ฟุตบอลไทย ไทยลีก

ทำไมถึงอยู่นาน : จากปากคนรอบข้าง มาโน เบื้องหลังกุนซือเก้าอี้เหนียวไทยลีก

หลังจากที่ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สามารถทำผลงานได้ดี พลิกแซงบุรีรัมย์ ยูไนต็ด ขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงโตโยต้า ไทยลีก ได้สำเร็จ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดจากความตั้งใจของทุกคนที่ระเบิดฟอร์มออกมาแบบไร้ที่ติ และคนสำคัญที่สุดก็คงหนีไปพ้นของ มาโน โพลกิ้ง กุนซือชาวเยอรมนี ที่ทำทีมรักษามาตรฐานได้อย่างดีเยี่ยม จนเป็นโค้ชที่สามารถคุมทีมได้ยาวนานที่สุด ณ ตอนนี้ แถมยังได้ต่อสัญญายาวอีก 3 ปี

ในส่วนเรื่องของนอกสนามก็เช่นกันที่เขาสามารถได้ใจเหล่านักเตะทีมงาน และสตาฟฟ์โค้ช ทำให้ทัพแข้งเทพผลงานได้ยอดเยี่ยม วันนี้ฟุตบอลไทรบ์ ประเทศไทย ได้เสนอความคิดเห็นแนวทางการทำทีม ความคิด และนอกสนามของมาโน ผ่านทางคนที่ทำงานร่วมกับเฮดโค้ชรายนี้

“โค้ชที่ดีที่สุดในประเทศไทย”

“เอ็กซ์” วสพล แก้วผลึก เป็นอีกคนที่แฟนเห็นทั้งแฟนแข้งเทพเองหรือแฟนบอลทีมอื่น เขาจะอยู่เคียงข้างกุนซือรายนี้มาตลอด ซึ่งทั้งคู่เคยร่วมงานกันสมัยมาโน่ยังเป็นผู้ช่วยวินฟรีด เชเฟอร์ อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย ก่อนที่จะมาเป็นมือขวาจนถึงปัจจุบันนี้

“มาโนเป็นคนที่เปิดใจกับผู้เล่นทุกคน พูดความจริงไม่อ้อมค้อม ตามสไตล์ฝรั่ง เขาเป็นคนเฟรนลี่ ช่วยเหลือทุกคนมาโดยตลอด และเขามีความวัยรุ่นอยู่ในตัว เพราะสมัยที่เป็นผู้ช่วยวินนี่ เขายังอายุน้อย ทำให้มีไอเดียมากมาย และเน้นเกมรุก จากวันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ยังเหมือนเดิม”

“สไตล์การทำทีมที่มาโนชอบคือของเป๊บ เขาเน้นเกมรุก มาโน่ไม่ได้ก๊อปปี้นะ แต่เขาใช้ทัศนคติการคุมทีมของเป๊บ กวาดิโอลา มาเป็นแบบอย่างมากกว่า มีการศึกษาฟุตบอลเยอะมากจากโค้ชหลายๆคน การทำทีมหลายแบบ และนำมาประยุกต์กับการทำทีมของตัวเอง”

“จุดแข็งการทำทีมของมาโนนั้นเขาร่วมงานกับคนอื่นได้ดี ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ด้วยที่ไว้วางใจเขา ซึ่งเขาก็ตอบแทนด้วยผลงานที่ออกมาให้เห็น อีกอย่างคือมาโนเป็นคนที่วางแผนการทำงานมาล่วงหน้า เพราะตอนที่เขาเข้ามาทีมอยู่ท้ายตารางหนีตกชั้น แต่สามารถจบอยู่ในอันดับ 8 ได้”

“ซึ่งทัศนคติการทำทีมของมาโนนั้น เขามีแบบของเขาแน่นอนว่าเราเน้นในเกมรุก แต่ทุกปีเรามีการปรับและพยายามแก้ไขในเกมรับ พยายามรักษาเกมรุกไว้ และทำเกมรับให้ดีขึ้น และก็สามารถทำได้”

ในส่วนของผลงานปีนี้ที่ต้นซีซั่นอาจจะสะดุด แต่ก็สามารถกลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์และยึดจ่าฝูงได้ มือขวาเฮดโค้ชชาวเยอรมันกล่าวเพิ่มว่า “ปีนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงเยอะ นักเตะต่างชาติเราเปลี่ยนยกแผง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งต้องใช้เวลา แน่นอนว่ามันมีความเสี่ยงว่าจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เราเชื่อว่านักเตะที่เปลี่ยนแปลงเข้ามาสามารถโชว์ศักยภาพได้ดี มาโนเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวฟอร์มจะกลับมา และก็อย่างที่เห็นพอผ่านไป 6-7 เกมก็เริ่มดีขึ้น เล่นเข้าขากัน”

“โค้ชทุกคนมีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว ตัวมาโนเขามีประสบการณ์ในประเทศไทยเยอะ ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติไทย และก็ไปอาร์มี่ ยูไนเต็ด, สุพรรณบุรี เอฟซี และมาแบงค็อก ยูไนเต็ด คิดว่าเขาเป็นโค้ชไทยก็ได้ แต่มีความคิดเป็นของต่างชาติชาวบราซิล ผมทำงานมานานเหมือนกับว่าเราทำงานสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจได้ดี”

“สำหรับมาโนเป็นโค้ชที่ดีที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ อันนี้ไม่ได้พูดเพราะทำงานร่วมกันนะ แต่ด้วยแนวทางการทำทีม ทัศนคติ โค้ชพูดเสมอว่าทุกอย่างไม่สามารถเกิดขึ้นได้แค่เขาคนเดียว แต่เขาสามารถเรียกศักยภาพทุกคนออกมาได้ดี ซึ่งเขาทำให้ทีมมีสปิริต อันนี้ต้องยกเครดิตให้เขาเต็มๆ”

“กุนซือที่รู้ใจนักเตะทุกชาติ”

แอนดี้ ชลิงเกอร์ อีกหนึ่งในทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่เป็นนักกายภาพประจำทีมทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด ได้มีการร่วมงานกันมานานพอกับการที่มาโนคุมทัพแบงค็อก จึงทำให้เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในทีมและการทำงานของโค้ชรายนี้อีกเช่นกัน

“มาโน่เป็นคนที่มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เขามีแนวทางการทำงานที่น่าใจ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมเรียนรู้จากการที่ได้ทำงานร่วมกับเขา เราทำงานร่วมกันมา 6 ปี แล้ว ฉะนั้นผมจึงได้เห็นพัฒนาการหลายอย่างที่เค้าแสดงให้เห็นเพิ่มขึ้นในทุกๆปี”

“จุดเด่นของเขาคือ เขามีความเข้าใจนักเตะทุกชาติได้เป็นอย่างดี คุณลองนึกดูว่าในหนึ่งทีมประกอบไปด้วยนักเตะกี่เชื้อชาติ แต่เขาสามารถหล่อหลอมทำให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ เขาเป็นคนบราซิล แน่นอนว่านักเตะบราซิลในทีมเชื่อฟังเขา เขาเติบโตที่เยอรมันฉะนั้นเขาจึงเข้าใจนักเตะลูกครึ่งของเราหลายคนที่เติบโตมาจากยุโรป ในขณะเดียวกันเขาก็ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมไทยได้อย่างไม่มีที่ติ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาเข้าใจว่าธรรมชาติของนักเตะไทยเป็นอย่างไร ในแต่ละสถานการณ์เขาจึงมีวิธีการมารับมือกับนักเตะทุกคนอยู่เสมอ ผมถือว่านี่เป็นจุดเด่นของเขาเลยก็ว่าได้

โดยแอนดี้ยังกล่าวต่ออีกว่า “ผมเชื่อเสมอว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชที่คุมทีมนานที่สุดในไทยลีกได้ โดยเฉพาะกับสโมสรเรา เพราะแนวทางการทำงานของเขาเข้ากับสโมสรได้เป็นอย่างดี เขาทำงานร่วมกับประธานสโมสรและผู้จัดการทีม และสามารถตัดสินใจร่วมกันได้ เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือการนำความสำเร็จมาสู่สโมสร”

“เป้าหมายของเราตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาลคือการลุ้นตำแหน่งแชมป์ลีก ซึ่งเราก็กำลังเดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง แต่เส้นทางยังคงอีกยาวไกล พวกเราทุกคนทำงานกันอย่างหนัก ทั้งผู้บริหาร, สตาฟฟ์ และ นักเตะ ซึ่งผมเชื่อภายใต้การนำทีมของมาโน่ เขามีคุณสมบัติที่ดีพอในการพาทีมไปสู่เป้าหมายได้”

“มาโนมีส่วนสำคัญให้ผมย้ายมาอยู่แบงค็อก”

พุทธินันท์ วรรณศรี เป็นอีกหนึ่งแข้งของทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ได้ร่วมงานกับมาโน่สมัยคุมอาร์มี่ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะได้กลับมาร่วมงานอีกครั้ง และมาโนเป็นส่วนสำคัญที่ทำห้เขาตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพแข้งเทพ

“ตอนที่ได้ร่วมงานกับอาร์มี่ และแบงค็อก เขาก็ไม่ต่างเลยนะ โค้ชยังมีความตั้งใจและเป็นกันเองกับนักเตะเหมือนเดิม”

“จริงการที่เราตัดสินใจย้ายมาอยู่กับทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโค้ชด้วย ตอนนั้นเขาย้ายมาก่อนเราหนึ่งเลก และเราก็ตามมา เพราะเชื่อว่าเคยร่วมงานกับโค้ชแล้วจะทำให้เราปรับกับระบบทีมใหม่ได้ง่ายขึ้น”

ซึ่ง “อ้น” ได้เผยถึงจุดเปลี่ยนในซีซั่นนี้ของโค้ชมาโน หลังจากผลงานไม่ดีในช่วงต้นฤดูกาล ก่อนจะกลับมาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ว่า “ในช่วงต้นฤดูกาลผลงานออกมาไม่ค่อยเป็นที่พอใจ เพราะว่าทีมของเรายังอยู่ในการปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง จนกระทั่งในเกมเลกแรกที่เปิดบ้านแพ้ให้กับสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 0-1 โค้ชได้เปิดใจพูดคุยกับนักเตะและสตาฟฟ์คนอื่นๆ พยายามหาสาเหตุหลักๆว่า ที่ผลงานไม่ดีมันเกิดจากอะไรกันแน่ จนสุดท้ายจับจุดได้ และแก้ไข ทำให้ผลงานออกมาอย่างที่เห็น”

“ถ้าให้กับนิยามเกี่ยวกับโค้ชมาโน เขาเป็นโค้ชที่มากกว่าโค้ช ในชีวิตนี้ถ้าผมไม่มีเขา ก็อาจจะไม่มีผมในวันนี้ก็ได้ครับ”

“ทีมสปิริตคือจุดเด่น”

สุมัญญา ปุริสาย ห้องเครื่องวัย 32 ปี ที่ปีนี้มาได้เค้นฟอร์มจนทำให้เจ้าตัวแสดงผลงานได้ดี จนเป็นนักเตะไทยที่ทำประตูในลีกได้สูงสุดอยู่ ณ ตอนนี้ที่ 9 ประตู ทำให้มิโลวาน ราเยวัช เรียกกลับไปติดทีมชาติไทยในรอบ 5 ปี

“เขาเป็นโค้ชที่ดี ทำงานกันง่าย อีกอย่างก็คือมีความเป็นกันเอง สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง” สุมัญญา เริ่มกล่าว

“เขาเป็นคนที่เข้าใจการทำงานทั้งนักเตะและสตาฟฟ์ มันทำให้ทำงานง่ายและผลงานออกมาดี ซึ่งมันเป็นสไตล์ของเขา และพยายามให้นักบอลเล่นสไตล์เดียวกัน ทำให้มาตรฐานการเล่นมันคงเส้นคงวา”

“ส่วนตัวผมเองโค้ชไม่ได้กำชับพิเศษ แต่เขาจะเป็นสไตล์ที่ว่าถ้าใครทำผลงานได้ดี เขาจะพยายามรักษามาตรฐานนักเตะคนนั้นเอาไว้ เพื่อผลงานดีขึ้น จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะ เขารวมใจนักเตะในทีมได้ดีเลยทีเดียว”

“สิ่งที่โค้ชมาโนมีแต่คนอื่นไม่มีก็คงเป็นทีมสปิริต จิตวิทยา หลอมรวมนักเตะให้เป็นหนึ่งเดียวได้”

นอกจากนี้ สุมัญญา ได้กลับมาติดทีมชาติไทยอีกครั้งในรอบ 5 ปี หลังจากทำผลงานได้ดีกับแบงค็อก ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่า “เขาเป็นส่วนสำคัญอีกคน เขาไว้ให้เราให้ได้ลง ทำให้เราทำผลงานได้ดี และกลับมาติดทีมชาติไทยอีกครั้ง”

“สำหรับโค้ชคนนี้ผมดีใจที่ได้ร่วมงานกับเขา หวังว่าจะได้ร่วงงานตลอดไป อยากให้ประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์กับแบงค็อก ถ้าเขาหวังแชมป์รายการไหนก็อยากจะทำให้ได้ตามที่เขาหวังไว้ครับ”

“Mano know best”

มิก้า ชูนวลศรี แข้งลูกครึ่งดีกรีทัพช้างศึก เป็นอีกที่ได้ทำงานกับเฮดโค้ชรายนี้ตั้งแต่ทีมสุพรรณบุรี เอฟซี ก่อนจะได้กลับมาร่วมงานอีกครั้งในทัพแข้งเทพ และเป็นนักเตะคนแรกที่ได้ทำการเปิดตัวพร้อมกับมาโน่เข้ามารับงานคุมทีมแบงค็อกเมื่อ 4 ปีก่อนอีกด้วย

“ก็ดีใจนะที่ได้เปิดตัวพร้อมมาเลย จริงๆเลกแรกผมได้ร่วมงานกับมาโนที่สุพรรณบุรี มันก็แปลกดี พอเราย้ายออกมาซ้อมแบงค็อกได้สองอาทิตย์ มาโนก็ตามมาและเปิดตัวพร้อมกัน ถ้าพูดถึงตอนนั้น มาโนเหมือนมีมีคู่มือใช้ผมเป็น ตั้งแต่ผมอยู่สุพรรณ เขาขยับให้ผมไปเล่นทั้งเล่นกลางรับ แบ็คขวาและเซนเตอร์ และทำให้ผมติดทีมชาติไทย ทำให้ปี 2014 เป็นปีที่ดีสำหรับผม ผมดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งในบ้านหลังใหม่ และเชื่อว่าทำผลงานได้ดีแน่นอน”

“ตอนที่เขาจะย้ายมาคุมแบงค็อก เขาไม่ได้บอกผมนะ เพราะเขาก็โดนปลดจากทีมเก่า ส่วนผมก็สัญญาหมดช่วงสิ้นปีนั้นพอดี อยากย้ายกลับมากรุงเทพ แบงค็อกก็สนใจตัวผม ตอนนั้นก็รู้หละว่าโค้ชวัง (ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล) จะต้องกลับไปคุมทีมตำรวจ ก็มีแอบหวังให้มาโนอยู่ในแคนดิเดต ก็พยายามบอกให้เขาคุยกับผู้ใหญ่ดี เพราะผมเข้ามาอยู่สองอาทิตย์ ทุกอย่างดีหมด”

“มาโนเป็นคนชอบนักเตะที่มีความขยัน ที่เล่นได้หลายตำแหน่ง โชคดีที่ผมเล่นได้หลายตำแหน่ง ทั้งเซ็นเตอร์ แบ็คขวา กลางรับ ซึ่งผมโชคดีที่เป็นตัวหลักตลอดไม่ว่าจะอยู่สุพรรณกับแบงค็อก และผมก็ได้ยินเขาพูดตลอดว่าภายในทีมชาติเป็นอย่างไรบ้าง อันไหนคือสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ ประสบการณ์เขาเยอะ ผมพยายามเรียนรู้จากเขา ทำให้ผมพัฒนาขึ้นมาเยอะ”

“ช่วงแรกเราอาจจะเปลี่ยนผู้เล่นเยอะ แต่ก็เหมือนเรากดดันตัวเองด้วย พอมันเป็นทุกที ทำให้รู้ว่าทุกทีมเขาแข็งแกร่งนะแต่ทีมเราสามารถยืนมาตรฐานได้ ซึ่งต้นฤดูกาลทุกทีมเขามีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว แต่สำหรับเราปัญหาคือการเปลี่ยนแปลงผู้เล่น มันต้องใช้เวลา ปีนี้ปรับตัวได้เร็ว ตอนนี้ทีมลงตัวและทุกคนรู้ว่าทำอะไรบ้าง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงทุกปี เอาจริงๆคือนักเตะใหม่ที่จะเข้าใจเกม จิตวิทยา และวิธีการเล่นของมาโน ต้องใช้เวลาสักพัก”

ซึ่งนอกจากาเรื่องในสนามแล้ว มิก้ายังเผยอีกว่า มาคือบุคคลสำคัญที่ทำให้นักเตะสามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้ง่าย บวกกับการเข้าในในวัฒนธรรมเมืองไทย ทำให้มีวิธีการสอนในแบบฉบับของตัวเอง จนสามารถได้ใจนักเตะในทีมทุกคนอีกด้วย

“มาโนเขาเป็นคนสำคัญให้นักเตะใหม่ปรับตัวได้ง่ายขึ้นอีกด้วยนะ สำหรับผมเขาคือโค้ชที่ดีที่สุด เขาเป็นมืออาชีพทั้งในและนอกสนาม ทุกอย่างเกี่ยวกับสโมสรเขาจะมีส่วนช่วยในการจัดการทั้งหมด เขาจะรู้วิธีการคยกับนักเตะแต่ละคนว่าจะต้องคุยแบบไหน เขารู้ว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน และก็รู้วัฒนธรรมคนไทย และก็รู้วิธีการสอนคนว่าจะสอนอย่างไร โค้ชต่างประเทศที่เข้ามาคุมทีมในไทย แน่นอนมาตรฐานเขาสูงอยู่แล้ว แต่ว่าโค้ชจะดึงศักยภาพนักเตะไทยออกมาได้เยอะแค่ไหน แต่มาโนรู้หมด เอาใจคนไทยเป็น พอได้ใจนักเตะ ทุกคนก็เต็มที่กับทีม”

“ส่วนเรื่องระบบแต่ก่อนเราไม่มีสนามซ้อม ทีมงานมีแค่ 2-3 คน เดี๋ยวนี้มี 15-16 คนแล้ว เขาเป็นคนลิสต์เลยนะว่าแผนกไหนควรต้องมี เขาพัฒนาทั้งในและนอกสนามด้วย ซึ่งเขาทำเยอะมาก ผมอยู่มาสี่ปีมันมีการเปลี่ยนแปลงเยอะจริง”

“ถ้าคำนิยามสำหรับมาโน ก็ต้อง “Mano know best” เขาจะเป็นคนที่รู้ดีเกี่ยวกับภายในทีมมากที่สุด และก็อีกคำนิยามที่เรียกเขาก็คือ “มาโน่ คั่วกลิ้ง” ครับ ฮ่าฮ่า”