ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา วงการเจลีกสร้างความฮือฮาด้วยการดึง 3 นักเตะไทย ไปร่วมค้าแข้ง ไม่ว่าจะเป็นธีราทร บุญมาทัน (วิสเซิล โกเบ) , เชาว์วัฒน์ วีระชาติ (เซเรโซ โอซาก้า) และธีรศิลป์ แดงดา (ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา)ซึ่งรายสุดท้ายถือเป็นแข้งที่มีประสบการณ์มาก่อนในต่างแดน จากการไปร่วมทีมอัลมาเรีย ในลาลีกา ประเทศสเปน มาแล้ว
แน่นอนว่านอกจากการย้ายไปค้าแข้งต่างแดนในครั้งนี้เหมือนจะเป็นการพิสูจน์ตัวของมุ้ยอีกรอบ ทั้งเรื่องฝีเท้า และการต้องไปใช้ชีวิตต่างบ้านรอบสอง แต่ดูเหมือนครั้งนี้กองหน้าดีกรีทัพช้างศึกจะดูผ่อนคลายมากขึ้นทั้งสภาพแวดล้อม รวมไปถึงการสื่อสาร อย่างที่รู้กันว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่พูดภาษาตัวเองเป็นหลัก ทำให้ต้องมีตัวช่วยที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ “ล่าม” ที่จะเป็นคนสำคัญคอยส่งสารให้ถูกต้อง
ซึ่ง “แชมป์” หรือพี่แชมป์ ของมุ้ยนั้นเป็นล่ามที่เพิ่งเข้ามางานนี้หลังจากได้รับคำเชิญชวนของพี่ทิ ทิวาพล สังขพันธ์ (ล่ามของชนาธิป สรงกระสินธ์) ให้เข้ามาช่วยดูแลตรงนี้ และได้ทราบถึงความชื่นชอบฟุตบอลในตัวของเขาว่ามีมาตั้งแต่สมัยเรียน ก่อนจะได้ทำงานไปพร้อมกับสิ่งที่ตัวเองรักด้วย
วันนี้ ฟุตบอลไทรบ์ ไทยแลนด์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “แชมป์ซัง” ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในการเรียนภาษาญี่ปุ่น ชีวิตก่อนหน้านี้ ก่อนจะก้าวมาเป็นล่ามคู่ใจมุ้ย ณ ปัจจุบัน
TRIBE : เล่าหน่อยได้ไหมว่าเริ่มมาอยู่ญี่ปุ่นได้อย่างไร
CHAMP : เริ่มไปอยู่ญี่ปุ่นช่วงมหาวิทยาลัย ได้ทุนเรียนฟรี จริงๆก่อนหน้านี้เคยได้ทุนวาเซดะ เรียนภาษาญี่ปุ่น 1 ปี และตอนมหาวิทยาลัยได้ทุนเรียนเกี่ยวกับบริหารอีก 4 ปี
TRIBE : ทำไมถึงสนใจประเทศญี่ปุ่น
CHAMP : ชอบประเทศนี้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี การ์ตูน เกม และก็โปรดักส์ญี่ปุ่น ตัวหนังสือน่ารักเลยสนใจเรียน ฟุตบอลมีดูบ้าง ตอนเด็กคิดว่าเสื้อเจลีกมันสวยดี กองเชียร์ของแต่ละทีมก็เยอะด้วย
TRIBE : แล้วอย่างนี้ตอนเรียนม.ปลายเรียนสายอะไรมา ศิลป์ภาษาหรือเปล่า
CHAMP : เปล่าเลย จริงๆเรียนสายวิทย์ เราไปหาเรียนพิเศษเพิ่มเติมเป็นภาษาญี่ปุ่น ต้องบอกว่าที่อัสสัมชัญถ้าเกรดสูงเขาจะจับยัดไปสายวิทย์ เพื่อให้เราได้เอนทรานซ์ได้ง่ายขึ้น แต่จริงๆแล้วก็ไม่ชอบเท่าไหร่หรอก
TRIBE : และเริ่มสนใจฟุตบอลตั้งแต่เมื่อไหร่
CHAMP : ประมาณม.ต้น หรือประถมปลาย ประมาณนั้น ก็มีเตะกับเพื่อน มีเล่นเกมพวกวินนิ่ง มีการวางแผนให้ถล่มคู่แข่งเยอะๆ และก็ชอบเล่น Football Manager ด้วย
TRIBE : ส่วนตัวมีแอบคิดบ้างไหมว่าโตขึ้นจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
CHAMP : ก็มีแอบคิดนะ คิดอยากเป็นนักเตะตั้งแต่เด็กเลย อยากที่เห็นว่าสมัยก่อนอาชีพนักฟุตบอลมันก็ยังไม่มั่นคง ทำให้ที่บ้านไม่สนับสนุนเท่าไหร่ เขาก็ให้ตั้งใจเรียน จะได้อนาคตที่ดี
TRIBE : แล้วเริ่มดูฟุตบอลเจลีกจริงจังตั้งแต่เมื่อไร
CHAMP : มาจริงจังตอนที่เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น แบบยุค UBC (ปัจจุบันเป็นทรูวิชันส์) ช่อง NHK มันถ่ายช่องเดียว เราก็ดูบรรยากาศ ทีม สีเสื้อการเล่น มันก็ซึบซับไปเรื่อยๆ
TRIBE : ตอนแรกทำงานประจำอยู่ที่ญี่ปุ่น และทำไมถึงตัดสินใจลาออกและมาเป็นล่ามให้ย้า (สิทธิโชค ภาโส) เมื่อปีที่แล้ว
CHAMP : จริงๆออกมาก่อนหน้านี้แล้ว กลับมาทำงานที่ไทยและ เป็นแผนกมาร์เก็ตติ้ง เอาจริงๆเขาก็ประกาศหาล่ามย้ามาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วนะ แต่ไม่มีคนทำ ตอนแรกก็ลังเล เพราะเราไม่กล้าออกจากคอมฟอร์ทโซน เราเป็นพนักงานประจำ แต่พอประมาณกลางปี เราเริ่มมองอนาคตละว่า ไอ้สิ่งที่เราทำเนี่ย เราก็ไม่ได้ชอบ ให้ทำถึงเกษียณมันก็ไม่ไหว แม้ว่าเงินจะไปเยอะก็ตาม แต่ก็อยากทำสิ่งที่ชอบ
TRIBE : ก่อนที่จะมาเป็นล่ามให้ย้า ตัวเองเคยเป็นล่ามมาไหม
CHAMP : ก็มีบ้าง แต่ไม่ได้เป็นล่ามประจำ ทำบริษัทเครื่องมือการแพทย์ที่ญี่ปุ่น และเขามีโรงงานอยู่ที่ไทยด้วย เราก็จะบินมาคอยประสานงานสื่อสารให้งานมันราบรื่น