เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ฟุตบอลอาเซียน

5 สิ่งที่เรารู้จากเกม มาเลเซีย 2-2 เวียดนาม เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ รอบชิงชนะเลิศ เลก 1

ทีมชาติมาเลเซีย เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ทีมชาติเวียดนาม ในเลกแรกของ รอบชิงชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018 และก็เป็นทัพ ‘ดาวทอง’ ที่ออกไปถึง 2-0 ตั้งแต่ 25 นาทีแรก

ทว่าทัพ ‘เสือเหลือง’ ซึ่งมีแฟนบอลกว่า 80,000 ชีวิตหนุนหลังอยู่ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สามารถไล่ตีเสมอได้สำเร็จจากลูกโหม่งของเซ็นเตอร์แบ็ค ชะห์รุล สะอั๊ด ในนาทีที่ 36 และฟรีคิกของ ซาฟาวี ราซิด นาทีที่ 60 จบเกมเสมอกัน 2-2 ไปลุ้นกันต่อเลกหน้าที่บ้านของ เวียดนาม และนี่คือ 5 สิ่งที่เราเรียนรู้จากเกมดังกล่าวผ่านมุมมองของคุณ Aiman ผู้เขียนฟุตบอลไทรบ์ฉบับมาเลเซีย

‘เสือเหลือง’ งับใครไม่เข้า

ทีมชาติมาเลเซีย เริ่มได้เชื่องช้า ดูเหมือนจะขาดสมาธิและเป็นเหตุให้ ทีมชาติเวียดนาม ชิงความได้เปรียบไปก่อน ทุกครั้งที่ผู้มาเยือนเปิดเกมรุก ก็เหมือนพวกเขาได้ลุ้นแทบทุกจังหวะ

เกมรับที่ยังกระตุกกระตัก

แผงหลัง ทีมชาติมาเลเซีย ดูไม่นิ่งและมีปัญหาในการรับแรงกดดันจาก เวียดนาม อย่างมากเมื่อขาดเซ็นเตอร์แบ็คตัวเก่ง ไอดิล ซอฟวาน ไปเนื่องด้วยอาการบาดเจ็บจากเกมพบ ทีมชาติไทย ทำให้เกมรับเป็นจุดอ่อนสำคัญที่โค้ช ตัน เชง โฮ ต้องแก้ไขให้ได้

ทัพ “ดาวทอง” เล่นได้สมชื่อ

ทีมชาติเวียดนาม ชุดนี้ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในฐานะตัวเต็งแชมป์และพวกเขาก็ไม่ทำให้ตัวเองต้องเสียชื่อด้วยสไตล์การเล่นที่รวดเร็วและทุ่มเทเกินร้อย

นักเตะหนุ่ม เวียดนาม กล้าครองบอลและไม่กลัวที่จะโจมตีพื้นที่ด้านหลังแนวรับ มาเลเซีย ถือว่าเจ้าบ้านโชคดีมากๆ ที่ไม่เสียประตูไม่มากกว่านี้

เจ้าบ้านใจสู้!

แม้จะโดนนำถึง 2-0 แต่ ทีมชาติมาเลเซีย ก็กัดฟันสู้ ช่วยกันเล่นจนพลิกเกมกลับมาได้จากลูกโหม่งของกองหลัง ชะห์รุล สะอั๊ด ก่อนจะตีเสมอด้วยลูกฟรีคิกทีเด็ดของเด็กเทพ ซาฟาวี ราซิด

อุลตร้า มาลายา แผลงฤทธิ์

ในค่ำคืนที่แสนวิเศษ ณ สนามบูกิต จาลิล ต่อให้ทีมโดนนำ 2-0 แต่แฟนบอลกว่า 80,000 ชีวิตก็ยังคงร้องเพลงเชียร์ ให้กำลังใจนักเตะตลอด 90 นาที

เหล่า อุลตร้า มาลายา โชว์ให้เห็นถึงพลังสนับสนุนอันยิ่งใหญ่และการที่ มาเลเซีย ไล่ตีเสมอได้สำเร็จส่วนนึงก็ต้องยกเครดิตให้แฟนๆ ที่ร่วมสู้ไปพร้อมกับนักเตะทุกคน