ฟุตบอลไทย ทีมชาติไทย

“เช็คเจ็บ ศุภชัย” พรีวิว ไทย ปะทะ อุซเบกิสถาน ฟุตบอลชายเอเชี่ยนเกมส์ 2018 รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3

ทัพช้างศึกมุ่งหน้าสู่ภารกิจชี้เป็นชี้ตายกับจอมโหดของกลุ่มอย่าง  อุซเบกิสถาน โดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ 3 คะแนนเพื่อการเข้ารอบหรือที่สำคัญไปกว่านั้น…การพิสูจน์ตัวเอง กู้ศรัทธาและแรงเชียร์จากบอลแฟนบอล

แมตช์แข่งขัน: ไทย ปะทะ อุซเบกิสถาน

คิกออฟ: 19:00 ICT (UTC+7)

สนามแข่งขัน: ปากันซารี สเตเดี้ยม  

 

ผู้เล่นน่าจับตามอง (ไทย): ศุภชัย ใจเด็ด

หากจะมีใครที่สามารถพูดได้ว่า เอเชียนเกมส์ 2018 คือทัวร์นาเมนต์ที่ดีก็คงจะมีแต่เจ้าหนุ่มวัย 19 ปีรายนี้เท่านั้น โดย ศุภชัย ใจเด็ด กลายเป็นขวัญใจแฟนบอลชาวไทยไปแล้วหลังซัดไป 2 ประตูในฐานะตัวสำรอง

ก่อนเกม วรวุธ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยพูดถึงแข้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ว่า “ศุภชัย ใจเด็ด ทำผลงานได้ดีนั้น ก็มีโอกาสเป็นตัวจริง แต่ต้องเช็คอาการเจ็บขาหนีบอีกครั้ง ผมต้องเลือกผู้เล่นที่สุดลงสนาม ชุดแรกอาจใช้กองหน้าตัวเดียว เพื่อไปสู้กับคู่แข่งในแดนกลาง”

ต้องภาวนากันว่าเราจะได้เห็น ศุภชัย ลงสนามหรือไม่ในเกมที่ไทยต้องการ 3 แต้มเพียงเท่านั้น

 

ศุภชัย ใจเด็ด ทำไปแล้ว 2 ประตูในฐานะตัวสำรอง

 

ผู้เล่นน่าจับตามอง (อุซเบกิสถาน): ดอสโตนเบค คามดามอฟ

แข้งจากสโมสร “คนเคยรวย” อันจิ มาคัชคาล่า ใน รัสเซีย คือหัวใจเกมรุกริมเส้นของ อุซเบกิสถาน ที่เพิ่งคว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนชิพ 2018 มาได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา คามดามอฟ มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของรางวัลดาวรุ่ง เอเอฟซี ยอดเยี่ยมปี 2015 และใน เอเชียนเกมส์ ครั้งนี้เขาก็ไม่ทำให้เสียชื่อหลังซัดไปแล้วนัดละประตูในเกมกับ บังกลาเทศ และ กาตาร์  

 

ดอสโตนเบค คามดามอฟ ปีกตัวเก่งทีมชาติอุซเบกิสถาน จาก สโมสร อันจิ มาคัชคาล่า Credit: UzbekistanFA

 

จุดน่าสนใจ

ในเกมกับ บังกลาเทศ “โค้ชโย่ง” เลือกจับคู่ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล กับ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางในระบบ 4-2-3-1 โดยให้ พิธิวัต เป็นตัวที่เน้นเกมรับในขณะที่ วรชิต เป็นคนคอยขึ้นเกม

อย่างไรก็ตามเราเห็นแล้วว่ารูปเกมในครึ่งแรกไม่เป็นไปตามคาดเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วรชิต ซึ่งเป็นตัวหลักของ ชลบุรี มาทั้งฤดูกาลในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกแต่นัดนี้เข้ามามีส่วนร่วมกับเกมได้ลำบากเมื่อถูกถอยลงต่ำกว่าเดิม

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม โค้ชโย่ง ให้สัมภาษณ์ถึงเกมกับ อุซเบกิสถาน ว่า “ครึ่งแรกเราต้องอย่าเสียประตู ถ้าเราเล่นเหนียวๆ โอกาสโต้กลับเราโจมตีเขาได้อยู่แล้ว อยู่ที่จะทำประตูได้ไหม”

จึงน่าสนใจว่ากุนซือช้างศึกจะเรียกใช้ตัววางบอลแนวลึกธรรมชาติอย่าง สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ ซึ่งเล่นได้โดดเด่นในนัดกับ กาตาร์ อีกครั้ง แล้วจับ วรชิต กลับไปเล่นในตำแหน่งถนัดหรือไม่

สุภโชค สารชาติ, ชัยวัฒน์ บุราณ และ ธนาสิทธิ์ ศิริผลา เป็นผู้เล่นที่มีสปีดและสามารถไปกับบอลได้ดี เหมาะกับการเล่นโต้กลับทั้งหมด หากแต่พวกเขาลงเล่นเต็มเวลาใน 2 เกมก่อนหน้านี้ จึงต้องรอดูกันว่าความเหนื่อยล้าจะมีผลมากน้อยแค่ไหน

นี่ถือเป็นเกมที่ทีมชาติไทยต้องชนะเพียงสถานเดียวเท่านั้นหากหวังจะเข้า แต่การต้องล้มทัพทีมนักเตะที่เพิ่งคว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนชิพ 2018 มาได้สำเร็จนั้นไม่ง่าย คงต้องขอกำลังใจและแรงเชียร์จากแฟนบอลทั้งประเทศ หากเราสร้างปาฏิหาริย์ครั้งนี้ได้สำเร็จ นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตการค้าแข้งของนักเตะเจเนอเรชั่นนี้ก็เป็นได้