BEST MANAGER: จเด็จ มีลาภ
แม้จะอดใช้งานกัปตันทีมตัวเก่ง ดาบิด โรเชล่า ที่ยังไม่หายขาดจากอาการบาดเจ็บ หรือ 2 คู่หูกราบขวาที่เพิ่งระเบิดฟอร์มเทพในเกมปราบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อย่าง ปกรณ์ เปรมภักดิ์ และ นิติพงษ์ เสลานนท์ แต่ “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ ก็สามารถงัดแทคติกกับกลยุทธ์เด็ดออกมาดับ สุพรรณบุรี เอฟซี ได้สำเร็จ
ชัยชนะ 3-2 ของ การท่าเรือ เอฟซี เหนือทัพ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ถือเป็นชัยชนะครั้งที่ 6 จากการพบกัน 8 ครั้งบนลีกสูงสุดระหว่าง จเด็จ มีลาภ และ โค้ชแบน ธชตวัน ศรีปาน เป็น 3 แต้มสำคัญให้ “สิงห์เจ้าท่า” ยึดตำแหน่งจ่าฝูงต่อไปเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
WORST MANAGER: จักรพันธ์ ปั่นปี
โค้ชโบ้ จักรพันธ์ ปั่นปี ยังคงมีปัญหาในการรักษามาตรฐานการเล่นของทีม ชัยชนะสุดมันส์ 7-5 เหนือ เชียงใหม่ เอฟซี หรือเกมบุกล้ม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 4-2 คือตัวอย่างเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพนักเตะ และพิษสงเกมรุกของทีม
อย่างไรก็ดี ความพ่ายแพ้ขาดลอย 4-0 ต่อ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ทำให้ทัพ “ฉลามชล” เป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในลีก ณ ตอนนี้ ชี้ถึงจุดบอดที่ โค้ชโบ้ ยังคงแก้ไขไม่ได้เสียที
BEST PLAYER: เซร์คิโอ ซัวเรซ (การท่าเรือ เอฟซี)
พ่อมดชาวสเปนคือหัวใจ และทุกอย่างของ การท่าเรือ เอฟซี ในวันที่ไม่มี โก ซุล กิ ค่อยแบ่งเบาหน้าที่การคุมจังหวะเกม
เซร์คิโอ ซัวเรซ เคลื่อนที่หาช่องได้อย่างยอดเยี่ยมยามไม่มีบอลกับตัว เอาตัวรอดได้ตลอดด้วยทักษะอันเหนือชั้น และจบเกมด้วยผลงาน 3 แอสซิสต์ พาทีมแซงชนะ 3-2 นั้งแท่นจ่าฝูงศึก โตโยต้า ไทยลีก ต่อไป
WORST PLAYER: วีระวุฒิ กาเหย็ม (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
วีระวุฒิ กาเหย็ม ได้บอลค่อนข้างเยอะ แต่กลับไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้เท่าที่ควร ฟูลแบ็ควัย 26 ปีมักเอาชัวร์ เคลียบอลให้พ้นตัวไปก่อนเมื่อถูกกดดัน ไม่แสดงถึงความกล้าเล่น ทั้งๆ ที่หลายครั้งการเสี่ยงเชื่อมเกม ต่อบอลกับเพื่อนน่าจะเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
แข้งลูกหม้อ "กิเลผยอง" คุมเกมรับไม่อยู่ และไม่มีบทบาทริมเส้นกราบซ้ายเลย แม้แต่ช่วงที่ทีมเร่งเครื่องล่าประตูตีเสมอ เชื่อได้ว่าแฟนบอลหลายๆ ท่านคงคาดหวังมากกว่านี้จากแบ็คซ้ายของทีมระดับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
BEST MATCH: การท่าเรือ เอฟซี 3-2 สุพรรณบุรี เอฟซี
แมตช์สุดมันส์ซึ่งมีครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นการนำก่อน 2 รอบของทีมรอง เจ้าบ้านบุกแหลก ไล่บี้ประตูตีเสมอ และประตูชัย ลูกยิงสุดสวย หรือจังหวะนอนเล่น แอคติ้งแกล้งเจ็บ ดึงเวลาที่น่าหงุดหงิด แต่พอเห็นภาพช้าแล้วก็แอบขำเล็กๆ
WORST MATCH: สมุทรปราการ ซิตี้ 1-0 ชัยนาท ฮอร์นบิล
ทั้ง 2 ทีมเล่นได้ใกล้เคียงกัน จนกลายเป็นเกมที่ค่อนข้างอึดอัด ซึ่งมีประตูให้ได้ชมกันเพียงลูกเดียว
BEST GOAL: เลอันโดร อัสซัมพ์เซา (น.40, นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-0 ชลบุรี เอฟซี)
ประตูทิ้งห่าง 2-0 ของ “สวาทแคท” เป็นลูกที่แสดงถึงฤทธิ์เดชของ 3 ประสานตัวรุกต่างชาติของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่มจากความเร็ว และแข็งแกร่งของ อมาดู อ็อตตาร่า ในจังหวะสปีดแข่งกับ อลงกรณ์ ประทุมวงศ์
ต่อไปถึงไหวพริบในการข้ามบอลหลอกของ เบอร์นาร์ด เฮนรี่ จบด้วยลูกยิงเล่นทางสุดคลาสสิคจากศูนย์หน้าจอมเก๋า เลอันโดร อัสซัมพ์เซา
WORST GOAL: นรงฤทธิ์ บุญสุข (น.3, สุโขทัย เอฟซี 2-3 สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด)
5 นาทีแรกของครึ่งแรก และครึ่งหลังควรจะเป็นเวลาที่นักเตะแต่ละทีมมีสมาธิ เล่นได้ผิดพลาดน้อยที่สุด แต่นั่นอาจไม่ใช่สำหรับ นรงฤทธิ์ บุญสุข ผู้ดีดบอลเข้าประตูตัวเองหน้าตาเฉย
เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มจากการส่งสัญญาณไม่ชัดเจนของ นรงฤทธิ์ ว่าจะบังบอลให้ผู้รักษาประตูออกมารับ หรือเคลียทิ้งๆ ไปซะ เตะไปทางไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ตรงนั้น! เรียกได้ว่าเป็นลูกที่ยิงเข้า ยากกว่ายิงออกเลยทีเดียว
BEST TEAM: ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
“แข้งเทพ” ของ มาโน่ โพลกิ้ง ระเบิดฟอร์มโหด อัด พีที ประจวบ เอฟซี 6-1 เก็บ 3 แต้มล้ำค่าได้สำเร็จหลังจากเพิ่งออกไปสะดุดพ่าย ชัยนาท ฮอร์นบิล 2-1
สาวก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด คงชื่นใจไม่น้อยที่ได้เห็นเกมรุกอันรวดเร็ว ดุดันของปีก่อนๆ กลับมาอีกครั้ง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงได้เป็นทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์นี้
WORST TEAM: เชียงใหม่ เอฟซี
ความพ่ายแพ 7-5 เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าหนักแล้ว การโดนน้องใหม่ด้วยกันยำ 4-0 ยิ่งทำให้อะไรแย่ลงไปอีก และหากนับ 3 เกมหลังล่าสุด เชียงใหม่ เอฟซี ก็เสียไปแล้วถึง 12 ประตู
“พยัคฆ์ล้านนา” ถอดใจลงเรื่อยๆ ทุกครั้งที่โดนยิง ถูกใบแดงไล่ออกเหลือ 10 คน พวกเขาเหมือนจะเดินเล่นช่วงท้ายเกมด้วยซ้ำ