ทีมชาติไทย นำโดยเฮดโค้ช อเล็กซานเดร กามา ล้างมือทีมชาติอินโดนีเซียจากศึกชิงแชมป์อาเซียนเมื่อเดือนที่แล้วได้สำเร็จ ด้วยการโชว์ฟอร์มถล่มทัพ “อิเหนา” ขาดลอย 4-0 สมกับราคาตัวเต็งกลุ่ม K และนี่คือ 5 สิ่งที่เราเรียนรู้ จากนัดประเดิมสนาม ศึกชิงแชมป์เอเชีย ยู23 รอบคัดเลือก
เอกี้ ตื่นเต้น และเอือดอาด
เอกี้ เมาลานา ฟิกรี้ ความหวังเกมรุกทีมชาติอินโดนีเซียจากสโมสรเลเชีย กอเดนซ์ ในลีกโปแลนด์ มีอาการกดดัน และเล่นไม่ออกเลยในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุก แข้งจอมทักษะรายนี้ถูกแนวรับ “ช้างศึก” จับตายแทบทั้งเกม จนไม่สามารถสร้างโอกาสเข้าทำให้ มารินัส วาเนวาร์ ที่ยืนโดดเดี่ยวเป็นหน้าเป้าได้เลย
อินโดฯ พังแล้ว พังเลย
ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น ทีมชาติอินโดนีเซียมีปัญหาในการส่งชื่อ เอซรา วาเลียน ตัวรุกจาก อาร์เคซี วาลไวก์ ใน เอร์สเตอดีวีซี ลีกรองของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลลบต่อสมาธิ และสภาพจิตใจในทีมไม่น้อย
การตามหลังทีมชาติไทย 1-0 หลังจบครึ่งแรกถือว่ายังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม การเสียประตูตามๆ กันที่เดียว 3 ลูกในครึ่งหลังคือเรื่องที่แฟนบอลอิเหนาไม่พอใจนัก
แผงหลังที่ยิ่งเล่นยิ่งรั่ว อ่านจังหวะเปิดบอลของไทยพลาด และการเข้าบอลให้เสียจุดโทษง่ายๆ แสดงถึงความไม่มีสมาธิ และระเบียบวินัยทางแทคติก จึงเป็นสิ่งที่ทีมงาน และนักเตะทุกคนควรปรับโดยด่วน
ช้างศึก ยู23 ชุดใหญ่คุณภาพคับแก้ว
การที่รอบคัดเลือกรายการชิงแชมป์ ยู23 ครั้งนี้จัดขึ้นตรงกับช่วง ฟีฟ่าเดย์ ทำให้ในที่สุดกุนซือ อเล็กซานเดร กามา ก็สามารถเรียกใช้แข้ง ยู23 แบบเต็มทีม
ในเกมกับทีมชาติอินโดนีเซียเมื่อวานนี้ เหลือนักเตะจากชุดชิงแชมป์อาเซียน ที่ กัมพูชา มาลงสนามเพียง 3 รายเท่านั้น และคุณภาพนักเตะที่ดีขึ้น ก็แสดงให้เห็นออกมาด้วยชัยชนะ 4-0
ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ, กัปตัน ชินภัทร ลีเอาะ หรือแม้แต่ตัวสำรองอย่าง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ คือผู้เล่นที่เคยรับใช้ หรือเคยมีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่มาแล้ว และทั้งหมดก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ในชัยชนะเหนือ อินโดนีเซีย
วรชิต หรือ อานนท์ ใครจะได้ไปต่อ?
ทีมชาติไทยชุดนี้เต็มไปด้วยตัวรุกฝีเท้าเยี่ยมมากมาย และคนที่ได้รับมอบหมายตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกในเกมแรกก็ได้แก่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ดาวซัลโว ชลบุรี เอฟซี และเจ้าของรางวัลนักเตะเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปี FA Thailand Award 2018
ทว่าข้อด้อยเรื่องความเร็ว และการวิ่งครอบคลุมของ วรชิต มีปัญหาอย่างมากเมื่อต้องรับมือกับลูกหนักของคู่แข่ง ต่างจาก อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ที่สปีดเร็วกว่า และสามารถเอาชนะแข้ง อินโดฯ ด้วยการไปกับบอล น่าสนใจว่าแมตช์หน้า โค้ชกามา จะให้โอกาส วรชิต ต่อ หรือสลับมาใช้ อานนท์ ที่ลงมาเปลี่ยนเกมได้ในเกมนี้
"เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์" ในแบบ กามา
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยกล่าวไว้ว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” และหากเราดูรูปเกมของ กามา ที่ผ่านมา อาจเดาได้ว่าอดีตเฮดโค้ช เชียงราย และ บุรีรัมย์ ก็อาจจะกำลังพยายามวางรากฐานความสำเร็จด้วยแนวคิดคล้ายๆ กัน
รูปเกมครึ่งแรกกับ อินโดนีเซีย อาจดูอึดอัดเล็กน้อย แต่ลูกทีมของ กามา ก็ยังคงตั้งรับได้เหนียวแน่น และโชคดีโหม่งขึ้นนำจากลูกเซตพีซ (อีกหนึ่งทีเด็ดของ กามา) ก่อนครึ่งหลังจะรัวนำเพิ่มอีก 3 ลูกเมื่อ ทีมชาติอินโดนีเชีย พยายามเปิดเกมรุกมากขึ้นเรื่อยๆ
ข้อเสียของฟุตบอลทีมชาติที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอคือเวลาเตรียมทีมอันน้อยนิด ไม่เพียงพอให้โค้ชวางระบบอะไรจนซับซ้อนเกินไป อีกทั้งนักตะเองก็ไม่มีเวลาเรียนรู้ ทำความเข้าใจการเล่นของกันและกันเหมือนระบบสโมสร
หากมองจากมุมนี้ แทคติกสุดเขี้ยว ที่รับแน่น โต้กลับดี และมีลูกตั้งเตะให้ลุ้นประตูตลอดของ กามา (ซึ่งเขาใช้มันพา เชียงราย และ บุรีรัมย์ กวาดแชมป์ในประเทศมาแล้วมากมาย) ก็อาจเป็นหนทางสู่ความสำเร็จของเด็กชุดนี้ก็เป็นได้
ขอบคุณรูปภาพจาก @changsuek