เกมรอบรองชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ เลก 2 คือเกมใหญ่ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ฟอร์มการเล่นและรูปเกมที่ดูต่ำกว่ามาตรฐานในเลกแรก ส่งผลให้เกมวันนี้มีความหมายสำหรับ ทีมชาติไทย มากยิ่งขึ้นไปอีก
ทัพนักเตะ “ช้างศึก” เรียกร้องให้แฟนบอลเข้ามาสนับสนุนทีมในสนามตลอด และนี่คือโอกาสที่ดีในการพิสูจน์ตัวหลังฟอร์มตกมาจากสนาม บูกิต จาลิล เมื่อวัยเสาร์ที่ผ่านมา
มิดฟิลด์ตัวหลักเช่น สรรวัชญ์ เดชมิตร และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ออกมาเปิดเผยถึงความมั่นใจว่าจะคว้าชัยได้ในบ้าน พร้อมตั้งใจเล่นเกมรุกเต็มที่ให้สมศักดิ์ศรีแชมป์
นัดที่แล้ว ทีมชาติมาเลเซีย เริ่มเกมได้อย่างดุดันตั้งแต่นาทีแรกและมีโอกาสขึ้นนำหลายครั้งในครึ่งแรก ในบน นอร์ชาห์รูล อิดลาน ศูนย์หน้าตัวเก๋าของเขาขยับลงมาเชื่อมเกมยังช่องว่างระหว่างกองกลางและกองหลัง ทีมชาติไทย อยู่บ่อยๆ โดยมี ซัควาน อัดฮา ยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเป้าคอยพักบอล
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ความเร็วและทักษะการไปกับบอลของ 2 ตัวริมเส้นอย่าง ซาฟาวี่ ราซิด และ มูฮามาดู ซูมาเรห์ ก็เป็นอีกจุดที่แผงหลัง “ช้างศึก” ต้องรับมือให้อยู่ ไม่ว่าจะด้วยการประกบตัวหรือตัดไม่ให้ ทีมชาติมาเลเซีย ผ่านบอลไปถึง 2 คนนี้
นี่จะเป็นเกมที่ยากและอึดอัดสำหรับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการมีแฟนบอลเข้าไปให้กำลังใจ จึงเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับเจ้าบ้าน สิ่งที่ ทีมชาติไทย จำเป็นต้องทำให้ได้คือเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในเกมกับ ทีมชาติฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย
เฮดโค้ชตัน เชง โฮ สร้างทีมด้วยแข้งหนุ่ม เน้นเกมรุกที่รวดเร็ว ผ่านบอลเท้าต่อเท้า เพราะฉะนั้น ทีมชาติไทย ห้ามปล่อยให้คู่แข่งมาคุมจังหวะบอลตั้งแต่ต้นเกมไม่ได้เด็ดขาด
ผลเสมอ 0-0 ในบ้านตัวเองหมายความว่าหาก ทัพ “เสือเหลือง” ยิงประตูนำได้ก่อน พวกเขาจะได้เปรียบด้วยกฎประตูทีมเยือน บีบให้ ทีมชาติไทย ต้องเล่นเพื่อชนะเท่านั้นหากหวังจะเข้ารอบต่อไป จนอาจโดนลูกสวนกลับเล่นงานได้
ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องเริ่มเกมให้ดุดัน เล่นให้ได้ตามมาตรฐานของเรา หากเป็นเช่นนั้น ผมเชื่อว่าเราสามารถคว้าชัยและทะลุเข้าชิงได้อย่างแน่นอน สู้ๆ