ทีมชาติไทย TRB FEATURE

วิเคราะห์โอกาสประเดิมสนาม 5 ว่าที่ “ช้างศึก” ชุดใหญ่ที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้!

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ประกาศรายชื่อนักเตะชุดลุยศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 เบื้องต้น 50 คน ก่อนจะตัดเหลือ 23 ในภายหลัง

โดยใน 50 แข้งดังกล่าวนั้นไม่มีชื่อของนักเตะไทยในต่างแดนเช่น ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน และ กวิน ธรรมสัจจานันท์ แต่ยังมีจุดน่าสนใจคือการที่ มิโลวาน ราเยวัช เลือกใส่ชื่อนักเตะที่ไม่เคยผ่านเวทีทีมชาติชุดใหญ่เลยอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นฟอร์มร้อนแรงในลีกหรือดาวรุ่งที่ดันขึ้นมาจากทีมชาติชุดเล็ก และนี่คือ 5 ว่าที่ "ช้างศึก" ชุดใหญ่หน้าใหม่ที่น่าสนใจที่สุด

ขอบคุณรูปภาพจาก changsuek

อภิวัฒน์ เพ็งประโคน

สโมสร: อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด

ตำแหน่ง: กองหน้า

นอกจากความสามารถในการจบสกอร์แล้ว อภิวัฒน์ เพ็งประโคน ยังเป็นกองหน้าที่ขยันและเล่นเพื่อทีมที่สุดคนหนึ่งใน ไทยลีก 2 ซีซั่นก่อนจนฟอร์มไปเตะตา บางกอกกล๊าส เอฟซี อย่างไรก็ตามในเลกแรกของศึก ไทยลีก 1 อภิวัฒน์ แทบไม่ได้โอกาสลงล่าตาข่ายในถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม เลย จนสุดท้ายถูกส่งมาช่วย อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ดิ้นรนหนีตายในเลก 2 นั้นเอง

สปีดและความขยันของ อภิวัฒน์ ลงล็อคกับสไตล์การเล่นที่เน้นโต้กลับของ อุบล ยูเอ็มที สุดๆ โดยกองหน้าวัย 30 ปีแทบไม่ต้องปรับตัวเลยแถมสามารถยิงติดต่อกันได้ตั้งแต่ 2 นัดแรกที่ลงสนามอีกด้วย

ทีมชาติไทยภายใต้ยุคของ มิโลวาน ราเยวัช มีเกมรับที่เหนียวแน่นยิ่งขึ้นและเน้นเกมโต้กลับมากกว่าเดิมอย่างชัดซึ่ง อภิวัฒน์ เองก็น่าจะมาตอบโจทย์จุดนี้ได้อย่างลงตัว

โอกาสประเดิมสนามชุดใหญ่: 2/5

ขอบคุณรูปภาพจาก ubonunited

ศิวกรณ์ เตียตระกูล

สโมสร: สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

ตำแหน่ง: มิดฟิลด์

การที่ “บิ๊กฮั่น” มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด มอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับ “เจ้าเฟย” ศิวกรณ์ เตียตระกูล เมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมาคือสัญญาณเล็กๆ ว่าทุกคนเชื่อมั่นในฝีเท้าของจอมทัพวัย 24 ปีคนที่แค่ไหน

และ ศิวกรณ์ ก็ไม่ทำให้สโมสรต้องผิดหวังด้วยการมีส่วนร่วมกับประตูไปแล้วกว่า 16 ประตูในทุกรายการ แบ่งเป็นยิงเอง 9 และแอสซิสต์อีก 11 ลูก สูงกว่าฤดูกาลก่อนที่ยิงเพียง 3 ประตูและแอสซิสต์อีก 11 ครั้ง ศิวกรณ์ ยิงประตูชัย 1-0 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โตโยต้า ลีกคัพ ระหว่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กับ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี แถมยังออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกนัดในฟุตบอลถ้วยทั้ง 2 รายการซึ่ง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เข้าถึงรอบชิงอีกด้วย

การจ่ายคิลเลอร์พาสที่แม่นยำและลูกฟรีคิกที่เฉียบคมของ ศิวกรณ์ น่าจะมีประโยชน์ไม่น้อยเมื่อต้องต่อกรคู่แข่งที่มาตั้งรับต่ำ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกในวันที่ไม่ขาด ชนาธิป สรงกระสินธ์

โอกาสประเดิมสนามชุดใหญ่: 3.5/5

ขอบคุณรูปภาพจาก CRUTD

ขวัญชัย สุขล้อม

สโมสร: พีที ประจวบ เอฟซี  

ตำแหน่ง: ผู้รักษาประตู

ซีซั่นนี้ถือเป็นซีซั่นแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ “เจ้าช้อป” ขวัญชัย สุขล้อม ผู้รักษาประตูจอมเซฟจาก "ต่อพิฆาต" พีที ประจวบ เอฟซี และถึงแม้จะมีผู้รักษาประตูดาวรุ่งรายอื่นที่หวังรายใช้โอกาสนี้ประเดิมเฝ้าเสาชุดใหญ่เช่น วรวุฒิ ศรีสุภา (การท่าเรือ เอฟซี) หรือ สรานนท์ อนุอินทร์ (สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด) แต่ไม่มีได้ลงสนามต่อเนื่องและเก็บคลีนชีท (7 นัด) ได้มากเท่า ขวัญชัย เลยสักคน

อย่าไรก็ตาม ต้องลุ้นกันว่า เจ้าช้อป จะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองหรือไม่เมื่อวัดกับผู้เล่นที่เก๋าประสบการณ์กว่าเช่น ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่พึ่งคว้าแชมป์ไทยลีกมาหมาดๆ หรือ ฉัตรชัย บุตรพรม ที่พา สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เข้าชิงฟุตบอลถ้วยถึง 2 รายการ

โอกาสประเดิมสนามชุดใหญ่: 2/5

ขอบคุณรูปภาพจาก fathailand

ชิติพัทธ์ แทนกลาง

สโมสร: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ตำแหน่ง: กองหลัง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พรรษา เหมวิบูลย์ และ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว คือคู่เซ็นเตอร์แบ็คในดวงใจของ มิโลวาน ราเยวัช ตั้งแต่วันแรกที่มาทำทีม โดยปราการหลังทั้ง 2 พลาดเกมลงสนามคู่กันเพียง 2 นัดเท่านั้นในยุคของกุนซือชาวเซิร์บ

อย่างไรก็ตามโปรแกรมการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ที่ปรับใหม่ให้มีการเล่นรอบแบ่งกลุ่มเหย้าและเยือนทั้งหมด 4 เกม รวมถึงการที่ทีมชาติไทยอาจต้องเล่นราวถึง 8 นัดในเวลา 1 เดือนหากเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศหมายความว่าทัพ “ช้างศึก” ต้องหาเซ็นเตอร์แบ็คมาเป็นตัวหมุนเวียนแทน พรรษา และ เฉลิมพงษ์ ให้ได้หากไม่อยากให้ทั้งคู่บาดเจ็บจนต้องชวดรายการ เอเชียนคัพ ที่สำคัญกว่าในเดือน มกราคม 2019

ถึงแม้เขาจะเคยผ่านทีมชาติไทย ยู23 ชุด อินชอนเกมส์ 2014 มาแล้วและได้ลงสนามกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่เรื่อยๆ แต่ ชิติพัทธ์ แทนกลาง กลับยังไม่เป็นที่ยอมรับของแฟนบอลส่วนใหญ่ในฐานะตัวเลือกเซ็นเตอร์แบ็ค “ช้างศึก”

อย่างไรก็ตามเสียงวิจารณ์ต่างๆ กลับกลายเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้ “เจ้าแบงค์” พัฒนาตัวเองจนฟอร์มการเล่นของเขาโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจนในฤดูกาลนี้ ความเร็วที่มีมาตั้งแต่แรกบวกจังหวะการเข้าบอลที่หนักหน่วงเปรียบเสมือนดาบสองคมที่เคยเป็นจุดอ่อนของ ชิติพัทธ์ จนเจ้าตัวสกัดบอลพรวดหรือเสียฟาล์วบ่อยๆ แต่ในวันนี้ที่เขานิ่งขึ้น ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

ชิติพัทธ์ เป็นกองหลังที่มีความคล่องตัวสูง เหมาะที่จะจับคู่กับ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ซึ่งไม่มีความเร็วนักแต่เล่นลูกกลางอากาสได้ดี แถมการได้เล่นกับ พรรษา เหมวิบูลย์ ทุกๆ วันที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังทำให้ ชิติพัทธ์ ได้เปรียบตัวเลือกตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คคนอื่นๆ ในด้านทีมเวิร์คอีกด้วย

โอกาสประเดิมสนามชุดใหญ่: 3/5

ขอบคุณรูปภาพจาก BuriramUnitedFC

อานนท์ อมรเลิศศักดิ์

สโมสร: บางกอกกล๊าส เอฟซี

ตำแหน่ง: มิดฟิลด์

ในเลกแรก อานนท์ ออกสตาร์ทตัวจริงให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงเกมเดียวเท่านั้น ก่อนที่มิดฟิลด์วัย 20 ปีจะย้ายมาหาโอกาสลงเล่นกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัวภายใต้การดูแลของ โค้ชจุ่น อนุรักษ์ ศรีเกิด กุนซือซึ่งเคยร่วมงานกันมาแล้วในทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ชุดแชมป์ อาเซียน เมื่อปี 2015

นับจากนั้น อานนท์ กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในเกมรุกของ บีจีเอฟซี ทันที เขาพลาดการลงสนามเพียง 3 เกมในทุกรายการ ลงเป็นตัวสำรองแค่ 2 นัดและถูกเปลี่ยนออกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น (เกิดขึ้นในเกมกับ ช้างเอฟเอคัพ รอบแรกกับ นเรศวร เอฟซี ซึ่ง บีจีเอฟซี ชนะขาดลอย 4-1)

นอกจาก อานนท์ จะมีจุดเด่นที่จินตนาการและการไปกับบอลที่ดีทำให้เช่นเดียวกับ ชนาธิป แต่แข้งเจ้าของฉายา “เมสซี่แม่ริม” ยังสามารถฉีกไปเล่นปีกขวาซึ่งเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่ มิโลวาน ราเยวัช พยายามปรับจูนมาตลอดในช่วงหลัง

สำหรับ อานนท์ ยิงไปแล้ว 5 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ในทุกรายการแถม บางกอกกล๊าส เอฟซี ยังแพ้แค่นัดเดียว (ที่เหลือชนะรวด) ที่ อานนท์ มีส่วนรวมกับประตูของทีมอีกด้วย

โอกาสประเดิมสนามชุดใหญ่: 4/5

ขอบคุณรูปภาพจาก BangkokGlassFC