ฟุตบอลอาเซียน ไทยลีก

ใครรุ่ง-ใครร่วง : ตัดเกรด 11 แข้งประเดิมโควต้าอาเซียนไทยลีกปีแรก

 

หนึ่งในไฮไลท์ของฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2018 คือการกำหนดให้แต่ละสโมสรมีผู้เล่นโควตาอาเซียนในทีม ซึ่งตลอดการแข่งขันที่ผ่านมาแล้ว 10 นัด ผู้เล่นจากชาติร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ล้วนแต่พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพออกมาช่วยต้นสังกัดของแต่ละคนต่างกันไป และนี่คือคะแนนความสามารถของบรรดาผู้เล่นโควตาใหม่ที่ไทยลีกกำหนดให้มีในปีนี้หลังลีกสูงสุดของไทยทำการแข่งขันผ่านเกมนัดที่ 10 ของฤดูกาลไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

กด Next เพื่ออ่าน

หมายเหตุ - คะแนนความสามารถของผู้เล่นเต็ม 10 และไม่นับกรณีของ ฮองวู แซมสัน ที่ยกเลิกสัญญากับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังการแข่งเกมที่ 5 ของฤดูกาล

 

นันดา ลิน จอ ชิต (เมียนมา, พีที ประจวบ เอฟซี) - ไม่มีคะแนน

มิดฟิลด์วัย 26 ปี ตัดสินใจย้ายจากบาเลสเตีย คาลซา ในเอสลีก สิงคโปร์ มาร่วมทัพต่อพิฆาต ที่คว้าสิทธิ์เลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดของไทยหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ส่งผลให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะชาวเมียนมารายที่สามต่อจากอ่อง ธู และจอ โค โค ในศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 แถมยังผลงานเด่นในเกมอุ่นเครื่ิองร่วมกับประจวบ เมื่อกองกลางหมายเลข 28 ร้อนแรงทำ 2 ประตูจากเกมอุ่นเครื่อง 2 นัด พร้อมการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งแกนหลักในแดนกลางของทีม ทว่าพอเริ่มการแข่งอย่างเป็นทางการ ลิน จอ ชิต กลับไม่ได้โอกาสลงสนามช่วยทีมเลยแม้แต่นาทีเดียว แม้จะมีชื่อในม้านั่งสำรองมาตลอด 10 เกมก็ตาม จึงไม่สามารถให้คะแนนความสามารถกับแข้งรายนี้ได้

 

เทเรนซ์ ปูหิริ (อินโดนีเซีย, การท่าเรือ เอฟซี) - 4 คะแนน

ริมเส้นความเร็วสูงที่ครั้งหนึ่งเคยดังในโลกโซเชียลจากจังหวะสปีดพาบอลค่อนสนามไปยิงประตูใส่มิตรา คูคาร์ จนถูกแชร์ไปทั่ว ถูกยอดทีมแห่งย่านคลองเตยดึงจากบอร์เนียว เอฟซีมาเสริมจี๊ดด้วยเวลา 1 ปี แต่เนื่องจากสิงห์เจ้าท่ามีขุมกำลังริมเส้นฝีเท้าดีรายหลาย ไม่ว่าจะเป็น นูรูล ศรียานเก็ม, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ตลอดจน บดินทร์ ผาลา ทำให้โอกาสลงสนามของแข้งวัย 21 ปียังมีไม่มากนัก ทั้งยังเคยมีอาการเจ็บแถวเข่า ซึ่งหลังผ่านการแข่ง 10 เกม ปูหิริมีชื่อลงสนามเพียง 4 นัด แม้จะเริ่มมีโอกาสลงเล่นมากขึ้นในช่วง 2 นัดหลังสุด แต่โดยรวมแล้วเวลาในสนามของเจ้าตัวจนถึงตอนนี้มีเพียงแค่ 22 นาทีเท่านั้น

 

ฮิคารุ มิเนกิชิ (ฟิลิปปินส์, พัทยา ยูไนเต็ด) - 5 คะแนน

จอมทัพลูกครึ่งฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่น เริ่มต้นเล่นฟุตบอลด้วยการเป็นเยาวชนฝึกหัดของ อุราวะ เรดไดมอนด์ส ก่อนถูกชักชวนให้มาเล่นฟุตบอลอาชีพที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นดินแดนบ้านเกิดของมารดากับทีม โกลบอล เอฟซี และครั้งหนึ่งเขาเคยรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกประจำฤดูกาล 2016 ด้วยผลงานยิงไปถึง 17 ประตูจากการลงสนาม 17 นัด กระทั่งปัจจุบันถูกเรียกตัวติดทีมชาติฟิลิปปินส์ชุดใหญ่ไปแล้วถึง 8 เกม โดยในปี 2018 นี้ เจ้าตัวตัดสินใจโยกมาค้าแข้งในไทยลีกกับทัพโลมามหาภัย แต่จนถึงตอนนี้โอกาสลงเล่นก็ยังมีไม่มากนัก ยังคงต้องใช้เวลาปรับตัวกับทีมและลีกอาชีพในบ้านเรา ขณะนี้เจ้าตัวได้โอกาสจากสุรพงษ์ คงเทพ เทรนเนอร์พัทยาลงสนามเพียง 5 จาก 10 เกม แบ่งเป็นโอกาสลงตัวจริงแค่ 1 นัด ในเวลารวมแค่ 99 นาทีเท่านั้น

 

จอ โค โค (เมียนมา, สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด) - 5 คะแนน

กองหน้าซูเปอร์สตาร์ขวัญใจแฟนบอลชาวเมียนมา เลือกย้ายจาก ย่างกุ้ง ยูไนเต็ด มาสัมผัสประสบการณ์ค้าแข้งต่าวแดนหนแรกกับเจ้าบุญทุ่มรายใหม่ของไทยลีกอย่างสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด พร้อมกันกับเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจทางการภาษาเมียนมาเอาใจแฟนคลับ อย่างไรก็ดี เมื่อเกมไทยลีกเปิดสนามและทำการแข่งขันมาจนถึงเกมนัดที่ 10 เมื่อวีคที่แล้ว แข้งเบอร์ 37 กลับมีชื่อสตาร์ทเป็นสำรองทุกนัด และแม้จะมีโอกาสลงสัมผัสเกมไทยลีกมากถึง 7 นัด ทว่ากลับเป็นช่วงเวลารวมที่ได้อยู่โชว์ฝีเท้าเพียง 68 นาทีเท่านั้น มิหนำซ้ำยังกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่น่าจดจำ เพราะในเกมนัดที่ 9 ที่กว่างโซ้งเปิดบ้านดวลพัทยา ยูไนเต็ด โค โค โชคร้ายได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากจังหวะปะทะกับ สราวุธ กัลยาณบัณฑิต กองหลังพัทยา ยูไนเต็ด และจากการตรวจอย่างละเอียดพบว่า เอ็นเข่าด้านในฉีก หมอนรองกระดูกฉีก ทำให้ดาวเตะรายนี้ต้องปิดเทอมไปโดยปริยาย และอาจจะส่งผลกระทบกับทีมชาติเมียนมาในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ปลายปีนี้ด้วย

 

กาเบรียล คว็อก (สิงคโปร์, ราชนาวี) - 6 คะแนน

ราชนาวีตัดสินใจดึงตัวรุกชาวสิงคโปร์มาร่วมทีมในฐานะโควตาอาเซียนไม่กี่อึดใจก่อนที่การแข่งโตโยต้าไทยลีก จะเริ่มในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งเจ้าตัวก็ได้โอกาสลงประเดิมสนามให้ทีมตั้งแต่การแข่งขันแมตช์แรก ก่อนที่เกมนัด 7 ของฤดูกาล แข้งเชื้อสายจีนรายนี้ขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นสิงคโปร์คนแรกที่ทำประตูได้ในการแข่งขันโตโยต้า ไทยลีก หลังทำประตูได้ในเกมที่ตะหานน้ำ เอาชนะ สุโขทัย เอฟซี 3-2 อย่างไรก็ดี จนถึงตอนนี้คว็อกในวัย 27 กะรัต ได้โอกาสลงเล่นไปแล้ว 8 เกมด้วยกัน แต่ฟอร์มโดยรวมยังถือว่าช่วยทีมเฉิดฉายได้เพียงเกมประเดิมสกอร์แรกเท่านั้น ซึ่งต้องมาลุ้นกันต่อว่าฟอร์มของอดีตดาวเตะเกย์ลัง อินเตอร์เนชันแนลจะโชว์ฟอร์มได้ดีแค่ไหนในยุคของ เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ กุนซือป้ายแดงที่เพิ่งโยกมาคุมทีมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

 

กีโก้ อินซา (มาเลเซีย, บางกอกกล๊าส เอฟซี) - 6 คะแนน

ปราการหลังชาวมาเลเซียเชื้อสายสเปนเคยผ่านประสบการณ์ค้าแข้งมาอย่างโชกโชนในระดับทวีปยุโรป ไม่ว่าจะเป็น สเปน, เบลเยียม, เยอรมัน, ไอซ์แลนด์, ลัตเวีย ก่อนจะตัดสินใจย้ายมาเล่นในละแวกอาเซียนกับสโมสรอาเรมา เอฟซี และ บาหลี ยูไนเต็ด กระทั่งเลือกโยกมาเล่นในลีกตามสัญช่าติที่ตัวเขาถือครองกับสโมสร ปะหัง เอฟเอ จากนั้นปี 2018 แข้งวัย 30 ปี ตัดสินใจออกมาหาประสบการณ์ใหม่อีกครั้งกับบางกอกกล๊าส เอฟซี หลังไทยลีกเปิดให้มีโควตาอาเซียน อย่างไรก็ดี เมื่อบีจีล้วนมีผู้เล่นตำแหน่งกองหลังที่อยู่ค้าแข้งกับทีมมานาน ทำให้โอกาสสอดแทรกเป็นตัวจริงของกีโก้ยังมีน้อย แม้จะทำไปแล้ว 1 แอสซิสต์ แต่จากสถิติลงสนาม โดยรวมแล้วยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อ เพราะในขณะนี้เจ้าตัวได้ลงเล่นเพียง 4 นัด แบ่งเป็นตัวจริง 2 เกม และช่วยทีมเก็บคลีนชีทได้แค่ 1 นัดเท่านั้น

 

มิชาล เหงียน (เวียดนาม, แอร์ฟอร์ซ เซนทรัล เอฟซี) - 7 คะแนน

ดาวเตะสารพัดประโยชน์ลูกครึ่งเวียดนาม-เช็ก เคยผ่านประสบการณ์เล่นฟุตบอลอาชีพในลีกรองของเช็ก ประเทศบ้านเกิดของคุณแม่ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งในลีกเวียดนาม แผ่นดินเกิดของคุณพ่อร่วมกับทีมยักษ์ใหญ่ของลีกอย่าง บีคาเม็กซ์ บินห์เดือง ในปี 2015 กระทั่งเลือกย้ายมาแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ในฤดูกาล 2018 โดยในขณะนี้เขากลายเป็นตัวหลักของน้องใหม่ซีซันนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าโค้ชหน้าเก่าหรือใหม่ของทีมทั้งสะสม พบประเสริฐ หรือแม้แต่ แอนดรูว์ ออดด์ จากสถิติลงสนาม 8 เกม และลงเป็นตัวจริงทุกนัด นอกจากนี้ เขายังเป็นส่วนหนึ่งของลูกทัพฟ้านัดประเดิมสามแต้มแรกในฤดูกาลเหนือนครราชสีมา 1-0 แถมยังอยู่สกรีนเกมรุก พาทีมเก็บคลีนชีทในนัดนี้ได้อีกด้วย

 

ซูลฟาห์มี อารีฟิน (สิงคโปร์, ชลบุรี เอฟซี) - 7 คะแนน

อีกหนึ่งผู้เล่นสารพัดประโยชน์ที่ฉลามชลตัดสินใจดึงมาเสริมทัพในฤดูกาล 2018 ซึ่งจากจุดเด่นที่ดาวเตะทีมชาติสิงคโปร์สามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ ไปจนถึงแบ็คซ้าย ทำให้เขามีชื่อลงสัมผัสเกมไทยลีกได้ตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาล และในขณะนี้ซูลฟาห์มีได้รับโอกาสลงสวมยูนิฟอร์มอดีตแชมป์ไทยลีก 1 สมัยไปแล้วถึง 8 เกม แบ่งเป็นตัวจริง 6 นัด ช่วยทีมเก็บคลีนชีท 3 นัด อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ชลบุรีมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอนมาเป็นจักรพันธ์ ปั่นปี ดูเหมือนว่าโอกาสลงเล่นของเจ้าตัวจะมีน้อยลง เพราะ 2 เกมหลังเขาไม่ได้โอกาสเล่นตัวจริงเลย

 

ไมเคิล ฟาลเคสการ์ด (ฟิลิปปินส์, แบงค็อก ยูไนเต็ด) - 8 คะแนน

ผู้รักษาประตูลูกครึ่งฟิลิปปินส์-เดนมาร์ก เริ่มเล่นฟุตบอลในระดับอาชีพกับบรอนด์บี้ สโมสรยักษ์ใหญ่ของเดนมาร์ก ก่อนจะย้ายไปอยู่กับโอบี โอเดนเซ และมาร่วมทีมมิดทิลแลนด์ในฤดูกาล 2017/2018 กระทั่งต้นปี 2018 ที่ผ่านมา นายประตูวัย 27 ปีตัดสินใจโยกมาค้าแข้งในภูมิภาคอาเซียนร่วมกับพลพรรคแข้งเทพ ที่ต้องการหาผู้รักษาประตูมือหนึ่งรายใหม่ แม้ช่วงแรกในการแข่งไทยลีก ผลงานของโกลเจ้าของส่วนสูง 191 เซนติเมตรจะยังดูไม่เข้าที่ เสียประตูร่วมกับทีมแข้งเทพทุกนัด ทว่าพอถึงเกมที่ 9 ของซีซัน ฟาลเคสการ์ดเริ่มเรียกความมั่นใจเซฟช่วยทีมเก็บคลีนชีทแรกประเดิมซีซันในเกมบุกชนะการท่าเรือถึงถิ่น 3-0 รวมถึงเกมนัดผ่านมา ลูกครึ่งรายนี้เหมือนจะเรียกความมั่นใจได้มากกว่าก่อน เพราะอยู่ช่วยป้องกันประตูพาบียูไม่เสียประตูอีกครั้งในเกมเปิดบ้านต้อนนครราชสีมา 2-0

 

มาร์ค ฮาร์ทมันน์ (ฟิลิปปินส์, อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด) - 9 คะแนน

นี่คือผู้เล่นโควตาอาเซียนรายเดียวที่ได้โอกาสลงสนามในเกมโตโยต้า ไทยลีก ครบทุกแมตช์ ซึ่งดาวยิงชาวฟิลิปปินส์รายนี้ เคยผ่านการค้าแข้งในระดับเยาวชนกับทีมในอังกฤษ ประเทศที่เขาถือกำเนิดทั้ง พอร์ธสมัธ และ สวินดอน ทาวน์ ก่อนจะย้ายมาฟิลิปปินส์ครั้งแรกเมื่อปี 2011 กับทีม มะนิลา โนแมดส์ และมาระเบิดฟอร์มแบบสุดๆตอนที่ย้ายไป โลโยลา เมรัลโค สปาร์คส และยังมีประสบการณ์ค้าแข้งทั้งในสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยสโมสรสุดท้ายก่อนมาไทยคือปีนัง เอฟเอ

สำหรับโอกาสในเมืองไทย หัวหอกวัย 26 ปี ถูกเทพอินทรีดึงมาเสริมอาวุธในแดนหน้า และภายใต้โอกาสลงสนามกับสโมสรจากถิ่นอีสานใต้ ฮาร์ทมันน์เริ่มมีชื่อลงสนามเป็นตัวจริงในเกมที่สาม และประเดิมสกอร์แรกในไทยลีกทันที ก่อนจะเริ่มได้รับความเชื่อใจถูกส่งลงสนามนับแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งในขณะนี้เขามีสถิติยิงไปแล้ว 4 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ ถือว่าสอบผ่านสำหรับการย้ายมาเล่นที่ไทยหนแรก แม้ฟอร์มจะเด่นสวนทางกับผลงานของสโมสรที่ปัจจุบันรั้งรองบ๊วยก็ตาม

 

อ่อง ธู (เมียนมา, โปลิศ เทโร) - 10 คะแนน

กองหน้าซูเปอร์สตาร์ชาวเมียนมารายนี้ สร้างความฮือฮากับเส้นทางค้าแข้งครั้งใหม่ของตัวเองในปี 2018 หลังตัดสินใจย้ายจาก ยาดานาบอน มาร่วมทัพโปลิศ เทโร ชนิดที่มีกระแสแฟนบอลเมียนมาเข้าให้กำลังใจล้นหลาม ถึงขั้นที่สโมสรตัดสินใจทำข่าวเวอร์ชันสองภาษา รวมทั้งเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจภาษาเมียนมารองรับกระแสของอ่อง ธู และเพียงโอกาสเกมลูกหนังอาชีพครั้งแรกในไทย เจ้าตัวประเดิมสกอร์แรกของตัวเองได้ทันทีในเกมเปิดสนาม จากนั้นก็เริ่มสร้างสรรค์เกมรุกจนกลายเป็นเพลย์เมกเกอร์หลักของทีมนับตั้งแต่เกมที่ 3 จนถึงนัดที่เพิ่งจบไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งในขณะนี้ดาวเตะทีมชาติเมียนมาซัดไปแล้ว 5 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ กลายพิสูจน์ให้เห็นแล้วถึงศักยภาพในการเล่นไทยลีกแบบชนิดที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว