ฟุตบอลไทย ไทยลีก

เนวิน ชิดชอบ : ไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งไหนที่ผมไม่ถูกวิจารณ์

เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดร่ายยาวถึงการเปลี่ยนแปลงทีมก่อนจบเลกแรกของฤดูกาล 2018 โดยยอมรับเสียงวิจารณ์แต่มั่นใจว่าเขามีเหตุผลเพียงพอแม้จะไม่สามารถพูดทุกอย่างออกมาได้

ปราสาทสายฟ้า แยกทางกับ ประวีณวัช บุญยงค์ กองหลังที่เพิ่งย้ายมาจากบีจีเอฟซี เมื่อต้นฤดูกาลและเป็นตัวหลักด้วยเหตุผลว่าระเมิดข้อตกลงกับสโมสร รวมถึงเตรียมจะปล่อย เอ็ดการ์ ดา ซิลวา ที่กำลังทำผลงานได้ดีหลังคว้าตัว ออสวัลโด ฟิลโญ อดีตกองหน้าทีมชาติบราซิลมารอในเลกสองแล้ว

นายใหญ่แห่งช้างอารีนาเขียนข้อความบนแฟนเพจบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า “อีกก้าวของมืออาชีพ การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างมีเหตุผล แต่เหตุผลทุกข้อมิอาจบอกได้กับทุกคน”

“เพราะจะมีผลกระทบที่มิอาจควบคุมได้ หากถูกนำไปขยายความโดยผู้ที่มีเจตนาร้าย และไม่เป็นมืออาชีพ”

“ในโลกของฟุตบอลอาชีพ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ และอยู่กันแบบมืออาชีพ ซึ่งนอกเหนือจากความสามารถแล้ว ระเบียบ วินัย กฎ กติกา ข้อตกลงที่มีต่อกันของสโมสร กับทุกคนในสโมสร ต้องได้รับการยอมรับ และเคารพซึ่งกันและกัน”

“ไม่มีสโมสร หรือองค์กรใด อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้เลวลงทุกๆ สโมสร ต้องการการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น”

“9 ฤดูกาลที่ผ่านมาของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เรามีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาสโมสรมาโดยตลอด เพื่อที่จะเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ดีที่สุดของประเทศไทย เราทำงานหนัก ทั้งการพัฒนาความสามารถของนักฟุตบอล การยกระดับนักฟุตบอล และการสร้างระบบบริหารจัดการทุกๆ ด้าน ให้เป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะการสร้างนักฟุตบอลรุ่นใหม่ๆ มาทดแทนนักฟุตบอลที่ร่วงโรยไป อย่างมืออาชีพ”

“ไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งไหนที่ผม และผู้บริหารทีมจะไม่ถูกวิจารณ์ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปลี่ยนแปลงแล้ว ศักยภาพของสโมสรตกต่ำลง และคุณภาพของทีม ย่ำแย่ลง”

“ทุกครั้งที่เปลี่ยนแปลง หมายถึงการพัฒนา และยกระดับทีมขึ้นอีกชั้นหนึ่ง แม้จะมีข้อจำกัดต่างๆ มากมาย แต่เราก็พยายามที่จะทำให้ดีที่สุด สร้างจุดแข็ง กำจัดจุดอ่อน เพื่อให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดินหน้าต่อไปให้ถึงจุดหมายที่แฟนๆ และผู้สนับสนุนทุกคนต้องการให้ได้”

“จบเลกแรกของฤดูกาลนี้ เราจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อยกระดับทีม และสร้างความแข็งแกร่งให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างคงเส้นคงวา เราต้องมีทีมงานที่สร้างผลงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ เพราะเรารู้ว่าแฟนๆ มีความคาดหวังกับเราสูงมากในปีนี้ ในขณะที่การต่อสู้เพื่อรักษาแชมป์ไทยลีกจะยากกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เลก 2 ทุกเกมในสนาม จะหนักหนาสาหัสแน่ๆ เราจึงต้องการทีมที่สร้างความมั่นใจให้กับแฟนๆ ได้มากกว่าเลกที่ 1 ที่จะจบแมตช์สุดท้ายในวันที่ 26 พฤษภาคม นี้”

“ยังมีอีก 2 ถ้วย 2 รายการ คือ เอฟเอคัพ และลีกคัพ ที่เราต้องเอากลับมาให้แฟนๆ ได้ครอบครอง และชื่นชมอีกครั้ง”

“ทุกนัดจากนี้ไป คือ งานหนักของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และนี่คือ เหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสโมสรจะแถลงให้ทราบเร็วๆ นี้”

“เกมสุดท้ายของเลกแรก ในช้างอารีนา เป็นเกมที่สำคัญ และต้องจบด้วยชัยชนะ เพราะเราต้องการจบเลกแรก ด้วยการเป็นที่ 1 เพื่อการก้าวสู่เลก 2 ด้วยความมั่นใจ และเก็บให้ได้ทุกคะแนน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการรักษาแชมป์ไทยลีก เพื่อที่เราจะกลับไปสู่เวที เอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก ในปีหน้า อีกครั้ง”

“16 นัดที่ผ่านมา เราทำผลงานได้ดี ในด้านการเก็บคะแนนมาเป็นที่ 1 แต่ต้องยอมรับว่ายังมีจุดผิดพลาดอีกหลายเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งผมกับทีมงานจะพยายามทำให้ดีที่สุด และทำให้แฟนๆ มีความเชื่อมั่น ความศรัทธา และมีความสุขที่ได้รักบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตลอดมา และตลอดไป”

“นัดสุดท้ายของเลกแรก กับ แอร์ฟอร์ซ วันที่ 26 พฤษภาคม นี้ เราจะเก็บ 3 แต้ม ให้แฟนๆ ได้มีความสุขกันทุกๆ คน”

“ขอขอบคุณนักฟุตบอล ทีมงานทุกชีวิต และผู้เล่นคนที่ 12 ทุกคน ที่ช่วยกันสู้ ช่วยกันสร้างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้มายืนอยู่หัวตารางของไทยลีก 2018 และเราจะรักษาตำแหน่งนี้ไว้จนจบฤดูกาล”