ฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ รายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภูมิภาคอาเซียน ได้จับฉลากแบ่งสายการแข่งขันออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในกลุ่มเอ จะมี เวียดนา,มาเลเซีย, กัมพูชา, เมียนมา และ ลาว ส่วนกลุ่มบี ประกอบไปด้วย ทีมชาติไทย แชมป์เก่าและเจ้าของแชมป์รายการนี้สูงสุด 5 สมัย, สิงคโปร์ แชมป์ 4 สมัย และนี่คือความเห็นของสื่ออาเซียน หลังจากจับฉลากในครั้งนี้, ฟิลิปปินส์ ,อินโดนีเซีย และ และผู้ชนะระหว่างคู่ติมอร์-บรูไน โดยในปีนี้เปลี่ยนระบบจัดการแข่งขันยกเลิกระบบเจ้าภาพในรอบแรกมาใช้การแข่งแบบพบกันหมดโดยไม่มีเจ้าภาพและทุกทีมจะได้เล่นเกมเหย้า 2 นัด และเยือน 2 นัด ก่อนที่จะเอาทีมที่คะแนนดีที่สุด 2 อ้นดับแรกมาแข่งขันในรอบรองชนะเลิศในระบบเหย้าเยือนเพื่อหาคู่ชิงชนะเลิศ และนี่คือความเห็นของสื่ออาเซียน หลังจากจับฉลากในครั้งนี้
เคสท์ บรรณาธิการ ฟุตบอลไทรบ์ มาเลเซีย
กลุ่มเอมีทีมที่ค่อนข้างคล้ายกับในปี 2016 เพิ่มแค่ประเทศลาวมาเท่านั้น แต่สมาชิกแทบจะเหมือนเดิม ในครั้งนี้มาเลเซียคงไม่สามารถประมาททีมอย่าง เมียนมา หรือ กัมพูชา เพราะพวกเขาแสดงให้เห็นเมื่อ 2 ปีที่แล้วทั้งสองทีมดังกล่าวเล่นได้ดีตอนที่เจอกับมาเลเซีย โดยเฉพาะจัน วัฒนากา กองหน้าตัวเก่งของกัมพูชา
หลายคนพูดว่าความท้าทายที่ของมาเลเซียในกลุ่มนี้คือเวียดนาม ทีมที่ค่อยๆพัฒนาตัวเองในอาเซียนมาอย่างช้าๆ จนกลายเป็นทีมเต็ง ทีมชุดอายุไม่เกิน 23 ปีของพวกเขา เขาถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีที่ประเทศจีนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และนักเตะอย่าง เหงียน คว็อก ไฮ ที่น่าจะติดทีมชุดนี้มาด้วย
มาเลเซียมีเวลาเตรียมทีมในรายการนี้ประมาณ 6 เดือน และดูเหมือนว่าเฮดโค้ชอย่าง ตัน เชง โฮ จะพยายามผลักดันผู้เล่นดาวรุ่งให้มากขึ้นโดยเฉพาะนักเตะจากชุดชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีที่เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ริโอ อิสอิโดรัส ตูเรงก้า บรรณาธิการ ฟุตบอลไทรบ์ อินโดนีเซีย
นี่คือทัวร์นาเม้นท์ที่ยากสำหรับเราสัญญาของ หลุยส์ มีญ่า จะหมดลงหลังจากเอเชี่ยนส์เกมส์ 2018 ไม่ว่าผลงานในทัวร์นาเม้นท์ดังกล่าวจะเป็นอย่างไร มันย่อมส่งผลต่อการเตรียมทีมของเราใน เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ในเดือนธันวาคมอย่างแน่นอน
เรามีนักเตะโอนสัญชาติค่อนข้างเยอะอย่างเล่น เอสตาบัน วิซคาร์ร่า หรือ อิลญ่า สปาโซเจวิช และคู่เซนเตอร์ที่แข็งแกร่งจาก บอร์เนียว เอฟซี อย่าง มุสตาฟา อัลฮาดี้ รวมไปถึงคนอื่นๆผมมองว่าอินโดนีเซียมีคุณภาพดีพอที่จะคว้าแชมป์รายการนี้ได้เหมือนที่สิงคโปร์เคยทำได้
เหงียน ทรัง บรรณาธิการ ฟุตบอลไทรบ์ เวียดนาม
ผลการจับฉลากในกลุ่มเอ ออกมาค่อนข้างน่าสนใจ ในการเจอกันของสองทีมอย่าง มาเลเซีย และ เวียดนาม ซึ่งแฟนบอลของเรายังไม่เคยลืมกับความพ่ายแพ้ที่คาบ้านในปี 2014 ไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าการเจอกันของสองทีมนี้คือเกมในกลุ่มเอ ที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เมียนมา ลงเล่นด้วยความแข็งแกร่ง และพวกเขาจะสร้างความท้าทายให้ทีมอื่นๆ ส่วนลาว และกัมพูชาก็มีพัฒนาการที่ดีในระยะหลัง พวกเขาไม่ได้เป็นแค่ไม้ประดับเหมือนอย่าเมื่อก่อนอีกแล้ว ที่ใครก็สามารถมาหยิบเอา 3 แต้มไปจากพวกเขาได้ง่ายๆ ส่วนกัมพูชาผมมองว่าพวกเขาเป็นม้ามืดของกลุ่มนี้ได้เลย
มฤคย์ ตันนิยม บรรณาธิการ ฟุตบอลไทรบ์ ประเทศไทย
“มันเป็นกลุ่มที่ยากสำหรับไทย เพราะว่า ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียต่างเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ฟิลิปปินส์ มีทีมที่ดีด้วยเหล่าแข้งลูกครึ่งและเพิ่งผ่านเข้าไปเล่นในศึก เอเอฟซี เอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้าย ในขณะที่ อินโดนีเซีย แม้ว่าพวกเขาจะถูกแบนจากฟีฟ่าถึงสองปี แต่หลังปลดแบน พวกเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าที่หลายคนคาดไว้ และสามารถเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ซูซูกิ คัพ เมื่อ 2 ปีก่อน
“นอกจากนี้ รายการนี้ยังเป็นรายการระดับภูมิภาครายการแรกของ มิโลวาน ราเยวัช ซึ่งจะเป็นบททดสอบสำคัญว่าเขาจะสามารถพาทีมชาติไทยคว้าโทรฟี่ใหญ่โทรฟี่แรก นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อกลางปีก่อนได้หรือไม่”
ปัญชลี เดชะชัย ผู้สื่อข่าว ฟุตบอลไทรบ์ ประเทศไทย
“อย่างที่เห็นว่าทีมร่วมสายของทีมชาติไทยนั้น ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นฟิลลิปปินส์ที่ฟีฟ่าแรงกิ้งสูงกว่าไทย ที่อาจจะมีไมเคิล ฟาลเคสการ์ด นายด่านลูกครึ่งที่รู้ทางบอลไทยดีจากการค้าแข้งให้กับทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด หรือจะเป็นอินโดนีเซีย รองแชมป์เมื่อสองปีที่แล้วทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงอีกสองทีมไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ หรือผู้ชนะระหว่างติมอร์เลสเต้ และบรูไน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยน่ากลัว แต่ถ้าประมาทนิดเดียวก็เกิดความเสียหายได้ทุกเมื่อเช่นกัน”
“ครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญอีกรายการหนึ่งของโค้ชมิโลวาน ราเยวัช เพราะหลังจากที่พลาดถ้วยคิงส์คัพไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้วนั้น นี่จะเป็นถ้วยความหวังอีกรายการของแฟนบอลชาวไทยเลยก็ว่าได้ และจะเป็นการเรียกขวัญกำลังใจก่อนไปลุยศึกเอเชียนคัพในช่วงต้นปีหน้าอีกด้วย”
