เทพมุ้ย เปิดใจถึงความรู้สึกเกี่ยวกับ เอเชียนคัพ 2019 พร้อมเผยสาเหตุรับใช้ทีมชาติไทยต่อไปแม้เคยแอบคิดลาทัพช้างศึกหลังจบชิงแชมป์เอเชีย
ธีรศิลป์ แดงดา คือผู้เล่นคนเดียวที่หลงเหลืออยู่จากชุด เอเชียนคัพ 2007 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ทีมชาติไทยเข้าไปแสดงฝีเท้าบนเวทีสูงสุดของฟุตบอลเอเชีย ก่อนที่ 11 ปีต่อมา ‘มุ้ย’ ในวัย 30 ปีจะพาทีมทะลุเข้ารอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปี
ศูนย์หน้ากัปตัน ‘ช้างศึก’ ซึ่งลงเล่นเป็นกำลังหลักของทีมตลอดทุกนัดเล่าว่าตนรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถล้มทีมชาติจีนได้แม้ขึ้นนำก่อนและมีโอกาสลุ้นประตูเพิ่มหลายครั้ง พร้อมชมความเก๋าและการแก้เกมที่ตรงจุดของ ‘ขุนพลแดนมังกร’ ที่แซงกลับมาชนะได้ 2-1
นอกจากนี้ ธีรศิลป์ ยังเผยถึงเหตุผลที่ขออยู่ช่วยทีมชาติต่อไปแม้เคยคิดอำลาทัพช้างศึกหลังจบทัวร์นาเมนต์ เอเชียนคัพ
“ก่อนหน้านี้ยอมรับครับว่า เคยคิดเหมือนกันว่านี่จะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้าย เพราะ เอเชียนคัพ เป็นรายการแรก ที่ผมติด ทีมชาติไทย อย่างเป็นทางการ (ปี 2007) แต่ก็ยังไม่ได้ฟันธงว่าต้องเลิก ซึ่งมันก็แค่คิดเฉยๆ จากนั้น พอได้ไป ญี่ปุ่น ตลอด 1 ฤดูกาลที่ผ่านมา มันก็มีหลายๆอย่าง ทำให้ความคิดเปลี่ยนไป” ธีรศิลป์ กล่าวกับ fathailand
“ย้อนกลับไปตอนเด็ก ใครที่เล่นฟุตบอล ก็มีความฝัน ที่จะติดทีมชาติกันทั้งนั้น และส่วนตัวผมก็ยังจำความรู้สึกครั้งนั้นได้ดี ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้อายุจะ 30 แล้ว แต่ความรู้สึกแบบนั้น มันยังชัดเจนมากๆ ดังนั้น ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ผมก็ยังอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติอยู่ และยังอยากทำตามความฝันเหมือนตอนเด็กๆ ต่อไป”
“ขณะที่ 4 ปีข้างหน้า ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับมาเล่นอีกหรือเปล่า เพราะด้วยอายุที่มากขึ้น ก็อาจทำให้สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม แต่แน่นอน ถ้าผมมีโอกาส หรือคนเห็นว่า ผมยังพอมีประโยชน์กับทีมอยู่ ผมก็ยังอยากที่จะกลับมาเล่นอีกครั้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด หลังจากนี้ ผมก็ต้องพยายามดูแลร่างกาย และรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ให้ได้ด้วย”
“สุดท้าย ผมอยากขอบคุณทุกคนที่อยู่ที่นี่ , เพื่อนร่วมทีม , สตาฟฟ์โค้ช , ทีมแพทย์ และทีมงานทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแฟนบอลทุกคน ก็อยากขอบคุณจริงๆครับ กับทุกกำลังใจที่มีให้ เราอาจทำให้สมหวังบ้าง หรือผิดหวังบ้าง แต่ผมยืนยันได้เลยว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ที่มาในฐานะตัวแทนประเทศไทย ก็ต่างพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
“ก็หวังว่า 4 ปีข้างหน้า ทีมชาติไทย จะกลับมาเล่นในรายการนี้อีกครั้ง และเป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่าเดิม คงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว นอกจากขอบคุณอีกครั้งครับ และถึงแม้ว่าเราจะหยุดที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ผมก็มีความสุขมากๆ ที่ได้ร่วมต่อสู้กับทุกคน ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา” อดีตแข้ง ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา ทิ้งท้าย