สุนิล เชตรี กัปตันทีมชาติอินเดีย เผยถึงแทคติกเบื้องหลังความผลงานอันยอดเยี่ยม ประเดิมศึก เอเชียนคัพ 2019 ด้วยชัยชนะ 4-1 เหลือ ทีมชาติไทย
โดยศูนย์หน้าวัย 34 ปียิงจุดโทษให้ ทีมชาติอินเดีย ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 27 ก่อนทัพ ช้างศึก จะเร่งเครื่องและเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่เรียกฟาล์วได้ในแดนคู่แข่ง ให้ ธีราทร บุญมาทัน วางฟรีคิกเข้าไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา โฉบเอามาโหม่งตีเสมอ 1-1
ครึ่งหลังลูกทีมของ สตีเฟ่น คอนสแตนติน เริ่มเกมได้ร้อนแรงกว่าและขึ้นนำอีกครั้งจากลูกยิงสุดสวยของ เชตรี คนเดิม และก็เป็นเขาที่จ่ายบอลทะลุช่องซึ่งเป็นที่มาของประตู 3-1
ทีมชาติไทย หันมาเปิดเกมรุกเต็มที่แต่ไม่สามารถยิงไล่มาได้ แถมยังโดนประตู 4-1 จากตัวสำรอง เจเจ ลัลเปคลัว ในนาทีที่ 81 อีกด้วย
“ผมดีใจมาก ผมดีใจมากเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาเล่นกับทีมที่มีเทคนิคดีแบบ ทีมชาติไทย มันยากมาก เราต้องไล่เพรสซิ่งสูงตลอด 90 นาที จะปล่อยให้พวกเขามีบอลสัก 5 นาทีก็ไม่ได้ มิฉะนั้นเราโดนลงโทษแน่นอน” กัปตัน เดอะ บลูไทเกอร์ เล่า
“ครึ่งแรกบางครั้งผมยังนึกเลยว่าเราเล่นกับ บาร์เซโลน่า อยู่หรือเปล่า พวกเขาเก่งมากเพราะฉะนั้นเราต้องกล้าเล่น กล้าไล่บอลสูง ทำทุกวิธีไม่ให้พวกเขาต่อบอลกันสำเร็จและมันก็ได้ผล เราไม่ประตูถูกเวลา ที่เหลือคือช่วยกันไล่บอลและทำงานหนักต่อไป”
“นี่เป็นเกมที่ยากลำบาก ทีมชาติไทย ชุดนี้ดีมากๆ แต่ผมแฮปปี้และภูมิใจกับเพื่อนร่วมทีมทุกคน” สุนิล เชตรี ปิดท้าย
2 ประตูในเกมนี้ช่วยให้ เชตรี แซงหน้า ลิโอเนล เมสซี่ ขึ้นไปเป็นอันดับ 2 ในฐานะนักเตะที่ยังเล่นอยู่ซึ่งยิงประตูในนามทีมชาติมากที่สุด โดยกัปตัน ทีมชาติอินเดีย ซัดไปแล้ว 66 ประตู เป็นรองเพียง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ทำได้ถึง 85 ประตู
ผลการแข่งขันส่งให้ ทีมชาติอินเดีย นำจ่าฝูงกลุ่ม เอ เหนือเจ้าภาพ ทีมชาติยูเออี และ ทีมชาติบาห์เรน ที่ทำได้เพียงแบ่งแต้มกันในนัดแรก โดยต่อจากนี้ เดอะ บลูไทเกอร์ มีโปรแกรมหนักอีกนัดกับ ยูเออี
สำหรับ ทีมชาติไทย มีคิวพบกับ ทีมชาติบาห์เรน ซึ่งทั้ง 2 ทีมจำเป็นต้องชนะเท่านั้นหากหวังจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ