เอเชีย ฟุตบอลญี่ปุ่น

ตัวแปรที่แท้จริง :5 แข้งใหม่เจลีกน่าจับตามองครึ่งฤดูกาลหลัง

ในขณะที่ฟุตบอลเจลีกกำลังพักเพื่อหลีกทางให้ทีมชาติญี่ปุ่นลงเล่นฟุตบอลโลก แต่เป็นช่วงที่ตลาดนักเตะเปิดทำการ และในเราได้เห็นบิ๊กดีลนักเตะระดับโลกย้ายมาเล่น โดยมี เฟอร์นันโด ตอร์เรส กองหน้าดีกรีแชมป์โลกเป็นรายล่าสุด ที่เพิ่งชูเสื้อของ ซางัน โทสุ  ตามหลัง อันเดรส อิเนียสต้า กองกลางทีมชาติสเปนชุดฟุตบอลโลกที่เพิ่งเปิดตัวกับ วิสเซล โกเบได้ไม่นาน นอกจากนี้สโมสรอื่นๆก็ได้ขยับเสริมทัพด้วยเพื่อเป้าหมายทั้งการลุ้นแชมป์ และลุ้นทำอันดับที่ดีที่สุดในตาราง และนี่คือ 5 แข้งที่น่าจับตามอง

 

กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

เบซาร์ต เบริสช่า | ซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า

ดาวเตะที่จะย้ายมาเป็นคู่แข่งในแดนหน้าของ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย ที่เขาพกดีกรีไม่ธรรมดา โดยมีตำแหน่ง รองเท้าทองคำ จากเอลีก ออสเตรเลีย มาด้วย เบซาร์ต เบริสช่า เกิดที่ยูโกสลาเวีย เขามีเชื้อสายแอลเบเนีย แต่ย้ายมาอยู่ในเยอรมัน และเริ่มเล่นฟุตบอลกับ เทนนิส โบรุสเซีย เบอร์ลิน ที่เป็นลีกระดับล่าง แต่เขาก็ยังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในการแข่งขันลีกเยาวชนตอนอายุ 17 ปี ซึ่งในการแข่งขันครั้งนั้นมียอดกองหน้าชาวเยอรมัน อย่าง มาริโอ โกเมซ และ ลูคัส โพลดอสกี้ ลงแข่งด้วย จากนั้นฟอร์มไปเตะตา ฮัมบูร์ก ทำให้ถูกดึงมาร่วมทีม แต่ในช่วงแรกขายังไม่ได้ลงเล่น และถูกปล่อยให้ อัลบอร์ก บีเค ในลีกเดนมาร์ก ยืมตัวไปใช้งานแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก เพราะได้ลงเล่นแค่ 3 เกมเท่านั้น จากนั้นเขาก็ถูกปล่อยให้ เอซี ฮอร์เซ่นส์ ในลีกแดนโคนมยืมตัวไปใช้งาน คราวนี้ เขายิงได้ 11 ประตู จาก 32 เกมคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของทีมในฤดูกาลนั้นไปครอง

ในปี 2006 หลังจากถูกปล่อยให้ไปเก็บประสบการณ์ในเดนมาร์ก ในที่สุดฮัมบูร์ก ก็ตัดสินใจที่จะให้โอกาสเขาขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ และโอกาสประเดิมสนามเกมแรกก็มาถึงในเกมกับ อาร์มีเนีย บีเลเฟลด์ เขาถูกส่งลงสนามในนาที 78 แทนที่ของ ไนเจล เดอ ยอง กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ ในเกมที่เสมอกัน 1-1 นอกจากนี้เขายังกลายเป็นชาวแอลเบเนีย คนแรกที่สามารถยิงประตูในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้ ในรอบแบ่งกลุ่มในเกมที่เขายิงประตูใส่ ซีเอสเคเอ มอสโก ได้ในรังเหย้าต่อหน้าแฟนๆของตัวเอง และหลังจากนั้นอีก 10 วันเขาก็เบิกสกอร์แรกในบุนเดสลีก้าได้สำเร็จ ในเกมที่พบกับ อาเค่น

แต่หลังจากที่ต่อสู้ในบุนเดสลีก้า และยังไม่ประสบความสำเร็จมากนักเขาตัดสินใจโยกมาเล่นในเอลีกออสเตรเลีย กับ บริสเบน รอร์ ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ ที่ใช่สำหรับ เบซาร์ต เบริช่า เพราะเพียงฤดูกาลแรกเขาก็ระเบิดฟอร์มซัดไป 21 ประตู และคว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำได้ทันที และยังช่วยให้ บริสเบน รอร์ คว้าแชมป์ลีก จากนั้นเขาย้ายไปอยู่กับ เมลเบิร์น วิตอร์รี่ หลังหมดสัญญา และยังระเบิดฟอร์ม จนคว้ารางวัลรองเท้าทองคำได้อีกในฤดูกาลส่งท้ายรวมไปถึงแชมป์ลีกด้วย นอกจากนี้ เบซาร์ต เบริช่า ยังเคยทำสถิติซัดแฮตทริกด้วยเวลาแค่ 6 นาทีให้กับ บริสเบน รอร์ ในเกมที่ถล่มเอาชนะ แอดิเลด ยูไนเต็ด 7-1 ถือว่าเป็นสถิติการยิงแฮตทริกที่เร็วที่สุดในเอลีก ที่ตอนนี้ยังไม่มีใครทำลายลงได้ และเกมนั้นเขายิงได้ถึง 4 ประตูด้วยกัน และในตอนนี้เขาจะย้ายมาช่วย ซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า ล่าแชมป์เจลีก

ฟาบริซิโอ ดอสซานโตส | อูราวะ เรด ไดมอนส์

ดาวเตะชาวแซมบ้าที่เพิ่งย้ายกลับมาจากการเล่นในลีกโปรตุเกส กับ ปอร์ติโมเนนเซ่ เคยมีประสบการณ์เล่นในเจลีกมาแล้วกับทีมแกร่งอย่าง คาชิมา อันท์เลอร์ส ในตอนเยาวชนผ่านการเป็นเยาวชนฝึกหัดของสโมสรดังอย่าง โรม่า และ อูดิเนเซ่ ในกัลโช เซเรียอา ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับทีมใหญ่ในลีกแซมบ้าอย่าง โครินเธียนส์ ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี และย้ายมาเล่นในลีกฝอยทองกับ ปอร์ติโมเนนเซ่ ก่อนที่จะมาเล่นกับ หางโจว กรีนทาวน์  และมาเล่นในเจลีกกับ คาชิมา อันท์เลอร์ส ซึ่งเขาสามารถคว้าแชมป์เจลีกมาครอง รวมไปถึงฟุตบอลถ้วยอีกรายการ ก่อนที่จะกลับไปเล่นในโปรตุเกส และในที่สุดก็ได้มาอยู่กับทีมระดับบิ๊กเนมของ เจลีกอย่าง อูราวะ เรด ไดมอนส์ ที่ผลงานไม่ค่อยดี และอยู่ในช่วงท้ายตาราง ซึ่งงานของเขาคือช่วยให้ทีมรอดตกชั้นให้ได้

จอร์ดี บุยจส์ | วี-วาเรน นางาซากิ

ไม่ใช่แค่ ซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า ที่ได้นักเตะจาก เอลีกมาร่วมทัพเท่านั้น แต่ว่า วี-วาเรน นางาซากิ ก็ได้ตัวดาวเตะจากลีกจิงโจ้ มาเสริมทัพด้วยกัน โดยพวกเขาได้ จอร์ดี้ บูยิส ที่มีดีกรีไม่ธรรมดาเพราะเคยผ่านการติดทีมชาติฮอลแลนด์ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีมาแล้ว และเป็นเยาวชน ฝึกหัดของ ทีมดังอย่าง เฟเยนูร์ด ซึ่งมีประกาศในลีกระดับต้นๆของยุโรปอย่าง เอดิวิซี่ลีกมาแล้วกับหลายสโมสรอาทิ เอ็นเอซี เบรดา,ฮีเรนวีน รวมไปถึง โรด้า เจซี ก่อนที่จะไปเล่นในลีกรองของ โรมาเรีย และย้ายมาอยู่กับ ซิดนีย์ เอฟซี ซึ่งเขาคว้าแชมป์เอลีกพรีเมียร์ชิพ และแชมเปี้ยนส์ชิพ มาครองได้ ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ วี-วาเรน นางาซากิ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆของการค้าแข้ง

อันเดรส อิเนียสตา  | วิสเซล โกเบ

นักเตะที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในทุกรายการที่นักเตะอาชีพคนหนึ่งจะสามารถคว้ามาได้กับสโมสรเพียงแค่สโมสรเดียว และไม่ใช่แค่สมัยเดียวเท่านั้น แชมป์ ลาลีก้า สเปน 9 สมัย, แชมป์โกปา เดลเรย์ 6 สมัย, แชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย, แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย นี่คือความสำเร็จในระดับสโมสร และในนามทีมชาติ เขาอยู่ในยุคทองของทีมชาติสเปนที่ คว้าแชมป์ยูโร 2 สมัยติดต่อกัน และคว้าแชมป์โลกมาครองด้วย นี่คือความยิ่งใหญ่ที่เกินจะกล่าวถึงของนักเตะธรรมดาคนหนึ่ง ผลผลิตจาก รั้วลามาเซีย ที่สร้างนักเตะระดับโลกมาประดับวงการไว้แล้วมากมาย โดยเขาเข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ของ บาร์ซ่าตั้งแต่อายุแค่ 12 ปี และฉายแววโดดเด่น นับตั้งแต่ตอนนั้น

ครั้งหนึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สมัยที่ยังค้าแข้งกับ บาร์ซ่าเคยพูดถึง อิเนียสต้า ว่า “ซาบี้ จะเป็นนักเตะที่ก้าวมาแทนที่ของผม และ อิเนียสต้า จะก้าวมาแทนพวกเราทั้งหมด” คำกล่าวนั้นไม่ใช่คำพูดเกินจริง เพราะนับตั้งแต่ที่ เขาขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ ก็มีส่วนพาทีมประสบความสำเร็จ และเมื่อได้ร่วมงานกับ เป๊ป ที่ผันตัวเองไปเป็นกุนซือ นี่คือยุคที่ บาร์เซโลน่า แผ่อาณาจักรยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดในยุโรป แม้ว่าหลายคนจะพูดถึงแต่ ลิโอเนล เมสซี่ แต่หากมองให้ดี รากฐานความสำเร็จของบาร์ซ่า ส่วนหนึ่งจะต้องให้เครดิตแก่ อิเนียสต้าด้วย และหลังจากลงเล่นในคัมป์นูมา 16 ฤดูกาล จากสถิติลงเล่น 442 นัด อิเนียสต้า จะได้พบกับความท้าทายใหม่ๆบนแผ่นดินที่ เป็นต้นกำเนิดของการ์ตูนที่เขาหลงใหลและเป็นแรงผลักดันในวัยเด็กอย่าง “กัปตันสึบาสะ” และจะมาเป็นเพื่อนร่วมทีมของ ธีราทร บุญมาทัน

เฟอร์นันโด ตอร์เรส | ซางัน โทสุ

คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรมากกับดาวเตะรายนี้ ที่คว้ามาแล้วทั้งแชมป์ยูโร, แชมป์โลก, แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ผ่านการเล่นให้กับสโมสรระดับโลกมาแล้วมากมาย โดยดาวเตะที่เป็นผลผลิตจากทีมเยาวชนของ แอตเลติโก มาดริด จากนั้นก็ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2001 ในเกมกับ เลกาเนส หลังจากนั้นในอีกสัปดาห์เดียวเขาก็พังประตูแรกให้กับทีมได้ ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเกินรุ่น และพัฒนาการที่รวดเร็ว แถมยังเป็นผลผลิตจากทีมชุดเยาวชนทำให้ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมตั้งแต่อายุแค่ 19 ปีเท่านั้น

โดยมีลูกทีมอย่าง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือคนปัจจุบัน หลังจากนั้น เขาถูกลิเวอร์พูล ซื้อตัวไปร่วมทีม และมันคือการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของทีมหงส์แดง เมื่อ ตอร์เรส ระเบิดฟอร์มยิง 65 ประตู ทำให้ถูกเชลซี ทุ่มเงิน 50 ล้านปอนด์ ซื้อตัวไปร่วมทีม สร้างความขุ่นเคืองให้แฟนบอลเดอะค็อป แม้ว่า ชีวิตในสแตมฟอร์ดบริดจ์ของ ตอร์เรส จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก แต่เขายังคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกมาครองได้ ก่อนที่จะถูกปล่อยให้ เอซี มิลาน ยืมตัว และกลับมาอยู่กับ สโมสรเดิมอย่าง แอตเลติโก มาดริด อีกครั้ง แม้ว่าฟอร์มจะไม่เปรี้ยงเหมือนเดิมแต่แฟนบอลก็ยังยินดี ที่ได้ฮีโร่คนเก่าของพวกเขากลับมา และสุดท้าย เขาตัดสินใจย้ายมาเล่นในญี่ปุ่นกับ ซางัน โทสุ โดยที่ได้ทำการเปิดตัวไปเรียบร้อยแล้ว