ในฐานะเฮดโค้ชที่ครองตำแหน่งนานสุดใน ไทยลีก ณ ตอนนี้ มาโน่ โพลกิ้ง ได้เปลี่ยน ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จากทีมกลางตารางให้กลายเป็นทีมหัวแถวด้วยการทำงานที่ต่อเนื่องและมั่นคง ทว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งลีกก็ต้องตะลึงเมื่อพวกเขาประกาศคว้าตัว ทริสตอง โด และ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ฟูลแบ็คดีกรีจากทีมชาติไทยจากสโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รวมถึง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ มิดฟิลด์ตัวรุกดาวรุ่งจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
การทุ่มเงินมหาศาลในตลาดซื้อขายนักเตะตั้งแต่หัววันครั้งนี้น่าจะแสดงถึงความตั้งใจของ มาโน่ โพลกิ้ง ได้เป็นอย่างดี และนี้คือบทสัมภาษณ์พิเศษกับกุนซือ “แข้งเทพ” ว่าด้วยเรื่องนักเตะใหม่ ความพอใจซีซั่นนี้ และเป้าหมายความสำเร็จฤดูกาลหน้า
FT: รู้สึกอย่างไรกับซีซั่นที่ผ่านมา และผลงานของทีมทำได้ตามที่ตั้งไว้หรือไม่?
MP: โดยรวมเรามีซีซั่นที่ดี จบอันดับ 2 ได้ไปเล่นรอบคัดเลือก เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับสโมสร ถือว่าเราทำได้ตามเป้าหมายขั้นต่ำของทีม
ถึงอย่างนั้นเราก็ยังมีข้อผิดพลาด เช่นตอนเราได้ขึ้นไปที่ 1 ของตาราง เราหวังว่าจะอยู่ได้นานกว่านี้ แต่รวมๆ ที่เป็นซีซั่นที่น่าพอใจเพราะเรามีการเปลี่ยนแปลงทีมค่อนข้างเยอะหากเทียบกับปีก่อนๆ มันจึงไม่ง่ายที่จะคงไว้ซึ่งมาตรฐานการเล่นหรืออันดับตาราง
FT: ในสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณเพิ่งเซ็นสัญญากับ 2 ฟูลแบ็คที่ดีที่สุดในประเทศเข้าร่วมทีม เราสามารถเปรียบเทียบดีลนี้เหมือนกับตอน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เซ็น ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ เบนจามิน เมนดี้ ไ้ด้หรือไม่? และการได้ ทริสตอง โด กับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา คือสัญญาณที่บ่งบอกว่า ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้ปรับจากทีมที่เน้นเพรสซิ่ง มาเป็นการครองบอลอย่างเต็มตัวแล้วหรือเปล่า?
MP: หากคุณดูที่ตัวเลข จะเห็นได้ว่าเรา (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) เป็นทีมที่เน้นการครองบอลไม่กี่ทีมในไทยอยู่แล้ว เป็นไม่กี่ทีมที่ตั้งใจขึ้นเกมด้วยการต่อบอลจากด้านหลัง ซึ่งผมเห็นพัฒนาการด้านนี้อย่างมาก ตัวอย่างเช่นการได้ผู้รักษาประตูคนใหม่ (ไมเคิล ฟาลเคสการ์ด) มาร่วมทีมก็เป็นปัจจัยสำคัญให้เราเล่นแบบนี้ได้ดีขึ้น
โอเค การเปรียบเทียบของคุณถูกต้อง ผมจำได้ดีหนึ่งในสิ่งแรกที่ เป๊ป ทำคือการควักเงินซื้อนักเตะหลายตำแหน่งที่ยังขาด ไม่เพียงแต่ฟูลแบ็ค 2 คนเท่านั้น แต่รวมถึงผู้รักษาประตูด้วย ในตัว เอแดร์สัน พวกเขามีนักเตะแบบที่ต้องการเป๊ะๆ นำไปสู่ผลงานที่ยอดเยี่ยมในปีที่ 2 อย่างที่ทุกคนเห็นกัน
ทว่าบางครั้งคุณจำเป็นต้องมีเวลามองหานักเตะ เช่นเดียวกับเราที่มองหานักเตะแบบนี้ () มานาน ซีซั่นนี้เราเล่นเหนียวแน่นขึ้นมากเนื่องจากใช้ ฟูลแบ็ค ที่เน้นเกมรับ ต่างจากปีก่อนที่เรารุกดีด้วยฟูลแบ็คจอมบุก
หากเราพูดถึง ทริสตอง โด กับ พีระพัฒน์ ผมว่าเรามีผู้เล่นที่ผสมผสานทั้ง 2 อย่างได้ลงตัว จะรุกก็ได้ จะรับก็ดี ทำให้เรามีตัวเลือกในการจัดระบบมากขึ้น เช่นการเล่นด้วยหลัง 3 โดยมีทั้งคู่ในทีมก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างทางเลือก
ตอนนี้ผมว่าทีมเรามีความยืดหยุ่นและครบเครื่องยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเสมอสำหรับโค้ช
FT: อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กล้าลงทุนซื้อนักเตะไทยเกรดท็อปๆ เช่น อานนท์ (อมรเลิศศักดิ์) มาร่วมทีม ต่างจากฤดูกาลที่ผ่านๆ มา?
MP: ผมมองว่านี้คือก้าวสุดท้าย[ที่สำคัญของทีม] ผมได้ประชุมกับท่านประธานสโมสร (คุณนายขจร เจียรวนนท์) บ่อยครั้งและเชื่อว่าเดินมาถูกทางแล้วได้ด้านการวางโครงสร้างสโมสร เมื่อเทียบกับเมื่อ 4 ปีก่อน ทุกวันนี้เราเล่นฟุตบอลสวยงาม มีเกมที่น่าจดจำมากมายแม้สุดท้ายจะไม่มีอะไรติดมือกลับมาก็ตาม
แต่ด้วยความเห็นส่วนตัว จากมุมมองของคนเป็นโค้ช ผมพยายามบอกกับท่านประธานเสมอว่า[การซื้อนักเตะไทยเกรด เอ]คือก้าวสุดท้าย เป็นการแสดงเจตนาที่จะลองเสี่ยงดูสักครั้งเพราะแต่ละสโมสรใหญ่ๆ ก็ทุนกันทั้งนั้น วันนี้เราทำงานกันอย่างนักหนัก[แต่มันอาจไม่เพียงพอ] เรามีอะคาเดมี่ที่แข็งแรง จ้างมืออาชีพที่ดีในทุกส่วนของสโมสรไม่ว่าจะเป็น ฟิตเนส ผู้รักษาประตู หรือ นักกายภาพ เราทำงานจนสุดลิมิตของเราแล้ว แต่ยังต้องการมากกว่านี้ ซึ่งสุดท้ายตัวชี้วัดก็คือคุณภาพของนักเตะ
ผมไม่ได้บอกว่าเราไม่มีนักฟุตบอลเก่งๆ แน่นอนนักเตะเราดี แต่หากคุณอยากก้าวขึ้นไปแข่งขันกับสโมสรอย่างบุรีรัมย์, เมืองทอง, การท่าเรือ หรือ เชียงราย [เราจำเป็นต้องลงทุน]
การท่าเรือ เคยทำมาแล้ว เชียงราย ก็ด้วย นี่ไม่ใช่เครื่องการันตีความสำเร็จแต่อย่างใด มันแค่เปิดโอกาสให้คุณมากกว่าเดิมเท่านั้น ซึ่งผมเชื่อว่าเราดีกว่านี้ได้เมื่อมีตัวเลือกผู้เล่นเยอะขึ้น
FT: 2 ซีซั่นที่ผ่านคุณซื้อแบ็คซ้ายมาหลายคน อะไรทำให้ พีระพัฒน์ แตกต่างจากคนอื่นๆ และเราคาดหวังอะไรจากเขาได้บ้างในซีซั่นหน้า
MP: ผมชอบ บาส (พีระพัฒน์) มาก เขาคือผู้เล่นในทีม ยู22 ของผมตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นผู้ช่วยโค้ชวินฟรีด เชเฟอร์ เขามีพละกำลังในการเติมเกมรุกแถมยังตั้งรับได้ดี เราทราบว่าเขาไม่ได้มีซีซั่นที่น่าจดจำนักกับเมืองทอง ผมมองว่าเขาขาดความมั่นใจเล็กน้อยหลังตกอยู่ในเงาของ ธีราทร (บุญมาทัน) ทั้งในนามทีมชาติและสโมสร แต่เขาคือนักเตะที่ครบเครื่องจริงๆ
ซีซั่นเราได้นักเตะที่ดีอย่าง วันชัย (จารุนงคราญ) เข้ามาเสริมทัพ แต่เขาก็ดันมาถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานเป็นพักๆ และอย่างที่คุณบอก ก่อนหน้านี้เราพยายามลองใช้แบ็คซ้ายมาหลายคน แต่ก็ยังไม่มีใครที่ลงตัวซะทีเดียว เป็นตำแหน่งที่เราเล็งจะปรับปรุงอยู่นานแล้ว ซึ่งทุกช่วงสิ้นสุดฤดูกาล พวกเราจะมานั้งคุยกันว่าสามารถพัฒนาอะไรได้บ้างในอนาคตเสมอ
ซีซั่นนี้[เราแก้ไข]เกมรับให้ดีขึ้นจากที่เคยเป็นปัญหามาตลอด 2 ซีซั่น เราเกือบทำลายสถิติการยิงประตูได้สำเร็จ แต่ก็เสียไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน ทำให้เราหันว่าเล่นรัดกุมกว่าเก่า และอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ผมเชื่อว่าปีหน้าเราจะน่าจะทำผลงานได้ดีกว่าเดิม
เรามีนักเตะอย่าง เอกชัย [สำเร], มิก้า [ชูนวลศรี] ในตำแหน่งแบ็คขวา มี วันชัย [จารุนงคราญ] เป็นแบ็คซ้าย และ พุทธินันท์ วรรณศรี ที่เล่นรับได้แข็งแกร่ง ส่งผลให้เกิดความกระหายและการแข่งขันภายในทีม ผลักให้พวกเขาฝึกซ้อมอย่างหนัก [ทำยังไงก็ได้] ให้ผมตัดสินใจลำบาก นี่คือวิธีเดียวที่เราจะพัฒนาตนเอง
FT: ทีมงาน ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ติดตามฟอร์มของ “เจ้าไอซ์” จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ที่ถูกส่งยืมตัวที่ เอฟซี โตเกียว ใกล้ชิดมากน้อยแค่ไหน? และการมาของ ทริสตอง โด จะส่งผลต่ออนาคตในทีมของ จักรกฤษณ์ หรือไม่?
MP: แน่นอน เราตามดูเขาทุกเดือน ทุกอาทิตย์ ทุกเกมที่ลงให้ เอฟซี โตเกียว ยู23 ความตั้งใจในการส่งเขาไปอยู่ที่นั้นก็เพื่อให้ [ไอซ์] ได้พัฒนาฝีเท้า มีความเป็นมืออาชีพ มีระเบียบวินัยสไตล์ญี่ปุ่น เล่นเกมรับได้ละเอียดยิ่งขึ้นเป็นต้น สมัยก่อน [ไอซ์] มีความคล้าย เอกชัย [สำเร] อยู่หลายอย่าง - ทั้งคู่เดิมเกมรุกดีแต่ตั้งรับไม่เหนียวเท่าไหร่ เขายังเด็กและเราเชื่อว่าประสบการณ์ที่ ญี่ปุ่น คือก้าวสำคัญที่ช่วยเขาได้
ขณะนี้เราอยู่ในช่วงเจรจาที่จะดึง [จักรกฤษณ์] กลับมา เรามี ทริสตอง โด ที่พร้อมเล่นแต่สิ่งที่ทีมต้องการคือการแข่งขันอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ถ้าเลือกได้ผมชอบมีขุมกำลังที่เพียบพร้อม แข็งแกร่ง และขยันฝึกซ้อมเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง 11 ตัวจริงกัน หาก [จักรกฤษณ์] กลับมาเท่ากับเรามีผู้เล่นชั้นเลิศในตำแหน่งนี้ถึง 2 คน
FT: การคว้า 2 ผู้เล่นตัวเก่งจากคู่แข่งโดยตรงอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นเจตนาที่จะประกาศความพร้อมของ แบงค็อก ให้ทีมอื่นๆ ในลีกผวาหรือเปล่า?
MP: ผมไม่ใส่ใจส่วนของ เมืองทอง สักเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องของเราเสียมากกว่า เราไม่ชอบทำอะไรนาทีสุดท้ายและมีการพูดคุยกันเรื่องดีลนี้มานานแล้ว นับตั้งแต่เรารู้ว่าไม่สามารถไล่ตาม บุรีรัมย์ ได้และค่อนข้างแน่นอนว่าจะจบอันดับ 2 ได้ชัวร์ๆ [ถ้าจำไม่ผิด] เราน่าจะเตรียมการ [เจรจาดีลทริสตอง และ พีระพัฒน์] มาราวๆ 4 อาทิตย์ก่อนฤดูกาลสิ้นสุดลงแล้ว
พวกเขา (ทริสตอง และ พีระพัฒน์) คือตัวเลือกอันดับแรกของเรา และเป็นตัวเลือกแรกมานานแล้วด้วยเพียงแค่ก่อนหน้านี้โอกาสยังมาไม่ถึงเท่านั้น พวกเราจึงรู้สึกดีใจมากเมื่อทราบว่า เมืองทอง พร้อมเปิดใจตั้งโต๊ะเจรจากับเรา
FT: คุณคิดว่าแข้งหน้าใหม่เหล่านี้ทำให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เป็นทีมเต็งแชมป์หรือไม่?
MP: เต็งแชมป์หรอ? คงยังพูดตอบไม่ได้เพราะเรายังมีเรื่องต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก ผมพูดเสมอว่าเราเดินมาถูกทางและที่ผ่านมาก็พัฒนาตนเองอย่างก้าวกระโดดมาโดยตลอด ถึงแม้ยังเทียบกับ บุรีรัมย์ หรือ เมืองทอง ที่มีประวัติศาสตร์ความสำเร็จ มีสนามและแฟนบอลมากมาย ไม่ได้ พวกเขายังนำหน้าเราอยู่เล็กน้อย
อย่างไรก็ดี ในสนามเรากำลังไล่ตามพวกเขามาติดๆ และตอนนี้ที่เรามีทีมที่แข็งแกร่ง ผมก็หวังว่าจะมีแฟนบอลเข้ามาเชียร์ในสนามมากขึ้น ผมหวังจะได้เห็นทีมที่ชิงชัย[กับ บุรีรัมย์ และ เมืองทอง ได้] ปีนี้ผมค่อนข้างพอใจกับเกมที่เราปะทะกับพวกทีมหัวตาราง เราไม่เคยเล่นเกมเยือนกับ บุรีรัมย์ ได้สูสีแบบนี้มาก่อน ปีที่แล้วพวกเขาครองเกมและสอนบอลเราได้ตลอด แต่ซีซั่นเราทำได้เยี่ยมจริงๆ
สำหรับผมฟอร์มการเล่นคือหัวใจสำคัญที่สุด หากเราเล่นดี ผลการแข่งขันก็จะตามมาเอง ซีซั่นนี้เราเกือบขนะ บุรีรัมย์ ได้ และด้วยนักเตะใหม่ที่มาเสริม ทีมที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เราสามารถยืดอกเข้าสู้ในเกมใหญ่ๆ เหล่านี้ได้ ผมขอให้เราไม่ทำแต้มหลุดมือ มีหลายเกมในบ้านที่เราเล่นเหนือกว่าแต่ก็ยังไม่พอที่จะเก็บชัยได้ อย่างไรก็ตาม ‘คำว่าเต็งแชมป์’ คงใหญ่ไป แต่ผมสัญญาเลยว่าเรามีลุ้น