ผู้เขียนฟุตบอลไทรบ์ฉบับ ไทย และ มาเลเซีย วิเคราะห์ขุมกำลังทั้ง 2 ทีมตำแหน่งต่อตำแหน่งก่อนเกมรอบรองชนะเลิศเลกแรกสักนิด ว่าใครคือจอมโหดตัวจริงกันแน่
ผู้รักษาประตู
มาเลเซีย - ฟาริซอล มัรลิยาส
โค้ชตัน เชง โฮ ตัดสินใจเปลี่ยนโกลมือหนึ่งจาก ไครูล ฟาห์มี มาเป็น ฟาริซอล มัรลิยาส ในนัดชนะเปิดบ้านเชือด เมียนมาร์ 3-0 โดย ฟาริซอล วัย 32 ปีมีประสบการณ์บนเวที ซูซูกิคัพ อย่างโชกโชนและขึ้นชื่อเรื่องปฏิกิริยาการเซฟที่ว่องไว บวกกับสมาธิที่ดีสมัยเล่นให้ต้นสังกัด ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม
ไทย - ฉัตรชัย บุตรพรม
ในรอบแบ่งกลุ่ม มาเลเซีย และ ไทย เสีย 3 ประตูเท่ากัน หากมองผิวเผินผู้รักษาประตูของทั้ง 2 ทีมก็คงไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก แต่เมื่อวิเคราะห์ลงลึกกว่านั้นจะเห็นว่า ไครูล ฟาห์มี ผู้รักษาประตูจาก 3 แมตช์แรกมีจุดอ่อนในการออกมาตัดบอลไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น 2 ลูกที่เสียนัดแพ้ เวียดนาม ซึ่งเขาน่าจะตัดสินใจออกมาปิดมุมหรืออยู่กับที่ รักษาตำแหน่ง แล้วคอยลุ้นเซฟเอา
ในขณะเดียวกัน ฟาริซอล มัรลิยาส ที่เพิ่งแย่งตัวจริงมาได้เพียงนัดเดียวก็ยังติดสินอะไรมากไม่ได้ รู้เพียงอย่างเดียวว่าหลายปีที่ผ่านมา เขาเป็นสำรองของ ไครูล ฟาห์มี มาโดยตลอด เพราะฉะนั้น ฟาริซอล ก็ไม่น่าจะเหนียวอะไรนักหรือเปล่า?
สรุปผมก็ยังเชื่อ ฉัตรชัย บุตรพรม มีทรงกว่าทั้ง ไครูล ฟาห์มี และ ฟาริซอล โดยเฉพาะความกล้าออกมาชกบอลหรือปิดมุม ทีมชาติไทยจึงน่าจะแข็งแกร่งกว่าในตำแหน่งนี้
กองหลัง
มาเลเซีย - ไอดิล ซอฟวาน
แผงหลังสุดแกร่งของเจ้าบ้านนำทัพมาโดย ไอดิล ซอฟวาน จอมโหดวัน 29 ปีผู้มากประสบการณ์ในเกมระดับทีมชาติ
เคียงข้างความเก๋าของ ซอฟวาน คือพลังหนุ่มของนักเตะเช่น ชะห์รุล สะอั๊ด (25), ไซอัซวาน อันดิค (22) และ ซามี ซาฟารี (20) เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของลูกหนักและความเร็ว
ฟูลแบ็ค อันดิค กับ ซาฟารี มีจุดเด่นที่สปีดการออกตัว เป็นกำลังเสริมทีเด็ดในเกมรุกร่วมกับตัวริมเส้น ในขณะที่เซ็นเตอร์แบ็ค ซอฟวาน และ สะอั๊ด ก็พร้อมจับตายกองหน้า ไทย ทุกคน
ไทย - กรกช วิริยอุดมศิริ
นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เห็นทีมชาติไทยมีแผงหลังอันแข่งแกร่ง เป็นระเบียบขนาดนี้ จนอาจพูดได้ว่าการค้นพบคู่หูเซ็นเตอร์แบ็ค พรรษา เหมวิบูลย์ กับ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว คือความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดจุดนึงในยุค โค้ชมิโลวาน ราเยวัช
ไม่เพียงเท่านั้น ฟูลแบ็ค ไทย ก็เป็นอีกตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนมาเน้นเกมรับมากขึ้น จะเติมเกมก็ต่อเมื่อมิดฟิลด์ตัวรับถอยลงซ้อนแล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฟูลแบ็ค ไทย ก็ยังไม่ละทิ้งเกมรุก เห็นได้จากสถิติ 3 แอสซิสต์ กับอีก 1 ประตู ซึ่งไม่มีฟูลแบ็คชาติไหน มีส่วนร่วมกับประตูมากเท่าของเราเลย
ทีมชาติไทยชุดนี้มีแผงหลังที่ลงตัวสุดๆ ต่างจากแบ็คโฟร์ มาเลเซีย ที่ยังดูปรับตัวกับสไตล์บอลเท้าสู่เท้าของโค้ช ตัน เชง โฮ ได้ไม่ไหลลื่นเท่าไรนัก
กองกลาง
มาเลเซีย - อักรอม มาฮินาน
คนคอยคุมจังหวะบอลของทีมชาติมาเลเซียยุคเท้าสู่เท้า จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมิดฟิลด์หมายเลข 14 อักรอม มาฮินาน
เขาเป็นคนที่รักษาตำแหน่งและดักตัดจังหวะโต้กลับของคู่แข่งได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวเชื่อมเกมที่ยอดเยี่ยมเมื่อทีมครองบอลด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงแค่จอมเทคนิคอย่าง อักรอม มาฮินาน แต่แดนกลาง “เสือเหลือง” ยังมีห้องเครื่องสุดฟิตนาม ซามีร คุตตี อับบา ที่วิ้งขึ้นลงระหว่างกรอบเขตโทษทั้ง 2 ฝั่งได้ตลอดเกม พร้อมทั้งบู๊และบุ๋น ซึ่งน่าจะสร้างปัญหาให้ผู้เล่น ไทย ได้ไม่มากก็น้อย
ไทย - สรรวัชญ์ เดชมิตร
แดนกลาง “ช้างศึก” อาจมีปัญหาเล็กน้อยเมื่อ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มีปัญหาบาดเจ็บข้อเท้าเล็กน้อยจากแมตช์พบทีมชาติสิงคโปร์ และไม่ใช่แค่ ฐิติพันธ์ เท่านั้น แต่กลางรับอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ก็ไม่ฟิตเต็ม 100% มาตลอดทัวร์นาเมนต์ ต้องรอลุ้นมามิดฟิลด์ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะเล่นได้เต็มที่แค่ไหน ณ สนาม บูกิต จาลิล
อีกด้านหนึ่งมิดฟิลด์ตัวรุก สรรวัชญ์ เดชมิตร ยังพร้อมลงสนามเป็นตัวสร้างสรรค์เกมหลักของ ไทย ต่อไป โดยเกมนี้น่าจะเข้าทางแทคติกรับแล้วโต้ของ ราเยวัช เพราะฉะนั้นเราอาจได้เห็นริมเส้นตัวจี๊ดอย่าง นูรูล ศรียานเก็ม มารอส่วนกลับ ปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งเหมือนในเกมที่แล้ว
กองหน้า
มาเลเซีย - นูรชะห์รุล อิดลัน ตะละฮา
กองหน้า มาเลเซีย เด่นที่ความเร็วและลูกเก๋าประสบการณ์ ถ้าไม่ระวังให้ดี นูรชะห์รุล และ ซัควาน อัดฮา อาจหลุดกับดักล้ำหน้าไปจบสกอร์ได้ง่ายๆ
หาก นูรชะห์รุล ได้ลงเล่นแผงหลัง ไทย จะรับมือกับการวิ่งเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม ในขณะที่ ถ้า ซัควาน อัดฮา เขาจะใช้ความใหญ่กับทักษะการบังบอล เป็นตัวพักบอลเชื่อมเกมกับตัวรุกคนอื่นๆ ที่สอดขึ้นมาเดิมเกม
สุดท้ายที่มองข้ามไม่ได้คือ 2 ตัวริมเส้นอย่าง มูฮามาดู ซูมาเรห์ และ ซาฟาวี่ ราชิด ที่ไม่เคยกล้าในการเลี้ยงเข้าหาแนวรับคู่แข่ง ทักษะเฉพาะตัวและการเปิดบอลที่แม่นยำของพวกเขาคืออาวุธหลักของ มาเลเซีย มาตลอดทัวร์นาเมนต์
ไทย - อดิศักดิ์ ไกรษร
เช่นเดียวกับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ อดิศักดิ์ ไกรษร คือนักเตะอีกคนที่ดูยังไม่ฟิตเต็มร้อยในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่เมื่อคุณยิงถึง 8 ประตูจาก 4 นัด ก็คงไม่ต้องพูดเรื่องความฟิตกันให้เสียเวลา และนอกจาก อดิศักดิ์ ทีมชาติไทย ก็ยังมี ศุภชัย ใจเด็ด ที่ฟอร์มร้อนแรงไม่แพ้กัน
หัวหน้าผู้ฝึกสอน
มาเลเซีย - ตัน เชง โฮ
โค้ช ตัน เชง โฮ เป็นพวกที่เน้นทุกนัดเพื่อชนะ ไม่มีมาอุด มาดึงเวลาแน่นอน เขาพยายามสร้างทีมรุ่นใหม่ที่เน้นเกมรุกด้วยบอลเท้าสู่เท้า ขึ้นเกมจากด้านหลังและไล่เพรสซิ่งเต็มที่ทันทีที่เสียบอล สู้จนวินาทีสุดท้าย
ฟุตบอลไทรบ์มาเลเซีย: มาเลเซีย 3-2 ไทย
ไทย - มิโลวาน ราเยวัช
แฟนบอลเจ้าบ้านมาจะบีบให้ ตัน เชง โฮ จัดทีมบุก ซึ่งน่าจะเข้าทางโค้ช มิโลวาน ราเยวัช ของเราที่ถนัดเกมโต้กลับ ในยุคกุนซือชาวเซอร์เบีย ทีมชาติไทยมีระเบียบวินัยเกมรับสูงขึ้นมากและไม่น่าจะเสียประตูง่ายๆ
ฟุตบอลไทรบ์ไทย: มาเลเซีย 1-2 ไทย