การจะก้าวมาเป็นแชมป์ลีกสูงของประเทศได้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงช่วงข้ามคืน ตลอดเส้นทางสู่ความสำเร็จทีมทีมหนึ่งล้วนต้องเจอกับอุปสรรค ความท้าทายจากคู่แข่งและบทพิสูจน์ตัวเองที่ยากลำบากมากมาย
เพราะฉะนั้นในวันนี้ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด การันตีบัลลังก์แชมป์ โตโยต้า ไทยลีก เรียบร้อยแล้ว เราจึงขอพาทุกท่านย้อนไปดู 6 เกมที่มีส่วนสำคัญในการไล่ล่าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 6 ของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กัน
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2 - 0 โปลิศ เทโร เอฟซี
ช้าง อารีนา
22 กันยายน 2018
เริ่มกันที่เกมล่าสุดซึ่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะ โปลิศ เทโร เอฟซี ไปแบบชิวๆ 2-0 ก่อนเลย ความสำคัญของเกมนี้มากน้อยแค่ไหนคงไม่ต้องอธิบายให้ยุ่งยากเพราะนี่คือนัดที่การันตีแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก 2018 ให้ทีม “ปราสาทสายฟ้า” ถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 6 และเป็นการคว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อนของสโมสรแห่งนี้อีกด้วย
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 2 - 2 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต
10 มีนาคม 2018
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพิ่งขึ้นมานั่งเก้าอี้จ่าฝูงได้เพียงอาทิตย์เดียวก็ต้องเจอบททดสอบสุดหินเมื่อต้องบุกไปเยือนหนึ่งไปผู้ท้าชิงถ้วยไทยลีก 1 อย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
โดย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 6 จาก พรรษา เหมวิบูลย์ ก่อนที่ต่อมาเจ้าบ้าน “แข้งเทพ” จะแซงนำ 2-1 จาก “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ที่ทั้งยิงเองในนาทีที่ 11 และเป็นผู้แอสซิสต์ให้ ร็อบสัน แฟร์นานเดส ในช่วงต้นครึ่งหลัง นับเป็นครั้งแรกที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องเป็นฝ่ายไล่ตามคู่แข่งในฤดูกาล 2018
อย่างไรก็ตามนักเตะ บุรีรัมย์ ถือโอกาสนี้แสดงให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ด้วยการใช้เวลาเพียง 2 นาทีเพื่อตีเสมอ 2-2 จาก เอ็ดการ์ ซิลวา อดีตทีมชาติบราซิล ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี
ประตูแรกกับต้นสังกัดใหม่ของ เอ็ดการ์ ช่วยให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยึดตำแหน่งจ่าฝูงต่อได้และสร้างความมั่นใจให้ศูนย์หน้าร่างโย่งไม่น้อย โดย เอ็ดการ์ ทำได้ถึง 4 แอสซิสต์รวดใน 4 เกมต่อมาที่ลงสนาม
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 4 - 0 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
ช้าง อารีนา
4 พฤษภาคม 2018
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดินหน้าเข้าสู่เกมฟุตบอลไทยที่ได้รับการจับตาที่สุดด้วยฟอร์มที่ไม่เต็มร้อยนักหลัง 3 นัดล่าสุดทำได้เพียงแพ้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 1-0, เบียดชนะ สวาทแคท (ที่ 6 นัดล่าสุดแพ้ไปกว่าครึ่ง) 2-1 ในบ้าน ก่อนบุกไปแพ้ สุโขทัย เอฟซี 1-0 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนทางฝั่งผู้มาเยือน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เองก็ไม่เต็มร้อยเช่นกันหลังเสมอมา 4 นัดติดและพึ่งเปิดโค้ชคนใหม่ ราโดวาน เคอร์ซิช
ชัยชนะขาดลอย 4-0 ณ ช้าง อารีนา คือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้เพราะนี่ถือเป็นการเก็บคลีนชีทในเกมลีกได้ครั้งแรกในรอบ 7 เกมและเรียกส่งให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะรวดในอีก 5 เกมต่อมา
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1 - 0 สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
ช้าง อารีนา
5 กันยายน 2018
เมื่อฤดูกาลที่แล้ว สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด คือผู้ที่เขี่ย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอล ช้าง เอฟเอคัพ แถมยังกลับมาเชือด บุรีรัมย์ อีกครั้งในฐานะแชมป์ ช้าง เอฟเอคัพ ตอนต้นฤดูกาลในถ้วยออมสิน ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ
ไม่เพียงเท่านั้นแต่ในเลกแรกทีม “กว่างโซ้งมหาภัย” ยังสามารถเก็บ 3 แต้มจาก บุรีรัมย์ ณ สิงห์ สเตเดี้ยม อีกด้วย เพราะเหตุนี้การคว้าชัยเหนือ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ครั้งแรกในรอบ 3 เกมจึงถือเป็นก้าวสำคัญสู่เส้นทางแชมป์ 2018 ที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0 - 1 ชัยนาท ฮอร์นบิล
ช้าง อารีนา
16 มิถุนายน 2018
“นกใหญ่พิฆาต” ชัยนาท ฮอร์นบิล คือทีมไทยทีมเดียวเท่านั้นที่สามารถบุกมาขโมย 3 แต้มจากถิ่น ช้าง อารีนา ได้ในซีซั่นนี้
การปราชัยคาบ้านต่อลูกทีมของ เดนนิส อมาโต้ ที่แพ้มา 2 นัดติดถือเป็นเรื่องช็อคไม่น้อยเนื่องแต่เวลาเดียวกันมันก็ได้กลายเป็นแรงผลักดันให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เก็ยชัย 12 นัดรวดจนถึงตอนนี้
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 0 - 3 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เอสซีจี สเตเดี้ยม
16 กันยายน 2018
เกมนี้คือเวทีที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โชว์ให้แฟนบอลทั้งประเทศเห็นว่าพวกเขาคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก 2018 พวกเขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมและดูคุมสถานการณ์ได้ตลอด 90
นอกจากนี้การถล่มคู่รักคู่อย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถึง 3 - 0 ยังเป็นสกอร์ที่สูงสุดซึ่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เคยทำได้ในถิ่น เอสซีจี สเตเดี้ยม อีกด้วย