บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในมหาอํานาจลูกหนังไทยยุคปัจจุบันด้วยผลงานแชมป์ลีกสูงสุด 7 สมัยจาก 11 ซีซั่นล่าสุด ทว่าทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ยังคงไม่หยุดพัฒนา ยังคงมีความกระหายในชัยชนะ เป็นหนึ่งเหนือคู่แข่งเสมอและล่าสุดได้ประกาศข้อตกลงเป็นพันธมิตรฟุตบอลกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่แห่ง บุนเดสลีกา เยอรมัน เพื่อต่อยอดความสำเร็จระบบเยาวชนและการมีส่วนร่วมของแฟนบอล
โอกาสนี้ ฟุตบอลไทรบ์ จึงขอเสนอบทสัมภาษณ์ระหว่าง คุณทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงที่ตามมาจากดีลนี้ต่อสโมสรและฟุตบอลไทยโดยรวม
หลายปีมานี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดันเด็กปั้นฝีเท้าดีขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่มากมายไม่ว่าจะเป็น รัตนากร ใหม่คามิ, สุภโชค สารชาติ หรือ ศุภชัย ใจเด็ด ผมอยากทราบว่าอะไรคือแรงผลักดันให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล้าใช้ดาวรุ่งเหล่านี้
อะคาเดมี่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีระบบการฝึกสอน แทคติกและระเบียบวินัยแบบเดียวกับทีมชุดใหญ่ คุณจำเป็นต้องมีระเบียบหากฝันจะเป็นนักเตะอาชีพที่สมบูรณ์แบบ นักเตะซีเนียร์จะ และต้องเป็น แบบอย่างให้น้องๆ ดาวรุ่ง
เรื่องฟอร์มในสนาม ทีมชุดใหญ่ของเรามีระบบการเล่นที่ลงตัวอยู่แล้ว เราเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่หยุดพัฒนาตัวเองและผสมผสานสไตล์ดังกล่าวไปยังทีมเยาวชนของเรา อีกทั้งการเติบโตไปในทิศทางเดียวกันช่วยให้แข้งดาวรุ่งพร้อมและปรับตัวกับทีมชุดใหญ่ง่ายขึ้น
การดันเด็กจากชุดเยาวชนเท่ากับทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวเดียว มีความเชื่อและเป้าหมายเดียวกันตั้งแต่ท่านประธานสโมสรจนถึงสตาฟ ทุกคนเทียบเท่ากันไม่ว่าจะมีอายุหรือความสามารถยังไง เพราะเหลือสิ่งอื่นใด เราคือครอบครัว
ผลก็คือทีมสปิริตที่เต็มร้อยเสมอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เราเชื่อมั่นที่สุด เราเป็นหนึ่งเดียวทั้งทีม ไม่มีซุปเปอร์สตาร์ แพ้ชนะด้วยกัน นี่คือคุณสมบัติที่ผมเชื่อว่าผลักให้นักเตะดาวรุ่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลายคนโตไปเป็นตัวจริงในชุดใหญ่ได้
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้อะไรจากพันธมิตรลูกหนังครั้งนี้?
[โบรุสเซีย] ดอร์ทมุนด์ คือหนึ่งในทีมที่เราชื่นชมเสมอมา เราชื่นชอบสไตล์การเล่นของเขารวมถึงวิธีบริหารจัดการทีมที่เป็นมืออาชีพ เราชื่นชมแฟนบอล ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่คลั่งไคล้ฟุตบอลที่สุดในโลกกลุ่มนึง ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือเสียงเชียร์ ทุกอย่างที่พวกเขาทำสะท้อนออกมาที่จำนวนตั๋วที่ขายหมดเกือบทุกแมตช์ โดยเฉพาะ “กำแพงสีเหลือง” อันโด่งดังที่เป็ยโซนตั๋วปีเท่านั้น
แม้ว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะกวาด 25 แชมป์ใน 9 ปีแต่เราก็ยังเป็นสโมสรที่ค่อนข้างเด็กอยู่ เพราะฉะนั้นเราจึงมองหาทีมระดับท็อปอย่าง ดอร์ทมุนด์ มาเป็นพันธมิตร ทางสโมสรเชื่อว่ามีหลายอย่างที่เราสามารถแหลกเปลี่ยนกันได้ในหุ้นส่วนครั้งนี้
คุณคิดว่าพันธมิตรนี้จะช่วยพัฒนาระบบเยาวชนของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้านไหนได้บ้าง?
แน่นอนพันธมิตรระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทีมระดับโลกอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ย่อมมีอะไรมากกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจและฟุตบอลสำหรับทีมชุดใหญ่ ความจริงระบบเยาวชนคือปัจจัยหลักที่เราร่วมงานกันด้วยซ้ำ
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือทีมยักษ์ใหญ่ที่ไม่หยุดผลิตแข้งดาวรุ่งขึ้นมาประดับทีมชุดใหญ่ตัวเองและสโมสรอื่นๆ หลายคนสามารถเปลี่ยนเกมได้ สร้างความฮือฮาให้วงการฟุตบอลทั่วโลก สำหรับเรานี่คือจุดที่บอกเราว่าศูนย์ฝึกของ ดอร์ทมุนด์ ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพแต่คือหนึ่งในแห่งที่ดีที่สุดในโลก
สำหรับเรา มีหลายอย่างมากที่เรียนรู้ได้จากโปรแกรมและศูนย์ฝึกเยาวชนของ ดอร์ทมุนด์ เราหวังจะผสมผสานประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 110 ปีของทัพ ‘เสือเหลือง’ มายังระบบเยาวชนของเรา
เราต้องคํานึงถึงวัฒนธรรมและสถานะวงการฟุตบอลที่แตกต่างกันของทั้ง 2 ประเทศ เพราะฉะนั้นเราต้องละเอียดเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ อะคาเดมี่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเยาวชนไทยในอนาคตข้างหน้า
แฟนบอล “ปราสาทสายฟ้า” คาดหวังจะเห็นอะไรได้บ้างจากหุ้นส่วนครั้งนี้? มีอะไรที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษไหม?
มันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินกับโครงสร้างเยาวชนแต่การทำอย่างนั้น ด้วยความร่วมมือกับทีมใหญ่จาก ยุโรป มันไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสโมสรเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่ระดับที่สูงกว่าเดิมอีกด้วย
เพราะฉะนั้นแฟนบอลเราและแฟนบอลไทยทั่วไปเตรียมเห็นการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงโปรแกรมเยาวชนของเราได้เลย พวกเขาจะได้เห็นเด็กเราบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาประสบการณ์จากยักษ์ เยอรมัน เร็วๆ นี้ ซึ่งนี่อาจเป็นกุนแจสำคัญของวงการฟุตบอลไทย อย่างไรก็ตาม ถึงเราจะตื่นเต้นและมั่นใจแค่ไหน แต่สุดท้ายเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้แฟนบอลรอดูเด็กฝึก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด – ดอร์ทมุนด์ รุ่นแรกได้เลย รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ
เรามองไปข้างหน้าเสมอ – หากการพ้ฒนาครั้งนี้ออกผลดี เราอาจได้ดีอกดีใจที่ได้เห็นนักเตะ ไทย ไปโลดแล่น ในลีกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกแห่งนึง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทีมชาติแน่นอน
มีอะไรเป็นพิเศษไหมครับที่ คุณทัดเทพ ชื่นชอบเกี่ยวสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์?
จริงๆ หลายอย่างเลย เริ่มจากการที่ทั้ง 2 ทีมมีปรัชญาการพัฒนาฟุตบอลที่เน้นเทคโนโลยี, วิทยาศาสตร์การกีฬา, ระบบเยาวชนและสไตล์การเล่นชุดใหญ่ที่ใกล้เคียงกัน เป็นทีมชุดใหญ่ที่เล่นเกมรุกดุดันโดยเน้นทีมเวิค ไม่โฟกัสกับผู้เล่นคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เรารู้สึกเชื่อมโยงกับ ดอร์ทมุนด์ ที่สุดคือความใส่ใจแฟนบอลและเมืองโดยรวม จากการได้ไปเยี่ยมชม [ดอร์ทมุนด์] เราสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่าง “ลมหายใจ” แห่ง ดอร์ทมุนด์ และ “ลมหายใจแห่ง บุรีรัมย์” การที่ทั้ง 2 สโมสรมีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่น
การที่เมืองตื่นขึ้นมามีชีวิตชีวาทุกครั้งที่มีแมตช์แข่งขัน ความคลั่งไคล้ของแฟนบอลต่อสโมสร พลังของกำแพงสีเหลืองทั้งในและนอกสนาม – ขนาดก่อนเราเป็นพันธมิตรก็ได้เรียนรู้จุดนี้จากสาวก ดอร์ทมุนด์ มาตลอด เราทราบดีว่าต้องทุ่มเทแค่ไหนเพื่อชนะใจคนท้องถิ่นและ ดอร์ทมุนด์ ก็ทำให้เห็นมาแล้ว เพราะฉะนั้นก็อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้ว มีหลายอย่างที่เราชื่นชมในตัวสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์