ฟุตบอลไทย ทีมชาติไทย

5 สิ่งที่เราเรียนรู้จากชัยชนะ 8-0 เหนือทีมชาติบรูไน ศึกชิงแชมป์เอเซีย ยู23 รอบคัดเลือก กลุ่ม K นัดที่ 2

ยังคงร้อนแรงเช่นเคยสำหรับทีมชาติไทย ยู23 ของ อเล็กซานเดร กามา หลังถล่มทีมชาติบรูไนขาดลอย 8-0 เก็บ 6 คะแนนเต็มจาก 2 นัด และนี่คือ 5 สิ่งที่เราเรียนรู้จากชัยชนะของทัพ ‘ช้างศึก’ ก่อนมุ่งหน้าสู่เกมตัดสินแชมป์กลุ่ม K กับทีมชาติเวียดนาม

ครึ่งหลังมาแน่

ก่อนเกม ใครๆ ต่างก็คาดว่าทีมชาติไทยน่าจะยำใหญ่ทีมชาติบรูไน ซึ่งนัดก่อนเพิ่งแพ้เจ้าภาพทีมชาติเวียดนามขาดลอย 6-0 แน่นอน

ทว่าครึ่งแรกลูกทีมของกุนซือ อเล็กซานเดร กามา กลับนำเพียง 1-0 เหมือนนัดก่อนหน้านี้กับทีมชาติอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม การปรับแทคติก และทีมทอล์คช่วงพักครึ่งของ กามา ดูจะได้ผลพอสมควร เห็นได้จากการเล่นที่ดุดัน เฉียบคม และมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่าในครึ่งหลัง ก่อนจบเกมด้วยผลสกอร์ 8-0

ฟอร์มเทพสมราคากัปตัน ‘ช้างศึก’ ของ ชินภัทร ลีเอาะ

ชินภัทร ลีเอาะ ออกสตาร์ทเป็น 1 ใน 3 เซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติไทย แต่ด้วยรูปเกมที่ดูอืดๆ ไปนิด อเล็กซานเดร กามา จึงตัดสินใจดัน ชินภัทร ขึ้นมาไปยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับคู่กับ วิศรุต อิ่มอุระ

การปรับหมากของ กามา ช่วยให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ มีอิสระเติมเกมรุกมากขึ้น อีกทั้ง ชินภัทร ยังสามารถช่วยสกัดเกมโต้กลับของทีมชาติบรูไนจากพื้นที่ที่สูงขึ้น ขึงคู่แข่งไว้ในแดนตัวเอง เท่ากับทีมชาติไทยสามารถเล่นเกมรุกได้ต่อเนื่องยิ่งขึ้น

ซุปเปอร์-ศุภชัย!

ศุภชัย ใจเด็ด โชคร้ายไปนิดที่ไม่มีประตูในครึ่งแรก อย่างไรก็ดี ตัวรุกวัย 20 ปีก็ไม่โวยวาย หรือแสดงอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นไปตามเกมของตนจนสุดท้ายจบเกมด้วยแฮตทริก นี่แสดงให้เห็นถึงความนิ่ง และความเก๋าเกมที่เพิ่มขึ้นหลังผ่านประสบการณ์ทีมชาติชุดใหญ่ บนเวทีชิงแชมป์เอเชียมาแล้ว

การโรเทชั่นนักเตะ แสดงถึงคุณภาพผู้เล่นในรุ่นอายุนี้

การเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงถึง 5 ราย แล้วยังถล่มคู่แข่งได้ถึง 8-0 (แม้จะแข่งกับทีมชาติเล็กๆ อย่าง บรูไน) แสดงถึงคุณภาพ และตัวเลือกนักเตะที่แทบจะเหลือใช้

การให้โอกาสผู้เล่นตัวสำรอง นอกจากจะได้พักตัวจริงแล้ว มันยังช่วยเพิ่มการแข่งขันในทีม ช่วยรักษาระดับความมุ่งมั่น และสมาธิของทุกคนอีกด้วย ซึ่ง 1 ในตัวสำรองที่โชว์เข้าตาจากนัดชนะทีมชาติบรูไนคงต้องยกให้ นาคิน วิเศษชาติ วิงแบ็คขวาจอมบุกวัย 20 ปี

เดินหน้าเต็มร้อยสู่บททดสอบของจริงกับทัพ ‘ดาวทอง’

ถึงแม้ทีมชาติไทย กับเวียดนาม น่าจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มแบบชัวร์ๆ อยู่แล้ว แต่เชื่อได้เลยว่าทั้ง 2 ทีมจะใส่กันเต็มเหนียวอย่างแต่นอนในนัดส่งท้าย เพื่อเจ้าของตำแหน่งแชมป์กลุ่ม K

2 ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความสำเร็จในรุ่น ยู23 คือเครื่องปูทางชั้นยอดสู่ทีมชาติชุดใหญ่

หากจำกันได้ ก่อนที่ทีมชุด ‘โกลเด้น เจเนอเรชั่น’ ของไทยจะไปคว้าแชมป์อาเซียนปี 2014 พวกเขาต้องพิสูจน์ตนเองก่อนด้วยการคว้าแชมป์ซีเกมส์ และอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ ที่ เกาหลีใต้ เช่นเดียวกับ ‘โกลเด้น เจเนอเรชั่น’ ของเวียดนาม ที่ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกชิงแชมป์เอเชีย ยู23 2018

จริงอยู่ว่านี่เป็นแค่ทัวร์นาเมนต์รอบคัดเลือก แต่ผู้ชนะระหว่างทีมชาติไทย กับเวียดนาม ก็จะสามารถข่ม (หรือพูดง่ายๆ คือได้ราคาคุย) อีกฝ่ายได้ไม่น้อย ก่อนถึงทัวร์นาเมนต์จริงๆ ที่ ไทย เป็นเจ้าภาพ