ฟุตบอลญี่ปุ่น เจลีก

ไทยไฟท์: 5 ประเด็นน่าสนใจลุ้น “ธีรศิลป์ – ธีราทร” ดวลกันในเจลีก

 

ในสุดสัปดาห์นี้จะมีเกมเจ1ลีก คู่ที่แฟนบอลไทยต่างจับจ้องไปคงต้องยกให้เกมที่ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของวิสเซล โกเบ ซึ่งเป็นการโคจรมาพบกันของธีรศิลป์ และธีราทร ถือเป็นการเจอกันของสองแข้งไทยในเจลีกนัดที่สอง หลังจากที่ในก่อนหน้านี้มุ้ยก็เผชิญเจอกับรุ่นน้องอย่างชนาธิป สรงกระสินธ์ ในนามทีมคอนซาโดเล ซัปโปโรมาแล้ว และนี่คือ 5 ประเด็นน่าสนใจก่อนเกมดังกล่าวจะอุบัติขึ้นในวันอาทิตย์นี้

กด Next เพื่ออ่าน

 

1.ลุ้นให้ทั้งคู่มีชื่อเล่นตัวจริง

ก่อนเกมเจ1ลีกที่ทั้งสองทีมจะพบกัน ทั้งธีรศิลป์และธีราทร ต่างก็เริ่มกลายเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญที่ได้รับโอกาสลงสนามช่วยทีมสร้างผลการแข่งขันต่างกันออกไป ในรายของมุ้ย ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อลงตัวจริงให้ทีมบ่อยครั้ง จากแท็คติกของฮิโรชิ โจุฟุคุ ที่เคยกล่าวว่าทุกคนในทีมมีโอกาสลงสนามเท่ากัน และเจ้าตัวจะเลือกให้โอกาสจากผลงานตอนฝึกซ้อม ทว่าจากโอกาสที่มีชื่อเล่น 10 จาก 12 เกม เจ้าตัวยิงให้ทีมได้แล้ว 3 ลูกกับ 1 แอสซิสต์

ขณะที่อุ้ม แม้ในช่วงแรกจะยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ยังรอโอกาสข้างสนาม ทว่าพอเข้าสู่การแข่งขันเกมที่ 6 ของซีซัน เจ้าตัวก็เริ่มพิสูจน์ให้เห็นถึงการยืนเกมรับทางกราบซ้ายที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสร่วมสร้างเกมรุกให้ทีมอยู่ไม่น้อย สิ่งนี้ส่งให้สตาร์เบอร์ 30 มีชื่อลงเล่นให้ทีมนับแต่นั้นเรื่อยมา จากประเด็นดังกล่าว ทำให้น่าจับตาว่าทั้งโจฟุคุของซานเฟรชเช และโยชิดะของโกเบ จะให้โอกาสสองแข้งไทยในฐานะลูกทีมของตนลงเผชิญหน้ากันหรือไม่

 

2. สถิติสมัยดวลกันที่ไทยออกสูสี

ย้อนไปตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่อยู่ค้าแข้งในไทยลีก ธีราทรเคยมีโอกาสดวลแข้งกับธีรศิลป์ ในฐานะคู่แข่งสมัยที่อยู่ค้าแข้งร่วมกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก่อนที่อุ้มจะโยกมาค้าแข้งร่วมกับรุ่นพี่ในนามทีมเมืองทองช่วงซีซัน 2016 อย่างไรก็ตาม สถิติก่อนที่ทั้งคู่จะร่วมทีมกิเลนผยองด้วยกันโดยรวมถือว่าไม่มีใครเสียเปรียบใคร (นับเฉพาะเกมลีกตั้งแต่ปี 2013) แบ่งเป็นบุรีรัมย์ชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 1 นัด ส่วนกิเลนผยองมีสถิติชนะ 1 เสมอ 4 แพ้ 2 เกม แต่หากนับเฉพาะโอกาสลงเล่นอุ้มมีสถิติเหนือกว่ามุ้ย ที่ช่วงหนึ่งตัดสินใจไปอัลเมเรียช่วงเลกสองของปี 2014 จากผลงานลงเล่นให้บุรีรัมย์ 7 เกม และแพ้ร่วมกับทีมเพียง 1 นัด ส่วนมุ้ยอยู่ช่วยเมืองทองในลีก 6 เกม และพากิเลนชนะเพียง 1 นัดเท่านั้น

 

3. พลธนูม่วงฟอร์มดีกว่าในการเจอกัน 5 เกมหลังสุด

สำหรับสถิติเจอกันบนลีกสูงสุด 5 เกมหลังสุด ผลปรากฎว่าฮิโรชิมาทำผลงานได้ดีกว่าทีมจากจังหวัดเฮียวโงะ จากผลงานชนะ 3 เสมอ 2 แบ่งเป็นช่วงเลกสองของฤดูกาล 2015 ซานเฟรชเชบุกถล่มโกเบถึงถิ่น 4-0 ส่วนผลงานในฤดูกาล 2016 และ 2017 พลธนูม่วงชนะและเสมออย่างละนัด แบ่งเป็นปี 2016 บุกเสมอ 1-1 และกลับมาชนะในบ้าน 2-0 ขณะที่ปีล่าสุดแบ่งเป็นการบุกแบ่งแต้ม 1-1 และกลับมาเฉือนชัยในบ้านเช่นเคยที่ 2-1 ส่วนชัยชนะนัดล่าสุดของโกเบเหนือซานเฟรชเชคือผล 1-0 ในเลกแรกเมื่อ 3 ฤดูกาลก่อน

 

4.ซานเฟรชเชลุ้นเพิ่มสถิติไม่แพ้ในบ้านฤดูกาลนี้

แม้ในฤดูกาลก่อนฮิโรชิมาจะผลงานแผ่วต้องลุ้นหนีตกชั้นจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ทว่าเข้าสู่ซีซัน 2018 นี้ จากการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอนมาเป็นฮิโรชิ โจฟุคุ ทำให้พลธนูม่วงกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้ง รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางชนิดที่ทิ้งอันดันสองอย่างเอฟซี โตเกียวถึง 8 แต้ม โดยหนึ่งในความสำเร็จนี้คือความแข็งแกร่งยามเล่นเป็นเจ้าบ้าน เพราะตลอดโปรแกรมในบ้าน 5 จาก 12 เกม พวกเขาทำสถิติชนะไป 4 เสมอ 1 ยังไม่เพลี่ยงพล้ำให้ทีมใดเลย ซึ่งก็เป็นที่น่าจับตามองต่อไปว่าในเกมสุดสัปดาห์ที่จะเจอกับวิสเซล โกเบนี้ ทีมของธีรศิลป์จะยังคงฟอร์มแรงยามเป็นเจ้าบ้านต่อไปหรือไม่

 

5. ลุ้นให้มุ้ย-อุ้มมีส่วนกับประตูที่ทีมได้

ถึงแม้ว่าช่วงนี้ทั้งธีรศิลป์และธีราทรจะมีชื่อลงเล่นให้ต้นสังกัดแดนซามูไรต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในโอกาสตัวจริงหรือสำรอง แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลชาวไทยอยากเห็นคือการมีส่วนร่วมกับประตูที่ทีมได้ในแต่ละเกม สำหรับมุ้ยซัง แน่นอนว่าในฐานะศูนย์หน้า เจ้าตัวยังคงมีโอกาสลุ้นเพิ่มสกอร์ในเจลีกได้อีกเรื่อยๆ ในขณะที่ธีราทร แม้จะถูกจับลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย่วมกับโกเบ แต่หลังจบเกมนัดล่าสุดที่ทีมเสมอเอฟซี โตเกียว 0-0 เจ้าตัวก็ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าอยากจะมีส่วนทำแอสซิสต์แรกในเจลีก ทำให้น่าจับตามองว่าในเกมที่สองต้นสังกัดของแข้งไทยเจอกันนี้ ทั้งคู่จะมีโอกาสกับประตูร่วมกับทีมมากน้อยเพียงใด