วรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัทไทยลีก ออกมาเบรก ปีเตอร์ วิธ และ เจสัน วิธ จะเข้ามาเทคโอเวอร์ เดฟโฟ เอฟซี หลังยังไม่ได้เข้ามาจดทะเบียนกับทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯอย่างถูกต้องตามคลับไลเซนซิ่ง
ก่อนหน้านี้ เดฟโฟ เอฟซี ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักจนค้างเงินเดือนนักเตะเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะมีการไกล่เกลี่ยและมีข่าวออกมาว่าได้อดีตกุนซือทีมชาติไทยกับลูกชายเข้าเทคโอเวอร์สโมสรลุยต่อในศึกไทยลีก ก่อนที่ล่าสุดเลขาฯฝ่ายจัดการแข่งขันออกมาเบรกเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อย
“ในส่วนของข่าวที่เห็นว่ามีสองพ่อลูกตระกูลวิธ เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเดฟโฟ เอฟซี จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้ เจสัน วิธ ได้เข้ามาที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก เพื่อพูดคุยว่าทางเขาจะเป็นคนที่จะเข้ามาแก้ปัญหาทางการเงินของเดฟโฟ และจะรับชอบค่าใช้จ่ายนักเตะของทีมในเลกสอง แต่การเข้ามาเทคโอเวอร์ของพวกเขายังไม่สมบูรณ์ตามที่เป็นข่าว”
“โดยรายละเอียดของเอกสารคลับ ไลเซนซิ่งสโมสรเดฟโฟที่ยื่นมาตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ชื่อประธานสโมสรยังคงเป็นคนเดิมคือ คุณพี ดังนั้น ทั้งสองคน (วิธ) ยังไม่ได้เป็นเจ้าของเดฟโฟโดยสมบูรณ์ ”
“ถ้าจะเข้ามาถือสิทธิ์อย่างสมบูรณ์นั้น ทั้งสองคนต้องเข้ามาคุยรายละเอียดกับฝ่ายคลับ ไลเซนซิ่ง ไทยลีก เพื่อหาทางออกว่าจะเข้ามาแบบไหน อย่างไหร่ ตามหลักแล้ว ในแง่นิติบุคคล จะต้องมีการจดบริษัทขึ้นมา ในเมืองไทยนั้น รู้กันอยู่แล้วว่า ต่างชาติไม่สามารถถือครองหุ้นได้เกิน 49 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่า อีก 51 เปอร์เซ็นต์ ต้องเป็นคนไทย มันก็บอกเป็นนัยอยู่แล้วว่า ต่างชาติไม่สามารถเข้ามาถือครองได้โดยนิตินัย ตามพฤตินัยก็อีกเรื่องหนึ่ง”
“แต่ที่สุดแล้ว คนที่จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตามมา มีสองส่วน ส่วนแรก ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า เพราะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการคลับ ไลเซนซิ่ง ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยน ผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่อาจตามทั้งหมดคือเจ้าของคนเดิมของเดฟโฟ ”
“ในขณะที่ส่วนของที่สอง หากเปลี่ยนแปลงได้ โดยที่มีคนไทยคนอื่นเข้ามาร่วมหุ้นอีก 51 เปอร์เซ็นต์ด้วย เขาก็ต้องเป็นคนมารับผิดชอบ ไม่ใช่ทางคุณ เจสัน วิธ และลูกชาย ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ต้องเข้ามาคุยกัน เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ให้ข่าว ทั้งๆที่เบื้องลึกเบื้องหลังยังไม่มีการดำเนินการอะไร เพราะฉะนั้นถือว่าทั้งคุณเจสัน วิธ และลูกชายยังไม่ได้เป็นเจ้าของสโมสรโดยทางนิตินัย”