ฟุตบอลอาเซียน ทีมชาติไทย

เรียนรู้จากข้อผิดพลาด – ชาติอาเซียนได้อะไรบ้างจากฟุตบอลเอเชียนเกมส์ 2018

ฟุตบอลชาย เอเชียนเกมส์ 2018 ได้เดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว เหลือเพียง ทีมชาติเวียดนาม ทีมเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวแทนของชาติอาเซียนในรายการนี้และในขณะที่ทัพนักเตะ เวียดนาม กำลังเตรียมพร้อมทำศึกหนักกับ ซีเรีย นี่จึงเป็นเวลาที่ชาติอื่นๆ จะได้มองย้อนกลับไปทบทวนเรื่องบวกเรื่องลบที่ผ่านมาในการแข่งขันครั้งนี้เพื่อเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและพัฒนาสู่อนาคตได้นั้นเอง

มาเลเซีย

เรื่องบวก

ซาฟาวี ราซิด, อัคห์ยาร์ ราชิด และ นักเตะอีกหลายคนโชว์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีศักยภาพและจิตใจที่พร้อมแล้วสำหรับทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งความฮึกเฮิมของแข้งเลือดใหม่เหล่านี้น่าจะเป็นกำลังสำคัญให้ทัพ “เสือเหลือง” ในรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ที่กำลังจะมาถึงปลายปีนี้ได้ไม่ยาก

แนวรับ มาเลเซีย ควรได้รับเสียงปรบมืออย่างมากจากผลงานในทัวร์นาเมนต์นี้ ผู้รักษาประตู ฮาซิก นาดส์ลี และกองหลังทั้ง 3 ได้แก่ โดมินิค ทัน, เออร์ฟาน ซากาเรีย กับ อดัม นอร์ เสียเพียง 3 ประตูเท่านั้นเมื่อลงสนามพร้อมกัน

อีกทั้งการที่ มาเลเซีย สามารถต้านแนวรุกที่ได้เปรียบเรื่องรูปร่างและสามารถยันทีมที่เหนือกว่าจนเก็บผลการแข่งขันได้สำเร็จถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย

ถึงแม้ มาเลเซีย จะไม่สามารถผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ตามที่ฝันไว้แต่ทีมชุดนี้ก็ทำให้แฟนบอลทั้งประเทศมีความหวังว่าพวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ในอนาคต นักเตะชุดนี้กว่าครึ่งยังสามารถเล่นรอบคัดเลือกฟุตบอล เอเอฟซี ยู23 แชมเปี้ยนชิพ ปี 2020 ซึ่งจะเริ่มเตะกันเดือนมีนาคม 2019 โดยรายการดังกล่าวมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากเป็นการคัดเลือกเข้าไปเล่นฟุตบอล โอลิมปิก 2020 ที่ กรุงโตเกียว อีกด้วย และไม่แน่ ทีมชาติมาเลเซีย อาจมีลุ้นเหรียญทอง ซีเกมส์ ปีหน้าก็เป็นได้

เรื่องลบ

จริงอยู่ที่ มาเลเซีย มี 3 ประสานเกมรุกที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่จุดบอดที่แผงมิดฟิลด์ในเกมกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งเกิดจากการไม่มี อาซาม อาซีห์ ของ ปาหัง เอฟเอ และ แดเนียล อาเมียร์ ของ เฟลด้า ยูไนเต็ด ยังคงเป็นจุดอ่อนที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด   

โอเคละ แบดโดรล บาคเทีย กับ ซยามี่ ซาฟารี ทุ่มกันสุดตัวแล้วก็ช่วยทีมได้มากแต่การมี อาซีห์ กับ อาเมียร์ ในทีมก็น่าจะช่วยให้โค้ช ออง คิม สวี มีตัวเลือกทางแทคติกที่หลากหลายมากขึ้น

การเข้าถึงรอบน็อคเอาท์ตามเป้าหมายที่โค้ชตั้งไว้คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับวงการฟุตบอลมาเลเซียก็จริง แต่ทุกฝ่ายก็ต้องหันกลับมามองตัวเองและยอมรับว่านักเตะชุดนี้ยังต้องพัฒนาทักษะการเล่นและความเข้าใจด้านแทคติกให้สูงกว่าไปเรื่อยๆ   

มาเลเซีย ต้องปรับปรุงเรื่องแทคติกอีกมาก การจะมาตั้งรถบัสอาจทำให้คุณได้ชัยชนะมาก็จริงแต่มันก็มีความเสี่ยงสูงไม่น้อย โค้ชจำเป็นต้องใส่แทคติกที่หลากหลายกว่าเดิม ขึ้นอยู่กับว่าคู่แข่งในวันนั้นเป็นใคร

ไทย

เรื่องบวก

ทัวร์นาเมนต์นี้อาจถือเป็นความล้มเหลวของ ทีมชาติไทย แต่มันคือรายการแจ้งเกิดของ ศุภชัย ใจเด็ด ในฐานะแข้งทีมชาติอย่างเต็มตัว โดยดาวรุ่งวัย 19 ปีถูกใส่ชื่อลุยศึกเอเชียนเกมส์แทนที่ เสฏฐวุฒิ วงค์สาย ของ ชลบุรี ที่มีอาการบาดเจ็บเพียง 1 ชม. ก่อนหมดกำหนด แต่ด้วยผลงาน 2 ประตูในบทบาทซุปเปอร์ซับ ก็คงไม่มีใครสามารถพูดได้ว่า “เจ้าอาร์ม” ติดทีมชุดนี้มาแบบโชคช่วย

กัปตันทีม เจนรบ สำเภาดี แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่มากขึ้นอย่างชัดเจนในการแข่งขันครั้งนี้ จากในอดีตที่เคยตอบโต้แฟนบอลเมื่อได้รับเสียงวิจารณ์ด้านลบ แต่ทุกวันนี้เขากลับเป็นคนที่มีความนิ่งและพยายามสื่อสาร สร้างบรรยากาศแง่บวกให้กับทีมตลอดเวลา นอกจากนี้เจ้าตัวยังยืดอก ออกโรงขอโทษแฟนบอลแทนน้องๆ ในทีมที่มีปากเสียงกับแฟนบอลออนไลน์อีกด้วย ถือเป็นสิ่งดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องหลายคนอาจมองข้ามไปเมื่อพูดถึง เจนรบ

ผลงานของทัพ “ช้างศึก” อาจไม่เป็นไปตามคาดแต่การตัดสินใจของสมาคมฟุตบอลฯ ที่ไม่เลือกใช้โควต้านักเตะอายุเกินเพื่อเน้นการพัฒนาสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคตก็ควรได้รับคำชมบ้างไม่มากก็น้อย

ซึ่งการเสียสละผลงานปัจจุบันเพื่อการพัฒนาไปสู่วันข้างหน้าแบบเดียวกับที่ ทีมชาติญี่ปุ่น หรือ อีหร่าน ทำนั้นถือเป็นแนวคิดการทำงานที่ใหม่สำหรับฟุตบอลไทย คำถามเดียวที่เหลืออยู่คือแฟนบอลจะทนรับผลการแข่งขันได้หรือไม่และสมาคมฟุตบอลฯ จะใจแข็ง ยึดมั่นแนวทางการทำงานนี้ได้นานแค่ไหนเมื่อต้องรับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทุกๆ ฝ่าย  

เรื่องลบ

สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องเรียนรู้ที่จะใจเย็นกว่านี้ ไม่ว่ารู้คุณจะมีความคิดเห็นอย่างไรกับ “โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ ความจริงก็คือเขาไม่มีโอกาสได้ทำงานกับทีมชุดนี้อย่างต่อเนื่องแบบกุนซือชาติอาเซียนอื่นๆ โค้ชโย่ง ถูกแทนที่โดย โซรัน ยานโควิช หลังจากคว้าแชมป์ ซีเกมส์ 2017 ก่อนที่จะถูกดึงกลับมารับตำแหน่งอีกครั้งหลังทัวร์นาเมนต์ M150 คัพ และ เอเอฟซี ยู23 แชมเปี้ยนชิพ

ซึ่งในระหว่างนั้น โค้ชโย่ง แทบไม่มีเวลาได้ทดลองนักเตะหรือเลือกใช้ 11 ตัวจริงในเกมอุ่นเครื่องเลย เพราะฉะนั้นจะไปหวังให้ทีมเล่นกันด้วยสไตล์ที่ไหลลื่นคงเป็นไปได้ยาก ทั้ง โซรัน และ โค้ชโย่ง ถูกตำหนิเรื่องรูปเกมที่ไม่สวยงามเข้าตาแฟนบอล แต่การเปลี่ยนโค้ชทุกครั้งที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบคงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแน่นอน

ทีมชาติไทย ควรมีความพร้อมด้านแทคติกกว่าที่เป็นอยู่ สิ่งที่เห็นได้คือเรามักตั้งรับในแดนตัวเอง ในเกมรุกผู้เล่นเราจะกระจายตัวกันออกไปเพื่อฉีกแนวรับคู่แข่ง ก่อนที่จะโยนตีริมเส้น ฯลฯ รูปเกมของเราตอนนี้ดูธรรมดาและเหมือนจะเล่นด้วยแทคติกเดียวกันในทั้ง 3 เกม

ยกตัวอย่างเกมกับ บังกลาเทศ เป็นตัน เราน่าจะทราบดีว่าเขาต้องมาตั้งรับต่ำ แต่ทำไมเราถึงถอยมิดฟิลด์ตัวรุกที่อันตรายที่สุดของเราอย่าง วรชิต ลงไปช่วยในจังหวะขึ้นเกมทั้งๆ ที่เรามีตัวที่ออกบอลแนวลึกได้ดีอย่าง สรรเสริญ ละ?

ผู้เล่นของเรามีปัญหาในการรับมือกับแรงกดดันและเสียงวิจารณ์อย่างมาก โดยเพราะอย่างยิ่งเมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามที่ทุกๆ ฝ่ายหวังไว้ นี่ไม่ไช่การโยนความผิดไปที่นักเตะแต่เป็นการชี้ให้เป็นถึงความพร้อมทางด้านจิตวิทยาที่เราจำเป็นต้องมีในอนาคตหากฝันจะก้าวข้ามไปสู่ระดับที่สูงกว่านี้ในวันข้างหน้า

หากความสำเร็จของทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 2018 สอนอะไรเราได้บ้าง ก็คงเป็นเรื่องของจิตวิทยาที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) พยายามให้นักเตะเปิดใจกับแฟนบอลมากขึ้น ให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้สื่อสาร เข้าถึงกันและกัน ช่วยให้แฟนบอลเข้าใจนักเตะ ลดความคาดหวังและเสียงวิจารณ์แง่ลบจนผลงานในสนามดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อินโดนีเซีย

เรื่องบวก

อินโดนีเซีย เสียเพียง 3 ประตูในรอบแรก กลุ่ม เอ อีกทั้ง ฮันซามู ยามา และ ริกกี้ ฟาจริน ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาคืออนาคตคู่หูเซ็นเตอร์แบ็คของประเทศ ทั้ง 2 เล่นได้เหนียวแน่นและแถมไม่มีจังหวะผิดพลาดให้เห็นเลย โดยเฉพาะกัปตันทีม ฮันซามู ซึ่งมีแววได้รับตำแหน่งรองกัปตันทีมชุดใหญ่เลยทีเดียว

สเตฟาโน ลิลิปาลีย์ พกฟอร์มอันร้อนแรงจาก บาหลี ยูไนเต็ด ติดตัวมาเล่น เอเชียนเกมส์ ด้วยและสามารถยิงได้ถึง 4 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ ถือเป็นคนที่ อินโดนีเซีย ขาดไม่ได้เลย อนาคตของทัพ “อิเหนา” ดูสดใสเหลือเกินเมื่อมี ลิลิปาลีย์ ในทีมชุดใหญ่และ เซ็ปเชียน เดวิด เมาลาน่า ในชุดเล็ก

มิลล่า หัวหน้าผู้ฝึกสอน ทีมชาติอินโดนีเซีย ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม นานแล้วที่ทีมชาติของพวกเขาไม่มีสมาธิที่แน่วแน่และเล่นกันเป็นระเบียบแบบนี้ การทำงานของเขานับตั้งแต่ ซีเกมส์ เริ่มออกดอกออกผล เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นได้ตามแทคติกของ มิลล่า อย่างเป็นธรรมชาติ

เรื่องลบ

อินโดนีเซีย ยังคงต้องควานหาผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ต่อไป โกลทั้ง 2 คนที่ลงสนามใน ซีเกมส์ 2017 ไม่แม้แต่มีชื่อในทีมชุดนี้ทั้งที่ทั้งคู่ก็เล่นได้ดีพอสมควรในลีกเมื่อปีที่ผ่านมา

ความอันตรายในการเข้าทำของ สเตฟาโน ลิลิปาลีย์ นั้นอยู่ที่การเคลื่อนที่โดยไม่มีบอลของเขา โชคดีของ อินโดนีเซีย ที่พวกเขาสามารถโอนสัญชาติ เบโต้ กอนคัลเวส ได้ทันก่อนเริ่ม เอเชียนเกมส์ แต่นี้ก็แสดงถึงปัญหาเรื่องการขาดกองหน้าเจ้าถิ่นที่มีฝีเท้าพอสำหรับชุด ยู23 และ ชุดใหญ่

ปัญหาเดิมๆ ของ ทีมชาติอินโดนีเซีย คือการตั้งความคาดหวังสูงไปแล้วพอทุกอย่างไม่เป็นไปตามนั้นก็ปลดผู้เกี่ยวข้องซะ ฟุตบอลอินโดนีเซีย พัฒนามาไกลภายใต้การดูแลของ หลุยส์ มิลล่า แต่ถึงอย่างนั้นอนาคตของกุนซือชาวสเปนก็ยังไม่แน่ไม่นอนอยู่ดี

 

 

เวียดนาม

เรื่องบวก

เรื่องน่าชื่นชมของ ทีมชาติเวียดนาม ชุดนี้ถือสปิริตนักสู้ที่ดีในทุกๆ เกม ไม่ว่าจะเจอกับคู่แข่งรายไหนก็ตาม

แนวรับที่เหนียวแน่นคืออีกหนึ่งความดีใจสำหรับแฟนบอลเวียดนาม ตั้งแต่นัดเปิดสนามจนถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายพวกเขาเป็นเพียง 1 ใน 2 ทีมที่ยังไม่เสียประตูเลย โดยแผงหลังทั้ง 5 และผู้รักษาประตูในรายการนี้คือชุดเดียวกันกับศึกฟุตบอล ยู23 แชมเปี้ยนชิพ ที่ยังสานต่อฟอร์มที่คงเส้นคงวาได้จนถึงตอนนี้

ผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมคงต้องยกความดีความชอบให้แก่กุนซือมากความสามารถอย่าง ปาร์ค ฮัง โซ ซึ่งมีความละเอียด เตรียมความพร้อมมารองรับทุกสถานการณ์ นักเตะจึงเล่นตามคำสั่งแก่เกมได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

เรื่องลบ

ทีมชุดนี้ยังขาดอะไหล่ในตำแหน่งกองหลังและมิดฟิลด์ที่ดีพอทดแทนตำแหน่งกันได้ หากผู้เล่นตัวจริงเกิดบาดเจ็บไปแล้วละก็ ทีมคงต้องตกอยู่ในสถานณ์ที่ยากลำบากแน่นอน

เวียดนามสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำได้หลายต่อหลายครั้งแต่กองหน้ายังไม่คมพอจะเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นสกอร์ได้

แฟนบอลทั้งประเทศต้องการให้ทีมมีผลงานที่ดี แต่ความคาดหวังที่สูงลิ่วของทุกคนก็อาจเป็นดาบสองคมได้ในวันที่ทีมเล่นไม่ได้ดั่งใจ เกิดเสียงวิภาควิจารณ์จากแฟนบอลจนกระทบต่อสมาธิและกำลังใจของผู้เล่น