ฟุตบอลไทย

5 สิ่งที่เราเรียนรู้จากเกม ไทย ถล่ม อินโดนีเซีย 4-2 เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018 นัดที่ 2

ทีมชาติไทยยังคงโชว์ผลงานได้ร้อนแรงในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ล่าสุด เปิดบ้านแซงถล่มทีมชาติอินโดนีเซีย 4-2 หลังจากโดนนำไปก่อนในนาทีที่ 29 เท่ากับตอนนี้เก็บได้ 6 คะแนนเต็มจาก 2 เกม เป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม บี ก่อนโปรแกรมนัดต่อกับทีมชาติฟิลิปปินส์ และนี่คือ 5 สิ่งที่เราเรียนรู้จากชัยชนะต่อหน้าแฟนบอลกว่า 37,000 คน

อดิศักดิ์ ไกรษร ยังรักษามาตรฐานการเล่นได้ยอดเยี่ยม

ดาวซัลโว ซูซูกิคัพ ณ นาทีนี้บวกสกอร์ให้ด้วยเองได้อีก 1 ลูกจากโอกาสยิงจะๆ เพียงครึ่งเดียวของเขา อดิศักดิ์ มีเกมที่อึดอัด โดนแนวรับทีมเยือนตามติดตลอดทั้งเกม แต่ก็ยังพักบอล เชื่อมเกมกับเพื่อนและใช้โอกาสที่มีน้อยนิดได้อย่างไม่สิ้นเปลือง แสดงถึงความเก๋าและสมาธิกับเกมที่เพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ของเขา

ขอบคุณรูปภาพจาก @changsuek

ทีมชาติไทยต้องมีสมาธิกับเกมกว่านี้

หลังเกม โค้ช มิโลวาน ราเยวัช ออกมาแสดงความไม่พอใจถึงการที่ทีมชาติไทยเริ่มเกมได้ค่อนข้างสะเพร่า จน อินโดนีเซีย ยิงขึ้นนำได้ และถึงแม้กุนซือ “ช้างศึก” จะชื่นชมหัวใจนักสู้ของนักเตะไทยที่ช่วยกันเล่นจนแซงกลับมาชนะได้

แต่หากเราฝันจะพัฒนาไปไกลกว่านี้ นักเตะทุกคนควรโฟกัสกับเกมให้ได้ตั้งแต่นาทีแรกจนเสียงนกหวีดสุดท้าย เพราะในรอบลึกๆ ที่คู่แข่งแข็งขึ้น และความกดดันมากกว่าเดิม เราไม่โชคดีแบบเกมที่ผ่านมาก็ได้

ขอบคุณรูปภาพจาก @changsuek

ราเยวัช อาจต้องทบทวนตำแหน่งมือหนึ่งทีมชาติไทย

ปกติ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน คือผู้รักษาประตูที่เหนียวคงเส้นคงวาที่สุดคนนึงในประเทศ แต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่มีใครรู้ จอมเซฟจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลับฟอร์มหลุดในเกมกับ อินโดนีเซีย ซะอย่างงั้น

อาจเป็นเพราะเขาไม่ชินกับแผงหลังชุดนี้จนเกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดหรือแรงกดดันของเกม แต่ ศิวรักษ์ จำเป็นต้องเรียกฟอร์มเก่งตัวเองกลับมาให้ได้ มิฉะนั้นอาจ ราเยวัช อาจจำเป็นต้องลองใช้ ฉัตรชัย บุตรพรม ผู้รักประตูอีกคนที่มีฤดูกาลอันยอดเยี่ยม

ขอบคุณรูปภาพจาก @changsuek

ลืมปีกซะ แล้วอัดมิดฟิลด์ลงไปเลย!

ปีก 2 ข้างของไทยมีเกมที่เงียบเหงา ทั้ง นูรูล ศรียานเก็ม และ มงคล ทศไกร พยายามยืนติดริมเส้นเพื่อดึงตัวประกบ ฉีกเปิดพื้นที่แนวรับ อินโดนีเซีย แต่ตัวเองกลับถูกตัดออกจากเกมและไม่มีจังหวะสร้างสรรค์เกมรุกมากนัก

ครึ่งหลังโค้ช มิโลวาน ราเยวัช ตัดสินใจ ถอดริมเส้นออกทั้ง 2 ฝั่งและปรับการระบบทีมจาก 4-2-3-1 เป็น 4-1-2-1-2 (เหมือนในครึ่งหลังเกมอุ่นเครื่องกับ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก) เท่ากับมีมิดฟิลด์ตัวกลางสนามถึง 4 คน ช่วยให้ทีมชาติไทยได้เปรียบจำนวนนักเตะบริเวณกลางสนามและกลับมาครองเกมได้ จนเป็นที่มาของชัยชนะในที่สุด

ขอบคุณรูปภาพจาก @changsuek

ไม่มีอุ้ม (ยัง)ไม่เป็นไร

ธีราทร บุญมาทัน คือคีย์แมนที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของทีมชาติไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมาและปฏิเสธไม่ได้ว่าการขาด ธีราทร นั้นส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของทัพ “ช้างศึก” อย่างแน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้นตัวแทนของ ธีราทร อย่าง กรกช วิริยอุดมศิริ ก็เข้ามาเติมเต็มช่องว่างตรงนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เริ่มต้นจากแมตช์อุ่นเครื่องกับ ฮ่องกง ที่ กรกช เล่นเกมรับได้เหนียวแน่นสุดๆ มายังลูกแอสซิสต์ ในเกมกับ ติมอร์-เลสเต จนถึงประตูจากลูกเตะมุมและอีกหนึ่งแอสซิสต์ในเกมล่าสุด

หาก กรกช ยังรักษาฟอร์มการเล่นสุดเพอร์เฟคนี้ไว้ได้ เราอาจได้เห็นเขาในฐานะแบ็คซ้ายตัวจริงและดัน ธีราทร ขึ้นไปเน้นเกมรุกในตำแหน่งปีกซ้ายก็เป็นได้

ขอบคุณรูปภาพจาก @changsuek