อย่างที่ทราบกันดีว่า วิถีหรือระบบการเล่น แทบมีการแตกต่างกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสโมสร หรือการเล่นให้กับทีมชาติ ซึ่งในระดับสโมสรนั้น ก็มีการขับเคี่ยวเช่นกัน ทว่าการเล่นให้ในนามทีมชาตินั้น นอกจากจะต้องมีการขับเคี่ยวกับคู่ต่อสู้ที่เจอแล้วนั้น ยังมีความคาดหวังของแฟนบอลไทยทั้งประเทศ รวมไปถึงบางครั้งมีผลต่อการจัดอันดับโลกของทีมอีกเช่นกัน
ซึ่งนักเตะแต่ละคนนั้นฟอร์มการเล่นระหว่างสโมสรและในทีมชาติอาจจะแตกต่างกันไป อย่างเล่นดีในต้นสังกัดตัวเอง แต่กับทีมชาติไม่เข้ากับระบบแท็กติกโค้ช หรือผลงานในสโมสรอาจจะไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ในทีมชาติกลับโชว์ฟอร์มได้โดดเด่น ซึ่ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ คือหนึ่งในนั้น
ย้อนกลับไปเมื่อช่วง 2-3 ปี ที่แล้ว นิวยังได้รับโอกาสในทัพช้างศึก ยุคของโค้ชซิโก้ แม้ผลงานอาจจะไม่ได้เด่นมาก แต่ก็มีชื่ออยู่เสมอ กระทั่งโชคร้ายมีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้ต้องหายไปจากสารบบทีมชาติ รวมไปถึงสโมสรอย่างกิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จนสุดท้ายในฤดูกาล 2017 เจ้าตัวย้ายไปร่วมทัพกว่างโซ้งมหาภัย
พอทีมชาติไทยก้าวสู่ยุคของกุนซือชาวเซิร์บ มิโลวาน ราเยวัช เขาได้ตัดสินใจเลือกห้องเครื่องวัย 24 ปีรายนี้เข้ามาร่วมทัพ แน่นอนว่าแฟนบอลทุกคนต้องมีแอบคิดหลังจากนิวหายไปนาน ว่าจะเข้าระบบได้ไหม
แต่แล้วนิวก็ได้พิสูจน์ตัวเอง ตั้งแต่ในเกมคิงส์คัพปีที่แล้วที่เอาชนะเกาหลีเหนือไปได้ 3-0 จนราเยวัชต้องเอ่ยปากถึงความพยายาม และการเล่นของเขา
“นิว ไม่ได้เป็นผู้เล่นที่มีแค่ศักยภาพสูง แต่เขายังเป็นผู้เล่นที่มีพลัง มุ่งมั่น และกระหายอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นคุณสมบัติที่นักฟุตบอลทุกๆคนควรมี”
“เขาทำผลงานได้ดีตั้งแต่คิงส์คัพปีที่แล้ว โดยเฉพาะเกมที่เราชนะ เกาหลีเหนือ 3-0 ถ้าใครยังจำกันได้ ฟอร์มของเขาอยู่ในระดับที่สูงมากๆ”
แม้ในช่วงหลังฟอร์มการเล่นของนิว อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางกับต้นสังกัดใหม่อย่างบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่เจ้าตัวย้ายมาแบบสร้างความฮือฮาด้วยจำนวนค่าตัวสูงถึง 40 ล้าน แต่ก็ยังรับความไว้วางใจกับราเยวัชให้เข้ามาช่วยคำรบลุยศึกคิงส์คัพอีกปี
ซึ่งระบบในการเล่นตอนรับใช้สโมสรนั้น นิวจะถูกจับวางเป็นกลางที่คอยเติมเกมริมเส้นฝั่งขวาเป็นส่วนใหญ่ หรือบางครั้งก็ถูกจับโยกไปเล่นกลางรุก เพราะบีจีมีกลางรับอยู่แล้วนั่นคือ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ แต่กลับในนามทีมชาตินั้น นิวถูกยืนเป็นกลางรับคู่กับจักรพันธ์ แก้วพรม คอยตัดเกมคู่แข่งชนิดคู่แข่งแทบจะเอาบอลผ่านเจ้าตัวยากพอสมควร และบางครั้งก็ยังลงไปช่วยแผงกองหลังของทัพช้างศึกอีกด้วย
อย่างในเกมนัดแรกที่พบกับกาบอง นิวได้มีโอกาสขึ้นไปจบสกอร์จากการยิงไกล รวมไปถึงการจ่ายทะลุช่องให้เพื่อนได้จบสกอร์ หรือจะเป็นในเกมที่แพ้กับสโลวาเกีย จากการเข้าไปเข้าบอลแรงเพื่อตัดเกมรุกของคู่แข่งจนหวิดที่จะมีเรื่อง เรียกว่าวิ่งสู้ฟัดได้ใจทั้งทีมงานสตาฟฟ์โค้ช รวมไปถึงแฟนบอล
จากผลงานดังกล่าวทำให้หลายสงสัยว่าหรือราเยวัช จะมีคู่มือใช้ฐิติพันธ์จริงๆ สุดท้ายโค้ชก็ได้เฉลยว่า นอกจากเรื่องแทคติกแล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้นิวทำผลงานได้ดี นั่นคือความเชื่อมั่นในตัวเขาที่ราเยวัชมอบให้นั้นเอง
“จริงๆผมไม่ได้บอกอะไรกับเขาเป็นพิเศษ ผมแค่มอบความเชื่อมั่นให้เขา เน้นย้ำเขาว่า ให้รับผิดชอบพื้นที่และหน้าที่ของตัวเอง ถ้าใครดูเกมเมื่อวาน คงเห็นแล้วว่า นิว ทำหน้าที่ได้ดีมาก ทั้งครึ่งแรกและ ครึ่งหลัง เขาวิ่งช่วยทีมแบบลืมตาย”
จากความไว้ใจของโค้ชนั่นอง ทำให้นิวสามารถทำผลงานให้กับทีมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเกมรุกและเกมรับ ถ้าย้อนไปสมัยก่อนเสียประตูเร็วตั้งแต่ต้นเกม ก็แทบจะกลับมาไม่ได้เลย แถมจะโดนเพิ่มด้วยซ้ำ แต่นิวก็ยังช่วยตัดบอลหลายจังหวะ ทำให้ทีมกลับมาได้คืน 2 ประตู แม้บางจังหวะจะมีเรื่องอารมณ์เข้ามาด้วย แต่มันก็เป็นไปตามเกม
จริงๆแล้วก็แอบเสียดายที่ไม่สามารถป้องกันแชมป์คิงส์คัพได้ แต่จากการเจอทีมที่สูงกว่า 100 อันดับอย่างสโลวาเกีย และผลสกอร์ที่ออกมานั้น ถือว่าไม่เป็นรองเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังได้ใจแฟนบอลที่เข้ามาชมถึง 45425 คน ในนัดชิงชนะเลิศที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน และแฟนบอลชาวไทยทุกคน
ซึ่งหลังจากนี้ นิวก็คงต้องไปพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งกับต้นสังกัดว่าจะทำผลงานได้ดี และรักษาฟอร์มต่อเนื่องเหมือนกับที่เล่นให้ทีมชาติหรือไม่
“ผมพูดได้เลยว่า ถ้าเขาเล่นได้แบบนี้ทุกเกม เช่นเดียวกับเกมกับ สโลวาเกีย เขาไปเล่นที่ไหนในยุโรปก็ได้” ราเยวัช พูดปิดท้าย