เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ฟุตบอลไทย

FIVE SWEET SPOTS: 5 ประเด็นหลังบุรีรัมย์บุกพ่ายชุนบุคร่วง 16 ทีม ACL

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัวแทนจากไทย มาได้ไกลที่สุดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อบุกไปพ่าย ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ ด้วยสกอร์ 2-0 จากการพังประตูสุดสวยของ ริคาร์โด โลเปซ และลูกฟรีคิกของ อี แจ ซอง ทำให้สองนัดสกอร์รวมเป็นทีมแกร่งจากจากเกาหลีใต้เอาชนะไป 4-3  ทำให้ปราสาทสายฟ้ายุติเส้นทางแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายและนี่คือประเด็นที่น่าสนใจหลังเกมนี้

 

กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

เปลี่ยนแท็คติกจนสับสน

จุดเด่นของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ภายใต้การทำทีมของ โบซิดาร์ บันโดวิช คือพวกเขามีแท็คติกที่หลากหลาย นักเตะหลายคนเล่นได้มากกว่า 1 ตำแหน่งทำให้สามารถปรับแท็คติกตำแหน่งการยืนของลูกทีมได้ตลอดเวลาทบางครั้งไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนตัวลงไปเพื่อแก้เกมแต่ในนัดนี้ ที่พวกเขาบุกไปพ่าย ชุนบุค ทีมเริ่มต้นในระบบกองหลังสามคน ก่อน แต่เมื่อทีมเสียประตูเร็ว และต้องการทวงคืนทำให้ปรับมาใช้งานคู่เซนเตอร์ และขยับตำแหน่ง เอา ประวีณวัช บุญยงค์ ขยับจากเซนเตอร์มาเล่นตรงกลาง และเอา สุเชาว์ นุชนุ่ม มาเล่นแบ็กขวา แทนที่ ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่โดนถอดออกแล้วให้ ตัวสำรองอย่าง เอกลักษณ์ ทองกริต มายืนแบ็กซ้ายก่อนตอนลงมาใหม่ๆและก็ถูกปรับมายืนตำแหน่งเซนเตอร์ในระบบกองหลังสามอีกครั้ง ยังไม่รวมตำแหน่งตัวสำรองคนอื่นอย่าง สุภโชค สารชาติ และ ศุภชัย ใจเด็ด ที่พลิกเกมไม่ได้  ซึ่งดูเหมือนว่าการปรับแท็คติกในเกมนี้จะไม่ได้ผลที่ดีนักหลายคนดูสับสนในตำแหน่งการยืนของตัวเองจนทำให้ หมากการปรับแก้เกม และตำแหน่งไม่ส่งผลที่ดีต่อทีม

กลับมาโฟกัสในประเทศ

เป้าหมายใหญ่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือการประสบความสำเร็จในถ้วยใบนี้ให้ได้ แต่เมื่อในซีซั่นนี้พวกเขาหมดลุ้นแล้ว ก็จะต้องกลับมาโฟกัสกับฟุตบอลในประเทศที่ตอนนี้สถายการณ์ในลีกพวกเขาค่อนข้างได้เปรียบ แม้ว่าจะต้องเดินทางไปแข่งต่างประเทศในช่วงกลางสัปดาห์ รวมถึงเกมในบ้านที่ต้องกรำศึกหนักแต่ผลงานยังดีกว่าทุกทีมจนทำให้นำเป็นจ่าฝูง และเมื่อกระเด็นตกรอบก็ไม่ต้องห่วงและเป็นกังวลในการวางแผนจัดตัว และการวางแผนเดินทางต่อไปทำให้พวกเขา สามารถจัดเต็มในลีกและฟุตบอลถ้วยอีกสองรายการที่เหลือได้อย่างเต็มที่ ถือว่าเป็นงานหนักของทุกทีมในลีกที่จะต้องหยุดบุรีรัมย์ ที่หันกลับมาลุยในประเทศแบบเต็มตัวอีกครั้ง หลังจากที่หมดลุ้นในรายการนี้อย่างแน่นอนแล้ว

สอบไฟนอลแข้งต่างชาติ

ตลาดนักเตะไทยในเลกที่ 2 กำลังจะเปิดขึ้น ซึ่งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ละทีมสามารถเปลี่ยนนักเตะได้ แต่ในเมื่อทีมตกรอบแล้ว การวางแผนเปลี่ยนแปลง เสริมทัพของทีมอาจจะต้องเปลี่ยนไปด้วย ก่อนหน้านี้มีรายงานจากสื่อบราซิลว่า ทีมได้ตัว ออสวัลโด ฟิลโญ กองหน้าดีกรีทีมชาติบราซิลมาร่วมทัพแล้ว ทำให้จะต้องมีนักเตะอย่างน้อย 1 คนที่จะหลุดออกจากทีมไป ซึ่งเป็นได้สูงว่าบอร์ดบริหารอาจจะใช้เกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก  ที่ต้องเจอคู่แข่งที่โหดหินกว่าในไทยลีก ทำการตัดเกรดนักเตะต่างชาติ หรือรวมถึงนักเตะไทยในทีมเพื่อการเสริมทัพในช่วงเลกที่สองของทีมที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะมีโปรแกรมของบอลถ้วยในประเทศเพิ่มมาอีก 2 รายการด้วย

ศิวรักษ์ยังได้เครดิตน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

หากพูดถึงนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมของบุรีรัมย์ หลายคนคงคิดถึงบรรดากองหน้าชาวบราซิลของทีม หรือว่ากองกลางดีกรีทีมชาติไทย น้อยคนนักที่จะให้ความสำคัญกับตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ยึดมือหนึ่งของทีมมาโดยตลอด และในเกมนี้ แม้ว่าทีมจะพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 2-0 ตกรอบไปอย่างน่าเจ็บช้ำใจ แต่หนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในสนามของบุรีรัมย์ วันนี้คือนายทวารของพวกเขา หลังจากต้องรับมือกับพายุลูกยิงของเจ้าบ้านที่ มีโอกาสยิงตรงกรอบให้เขาออกแรงเซฟถึง 13 ครั้งตลอดทั้งเกม บวกกับการยิงหลุดกรอบไปอีก 28 ครั้ง หากดูสถิติแค่นี้ก็พอจะดูออกแล้วว่าแนวรับบุรีรัมย์เจออะไรในเกมเยือนเกาหลีเกมนี้ ซึ่งการเสียแค่ 2 ประตูที่เกินกำลังของผู้รักษาประตูถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจและยอมรับได้

มาตรฐานของทีมจากไทยที่ต้องรักษา

ในช่วงสองปีหลังสุดที่ผ่านมา ตัวแทนจากไทย ที่ถือว่าเป็นสองยักษ์ใหญ่ ต่างก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ทั้งนั้น โดยในซีซั่นที่ผ่านมา เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เข้ารอบแบ่งกลุ่มในฐานะแชมป์ไทยลีกปี 2016 ผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ของสโมสร และในปีนี้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่แม้ว่าจะเคยไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็สามารถผ่านเข้ารอบ 16 ทีมได้อีกครั้งในรอบ 4 ปี ซึ่งจากผลงานของสองทีมจากไทย ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์คะแนนของไทยลีก แซงหน้าออสเตรเลียที่ระยะหลังๆไม่ประสบความสำเร็จในรายการนี้แล้ว เพราะทีมไม่สามารถผ่านมาถึงรอบ 16 ทีมได้เลย ซึ่งจากผลงานนี้คือมาตรฐานใหม่ของทีมไทยลีกที่ได้มาปักมุดเอาไว้  และทำให้ตัวแทนจากไทยมีลุ้นโควตาไปเล่นในรายการเอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก เพิ่มขึ้นจากเดิม 1+2 (แชมป์ลีกเข้ารอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติ,รองแชมป์ลีก และแชมป์บอลถ้วยเตะเพลย์ออฟ) มาเป็น 2+1 ซึ่งจะเป็นกาการันตีพื้นที่ในรอบแบ่งกลุ่มให้ตัวแทนจากไทยแน่นอน 2 กลุ่ม ซึ่งตัวแทนที่ได้ลงเล่นจะต้องคงมาตรฐานเอาไว้เพื่อสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้สัมผัสประสบการณ์ระดับเอเชียมากขึ้นไปอีกในอนาคต