เหลือเวลาอีกไม่ถึง 48 ชั่วโมง การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ก็จะระเบิดศึกขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยทีมชาติไทย ที่มีดีกรีเป็นแชมป์เก่า จะประเดิมสนามพบกับ กาบอง ทีมแกร่งจากทวีปแอฟริกาใต้ ที่นำโดย ปิแอร์ เอริค โอบาเมยอง กองหน้าค่าตัวแพงจาก อาร์เซน่อล และ สโลวาเกีย ที่มี มาร์ติน สเคอร์เทล อดีตปราการหลัง หงส์แดง ลิเวอร์พูล ลงสนามพบกับ ยูเออี ทีมแกร่งในทวีปเอเชียจากตะวันออกกลาง และนี่คือ 5 สิ่งที่แฟนบอลจะได้เห็นในการแข่งขันครั้งนี้
กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
นักเตะระดับโลก
ที่ผ่านมาในศึกคิงส์คัพเป็นเวลาที่มีนักเตะระดับโลกมาโชว์ฝีเท้าแล้วมากมาย อาทิ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล อดีตนายทวารทีมชาตเดนมาร์ก และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, โรนัลดินโญ่ เพลยเมกเกอร์ชื่อกระฉ่อนทีมชาติบราซิล หรือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าคนปัจจุบันของ บาเยิร์น มิวนิค และในฟุตบอลคิงส์คัพครั้งที่ 46 นี้มีทีมระดับโลกตบเท้ามาร่วมทัพ 3 ทีมและต่างสนสตาร์ดังมาเยือนเมืองไทย โดย กาบอง มี มาริโอ เลอมินา กองกลางจากเซาแธมป์ตัน และ ดิดิเย่ร์ เอ็นด็อง ดาวเตะดีกรีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ จากวัตฟอร์ตอีกคน แต่โชคร้ายที่ ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง กองหน้าจากอาร์ซน่อล สูญเสียคุณยายก่อนเดินทางมาไทยไม่กี่ชั่วโมงทำให้ยกเลิกการเดินทางมาร่วมทัพในรายการนี้ ในส่วนของ สโลวาเกีย น่าเสียดายที่ มาเร็ค ฮัมซิก จอมทัพทรงผมขัดใจแม่จากนาโปลี จะไม่ได้มาโชว์ฝีเท้าเพราะบาดเจ็บจากการช่วยต้นสังกัด แต่ก็ยังมี มาร์ติน สเคอร์เทล อดีตปราการหลัง ลิเวอร์พูล ที่ตอนนี้เล่นให้ เฟเนร์บาห์เช และเคยผ่านเวทีฟุตบอลโลก 2014 นำทัพมา รวมไปถึง มิลาน สคริเนียร์ จาก อินเตอร์ มิลาน ในส่วนของยูเออี แม้ว่าจะไม่มี อาลี มับคูต และ อุมัร อับดุลเราะห์มาน สองสตาร์ดัง แต่ก็ยังนำทัพมาด้วย อาเหม็ด คาลิล กองหน้าตัวเก่งของทีม
โอกาสขยับอันดับฟีฟ่า
ในการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพในครั้งนี้ นอกจากแต่ละทีมจะได้ประสบการณ์ในการแข่งขันแล้ว ยังมีผลโดยตรงต่ออันดับโลกอีกด้วยเมื่อ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ส่งหนังสือยืนยันสถานะฟุตบอลถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 46 ซึ่งจะทำการแข่งขันในวันที่ 22 และ 25 มีนาคม 2561 ให้เป็นรายการแข่งขันกระชับมิตรระดับ A ซึ่งจะทำให้ผลการแข่งขันถูกคิดเป็นคะแนนบนอันดับโลกของฟีฟ่า โดยแต่ละชาติที่เข้ามาร่วมทีมในครั้งนี้ เป็นตัวแทนจาก 3 ทวีปอันประกอบด้วย สโลวาเกีย ทีมอันดับ 28 ของโลกจากยุโรป, กาบอง ทีมอันดับ 95 ของโลกจากแอฟริกา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทีมอันดับ 78 ของโลกจากเอเชีย และ ทีมชาติไทย เจ้าภาพและแชมป์เก่า ทีมอันดับ 129 ของโลก ซึ่งหากว่าทีมช้างศึกทำผลงานได้ดีกับทุกทีมที่อันดับโลกเหนือกว่าการประกาศผลครั้งหน้าทีมชาติไทยจะได้ขยับอันดับโลกของตัวเองขึ้นไปอีกหลายอันดับแน่นอน
การพัฒนาของนักเตะที่ไปเล่นต่างแดน
ในฤดูกาลนี้ทีมชาติไทยมีนักเตะที่เดินทางออกไปค้าแข้งต่างแดนมากถึง 4 คนด้วยกัน โดยมี 3 คนที่เล่นในเจลีกได้แก่ ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ รวมไปถึง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่เล่นในเบลเยียมกับ โอเอช ลูเวิน ที่ตอนแรกมีข่าวว่าต้นสังกัดอาจจะไม่ได้ปล่อยตัวมาแต่สุดท้ายก็กลับมาร่วมทีมได้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสี่คนที่เป็นแกนหลักของทีมได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากที่แยกย้ายกันไปเล่นนในต่างแดน น่าสนใจว่าพวกเขาแต่ละคนจะนำเอาสิ่งที่ได้จากต่างแดนมาใช้ในแคมป์ทีมชาติมากแค่ไหน และฝีเท้าของพวกเขาจะพัฒนาไปแค่ไหน เมื่อได้ไปเล่นในลีกที่ล้วนแต่แข็งแกร่ง มีมาตรฐานที่ดีกว่าไทยลีก ทั้งเพื่อนร่วมทีม และคู่แข่งที่จะต้องลงสนามไปดวลแข้งในทุกๆสัปดาห์
BNK48
นอกจากกระแสหลักในการแข่งขันฟุตบอลคือการเชียร์ทีมชาติไทยในครั้งนี้แล้ว ทีมช้างศึกยังได้ร่วมมือผนึกกำลังกับวงเกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังมาแรงในตอนนี้อย่าง BNK48 ที่จะร่วมมาเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะคอยสนับสนุนทีมชาติไทย และได้มีการโปรโมทออกไปแล้วหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะการจำหน่าย Boxset ที่มีเสื้อเชียร์เชียร์ทีมชาติไทยพร้อมกับ อาร์ม BNK48 แบบลิมิเตดอิดิชั่นออกมาจำหน่าย ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี รวมไปถึงสื่อโฆษณาอื่นๆที่สร้างความคึกคักและมิติใหม่ๆของฟุตบอลไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหม่ในไทย แต่ว่าในประเทศญี่ปุ่นที่มีวง AKB48 ที่เป็นรุ่นพี่ของวง BNK48 ในไทย ก็เคยผนึกกำลังเชียร์ทีมชาติญี่ปุ่นในฟุตบอลโลกมาแล้ว นอกจากนี้แล้วในวันที่ 22 มีนาคม เหล่าสาวๆ BNK48 จะทำการแสดงที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยมีไฮไลท์คือเพลงใหม่อย่าง Shonichi ที่จะทำการแสดงเป็นครั้งแรก
การป้องกันแชมป์ของทีมชาติไทย
สำหรับรายการนี้นอกจากจะเป็นถ้วยที่เก่าแก่ของลูกหนังไทยแล้ว ยังเป็นถ้วยของพระมหากษัตริย์จึงถือว่าเป็นรายการที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทย และแน่นอนว่าในทุกๆครั้งที่จัดการแข่งขันแฟนบอลไทยต้องการเห็นถ้วยอันทรงเกียรติใบนี้อยู่ในประเทศไทยต่อไปกับทีมชาติไทย ซึ่งในการแข่งขันสองครั้งที่ผ่านมา ทีมช้างศึกได้มอบความสุขสมหวังให้กับแฟนๆ เมื่อสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ 2 สมัยติดต่อกันทำให้ตอนนี้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพไปแล้ว 15 สมัย และแน่นอนว่าแม้ในครั้งนี้ทีมที่ร่วมลงโม่แข้งกับทีมชาติไทยล้วนแต่เป็นทีมที่มีดีกรีไม่ธรรมดาและอันดับโลกสูงกว่าทีมชาติไทย แต่แฟนบอลไทย ก็ยังคงต้องการให้ ถ้วยแชมป์อยู่กับทีมชาติไทยต่อไปเช่นเคย เพราะฉะนั้นเป้าหมายของ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบียทีมพาทีมเป็นแชมป์รายการนี้ให้ได้เท่านั้น