ศึกเจลีก 1 ฤดูกาล 2018 ถือว่าเป็นฤดูกาลที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนบอลไทยด้วย เพราะสามแข้งดังชาวไทยย้ายไปค้าแข้ง โดยหลังจากที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไปคอยท่าอยู่ก่อนแล้วกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร จากนั้น ธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน ก็ตามไปติดๆ แค่สัปดาห์แรกผลงานของนักเตะไทยทั้งสามคนก็น่าสนใจแล้ว ซึ่งพวกเขาลงประเดิมสนามเรียบร้อยแล้วในเกมแรก และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจหลังเกมนี้
กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
ชนาธิป อาจจะต้องเจอช่วงที่ยากลำบาก
ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนหลายสำนักเคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการย้ายทีมของนักเตะไทยที่ไปเล่นในเจลีกในฤดูกาลนี้ทั้ง สามคนว่า ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มีประสบการณ์กับฟุตบอลญี่ปุ่นมาบ้างแล้วในฤดูกาลที่ผ่านมาจะสามารถปรับตัวในฤดูกาลใหม่ได้ แต่ว่า คอนซาโดเล ซัปโปโร มีการเปลี่ยนแปลงกุนซือโดยให้ มิไฮโล เปโตรวิช เข้ามาทำหน้าที่แทน ชูเฮ โยโมดะ กุนซือคนเก่าที่ขยับไปเป็นผู้ช่วยแทน ซึ่งทั้งสองคนมีรูปบแบบการทำทีมที่แตกต่างกัน ทำให้เราได้เห็นว่าเกมนี้ เมสซี่เจ ยังมีความไม่ลงตัวในเรื่องของแท็คติกเหมือนว่าจะต้องปรับตัวใหม่อีกครั้งในระบบการเล่นใหม่ๆ จนเหมือนกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ประตูที่รอคอย
แน่นอนว่าจุดประสงค์ของการเล่นฟุตบอลคือการทำประตูเพื่อให้ทีมคว้าชัยได้ ในฤดูกาลที่แล้วเชื่อว่าแฟนบอลไม่น้อยเฝ้ารอประตูแรกของนักเตะไทยในเจลีก โดยมี ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นตัวความหวัง แต่ด้วยตำแหน่งที่ไม่ใช่จอมถล่มประตู ทำให้ในฤดูกาลที่ผ่านมาเขาทำได้ 1 แอสซิสต์ และเกมวันศุกร์ ธีราทร บุญมาทัน ก็เกือบที่จะเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ทำประตูในลีกสูงสุดของญี่ปุ่นได้ แต่ลูกฟรีคิกถูกปฏิเสธ โดยผู้รักษาประตูของ ซากัน โทสุ แต่ในเกมแรกของเจลีกของกองหน้าเบอร์หนึ่งทีมชาติไทยอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ที่ลงประเดิมสนามเกมแรกให้กับ ซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า ใช้เวลาราวๆ 29 นาทีเท่านั้นในการ สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนไทยคนแรกที่ยิงในเจลีก 1 ได้ ถือว่าเป็นการปลดล็อคประตูที่แฟนบอลชาวไทยอยากจะเห็นได้อย่างรวดเร็วเกินคาด
เกิดการเปรียบเทียบ
ก่อนหน้านี้ในเจลีก มีเพียงแค่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพียงแค่คนเดียวที่แบกศักดิ์ศรีของแข้งไทยไปลุยที่ญี่ปุ่น แต่ว่าในปีนี้ เขามีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นอีก 2 คนแม้ว่าจะต่างสโมสร แต่ว่าก็มีเป้าหมายเดียวกันคือการทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อศักดิ์ศรีของฟุตบอลไทย แต่เหนืออื่นใด ทั้งสามคนยังจะต้องแข่งขันกันเองในการทำผลงานในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไปเพราะว่าต่อไปนี้เจอเกิดการแข่งขันและเปรียบเทียบกันมากขึ้นในแต่ละสัปดาห์ในผลงานของแต่ละคนทำให้ทั้งหมดจะต้องยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองมากขึ้น นอกจากการแย่งชิงตำแหน่งในทีม
รุกคืบการตลาด
การเปิดโควตาเสรีให้กับนักเตะจากชาติพันธมิตรของเจลีก ดูจะเป็นโมเดลการตลาดที่ไปได้สวย อย่างน้อยก็ในประเทศไทยตอนนี้ที่เชื่อว่าแฟนบอลไม่น้อย เริ่มหันมาติดตามและสนใจฟุตบอลญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้แต่ละสโมสรได้โอกาสขยายฐานแฟนคลับเพื่อโอกาสในการขายสปอนเซอร์เพิ่มขึ้น ซึ่งเจลีกได้แสดงให้เห็นถึงการทำการตลาดที่รุกคืบมาอย่างที่แฟนบอลไทยไม่รู้ตัว ทั้งการจัดทำเพจออฟฟิเชี่ยลภาษาไทยของตัวเจลีกเอง และทางสโมสร รวมไปถึงการทำคอนเทนท์ไลฟ์สดสัมภาษณ์นักเตะหลังจบเกม การแจกธงชาติไทยที่สนามแข่งขัน หรือการจัดกิจกรรมฉายเกมเจลีกขึ้นจอยักษ์ใจกลางกรุงเทพที่ลานสยามสแควร์วันและได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนบอล ซึ่งเราน่าจะเห็นกิจกรรมลักษณะเช่นนี้อีกเรื่อยๆในอนาคตซึ่งไทยลีกของเราสามารถที่จะศึกษาแนวทางและนำมาปรับปรุงรูปแบบเป็นของตัวเองได้ในอนาคต
นักเตะไทยไม่ใช่แค่เครื่องมือทางการตลาด
ก่อนหน้านี้ที่ คอนซาโดเล ซัปโปโร ตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัว ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไปร่วมทีม มีหลายคนคิดว่าเป็นเพียงนโยบายทางการตลาดเท่านั้น แต่ว่าในซีซั่นที่ผ่านมาแม้จะมีเวลาแค่ครึ่งฤดูกาลในการพิสูจน์ให้เห็นถึงฝีเท้าของเขาว่าดีพอที่จะเล่นในเจลีกได้ และในฤดูกาลนี้ เกมแรกของ ธีราทร บุญมาทัน แม้จะลงสนามเป็นตัวสำรองเท่านั้น แต่ว่าก็เกือบที่จะทำประตูได้ และสามารถปรับตัวในการเล่นในเจลีกได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงธีรศิลป์ แดงดา ที่จัดการพังประตูแรกของตัวเองในเจลีกได้เรียบร้อย รวมกับจังหวะประสานงานสวยๆกับเพื่อนร่วมทีมเกือบตลอดทั้งเกมที่เขาอยู่ในสนามซึ่งน่าจะเห็นแล้วว่าอย่างน้อยยนักเตะจากแผ่นดินสยามทั้งสองคนไม่ใช่แค่เครื่องมือทางการตลาดของเจลีกแน่นอน