนี้
“เดือนกันยายนนี้ การแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจะเริ่มขึ้นแล้ว ถึงเวลาจะมีไม่เยอะ แต่จากประสบการณ์การทำทีมชาติญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ผมใช้เวลาแค่ 2 เดือน ผมจึงเชื่อว่า ความแข็งแกร่งของนักฟุตบอลไทยจะช่วยได้ และผมก็มีความมั่นใจมากว่า เราจะเตรียมทีมทันสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก”
“ทั้งนี้ทั้งนั้น มันไม่ได้ขึ้นกับผมคนเดียว ผมต้องการความร่วมมือจากทั้งสมาคมฯ และแฟนบอลด้วย รวมถึงสื่อมวลชนทุกๆ ท่านในที่นี้ ซึ่งผมเชื่อว่า หากเราร่วมมือกัน มันจะช่วยพัฒนาให้เราไปสู่ฟุตบอลโลกหรือโอลิมปิกส์ในอนาคตได้”
“ตอนนี้ก็คงเร็วเกินไปที่จะตั้งความหวังในระยะยาว เบื้องต้นผมคงต้องดูไปวันต่อวันก่อน ดูนักเตะของเราก่อน แต่สำหรับบอลโลก รอบคัดเลือก ผมอยากผ่านรอบนี้ไปให้ได้ และเกมแรกกับเวียดนาม ซึ่งเป็นเกมแรกของผม ผมก็หวังว่าจะชนะเวียดนามได้”
“ก่อนที่ผมจะพาญี่ปุ่นไปบอลโลกรอบสุดท้าย ทางสื่อญี่ปุ่นก็ถามว่ามันมีเวลาแค่ 2 เดือน ผมจะทำได้ไหม ซึ่งผมก็สามารถพาทีมไปบอลโลกได้ เพราะฉะนั้น ผมไม่ได้กังวลเรื่องระยะเวลามากนัก ในทางตรงกันข้าม สำหรับนักฟุตบอลญี่ปุ่น การจะไปบอลโลกให้ได้ พวกเขาก็ต้องพัฒนาตัวเอง แต่สำหรับผม ผมมองว่านักเตะไทยยังยกระดับได้อีกเยอะ ซึ่งต่างจากญี่ปุ่น ที่ตอนนี้ระดับทีมไม่ได้ต่างมากจากระดับฟุตบอลโลกแล้ว ฉะนั้น การมีเวลาเพียงแค่นี้ ผมก็หวังว่าจะสามารถยกระดับนักเตะไทยได้มากพอสมควร”
“จากประสบการณ์ของผม และจากการที่ผมเห็นด้วยตามาแล้ว ผมสามารถยกระดับนักเตะไทยได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมทำงานมาในญี่ปุ่น การเห็นนักเตะญี่ปุ่นเล่นด้วยเทคนิคที่คล้ายกัน มันทำให้ผมคิดอย่างนั้น”
“ตอนนี้ ผมยังมาที่นี่คนเดียว ผมมาดูการทำงานที่นี่ เห็นโค้ชไทยที่มีความสามารถหลายคน และเห็นความมุ่งมั่นต่างๆ ของสตาฟฟ์โค้ชในไทย ผมตั้งใจมาทำงานที่นี่คนเดียว เพื่อร่วมงานกับสตาฟฟ์โค้ชคนไทย เพื่อสร้างทีมชาติไทยขึ้นมา ไม่ใช่การนำโค้ชจากญี่ปุ่นมาทั้งหมด หากมีมาจากญี่ปุ่น ก็คงจะมีแค่ 1 คน มาร่วมงานที่นี่ เพื่อสร้างทีมชาติไทยร่วมกับคนที่นี่ทั้งระบบ อย่างไรก็ตาม หากผมนำทีมงานจากญี่ปุ่นมาเพิ่ม ก็แปลว่าพลังของผมคนเดียวคงยังไม่พอ แต่ผมตั้งใจว่าจะทำให้ได้” นิชิโนะ ทิ้งท้าย