เอเชีย TRB FEATURE

TRIBE COMICS : 10 สุดยอดการ์ตูนลูกหนัง

การ์ตูนฟุตบอลถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆสำหรับความฝันของนักฟุตบอลทั้งยุคอดีตและปัจจุบันที่มีความฝันจะก้าวขึ้นมาบนเส้นทางลูกหนังอาชีพ ซึ่งหลายคนให้ความสนใจเกี่ยวกับการ์ตูนลูกหนังนี้อย่างแพร่หลายและประสบความสำเร็จสมใจอยาก และนี่คือ 10 สุดยอดการ์ตูนฟุตบอลที่เราเชื่อว่าเหล่าแฟนบอลหลายคนเคยติดตามมาก่อนไม่มากก็น้อย

กด Next เพื่ออ่าน

1. ORANGE ออเรนจ์ นักเตะพันธุ์เลือดสีส้ม

“ORANGE ออเรนจ์ นักเตะพันธุ์เลือดสีส้ม” ว่าด้วยเรื่องของนันโยะ ออเรนจ์ ทีมเล็กๆของเมืองนันโยะ จังหวัดเอฮิเมะ ซึ่งอยู่ในลีกระดับ 2 ของญี่ปุ่น ที่กำลังประสบกับวิกฤตล้มละลาย อีกทั้งประธานสโมสรก็ดันเสียชีวิต จนถูกผู้ว่าการของเมืองขู่จะยุบทีมหากไม่ได้เลื่อนชั้น ซึ่งแนวทางและภารกิจทั้งหมดตกมาอยู่ที่ บงโนะ มิกะ สาวน้อยวัย 16 ปีหลานสาวประธานคนก่อนต้องเข้ามากอบกู้ถึงขั้นยอมออกจากโรงเรียนมัธยมปลายเพื่อเข้ามาดูแลทีม

โดยประธานสโมสรวัยมัธยมและนักเตะในทีม รวมพลังกันพานันโยะ ออเรนจ์เลื่อนชั้นดั่งที่หวัง ท่ามกลางการดำเนินเรื่องที่แฝงไปทั้งเรื่องการจัดการสโมสรและการแข่งขัน ซึ่งภายใต้ความยอดนิยมของออเรนจ์ ทำให้การ์ตูนเล่มนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เอฮิเมะ เอฟซี ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้สีส้มเป็นสีประจำสโมสรเหมือนกับทีมเมื่อปี 2006 อีกทั้งอาจารย์ ทัตสึกิ โนดะ ผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ยังได้รับเกียรติให้ออกแบบมาสค็อตประจำสโมสร และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยการ์ตูนมีความยาวทั้งหมด 13 เล่ม

2. VIVA! CALCIO

สึคาสะ ไอฮารา ผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่ คาซูโยชิ มิอุระ หรือ “คิงคาซู” อดีตนักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น ได้ไปค้าแข้งกับทีม เจนัว ในลีกกัลโช เซเรีย อา โดยเป็นเรื่องราวของ “โย ชิอินะ” หรือ ชีน่า นักเตะชาวญี่ปุ่นที่มีโอกาสไปค้าแข้งกับ ฟิออเรนตินา ที่มีสตาร์ชื่อก้องโลกอย่าง กาเบรียล บาติสตูต้า, รุย คอสต้า รวมทั้งสเตฟาน เอฟเฟนแบร์ก ภายใต้สีเสื้อม่วงมหากาฬ ซีน่า ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของลีก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการพาทีมต่อกรกับทีมในฝันอย่างเอซี มิลาน ได้อย่างสูสี

สำหรับ VIVA! CALCIO มีความยาว 20 เล่มจบ โดยรวมนั้นก็เป็นการ์ตูนฟุตบอลที่อ่านได้เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าความสามารถของหนุ่มชีน่านั้นจะเก่งมากกว่าแข้งแถวหน้าในยุคนั้น ที่ลีกสูงสุดของอิตาลีได้รับยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก

3. WHISTLE! ไอ้หนูแข้งทอง

เรื่องราวของ คาซามัตซึริ โช นักฟุตบอลจากโรงเรียนมุซาชิโนะโมริ ที่มีชื่อเสียงด้านฟุตบอล และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ตัวโช ที่มีรูปร่างเล็ก ทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสเป็นนักกีฬาตัวจริง จนต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนซากุระโจซุย ที่มีชื่อเสียงและความนิยมในเกมลูกหนังน้อยกว่าแทน เพื่อโอกาสเป็นนักฟุตบอลตัวจริง

ภายใต้รูปร่างเล็ก เขากลับมีความพยายามตั้งใจสูง ด้วยความพยายามของเขา ทำให้เขายกระดับไปเป็นนักฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้าของทีมโรงเรียนได้สำเร็จ ซึ่งจากการฝ่าอุปสรรคและความเพียรพยายามหลายอย่างของตัวเขา ทำให้สิ่งที่กลายเป็นจุดขายของตัวการ์ตูนที่มีความยาวทั้งสิ้น 39 เล่ม จนครองใจแฟนการ์ตูนที่อธิบายเรื่องราวทั้งในและนอกสนามได้เป็นอย่างดี

4. ยิงประตูสู่ฝัน

จากความยาวทั้งหมด 34 เล่ม “SHOOT” หรือชื่อไทย “ยิงประตูสู่ฝัน” เล่าถึงชีวิตของเด็กผู้ชายที่ชื่อ ทาคาสุงิ คาซึยะ เด็กชายที่ชื่นชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ และใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้ลงแข่งในสนามหลักของประเทศร่วมกับ ทาคาสุงิ คังอิจิ ผู้เป็นพ่อ แต่อยู่มาวันหนึ่งพ่อดันมาเสีบชีวิตหลังเข้าช่วยเหลือเด็กชายคนหนึ่งจนถูกรถชนเสียชีวิตในขณะที่มีอายุเพียง 10 ขวบ ทำให้ความคิดเรื่องฟุตบอลของเขาหายไปชั่วขณะหนึ่ง กระทั่งมีเหตุดลใจบางอย่างพาให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนพาเขาก้าวมาเป็นฟุตบอลอาชีพได้สำเร็จ และก้าวไปไกลถึงการติดทีมชาติญี่ปุ่น

5. SHOOT! เอ้า ชู้ต!

การ์ตูนลูกหนังที่แฝงไปด้วยความตั้งใจ ทะเยอทะยาน และเรื่องดรามาสุขปนเศร้าของนักเขียนเพศหญิงนามว่า สึคาสะ โอชิมา โดยตลอดความยาว 33 เล่ม ว่าด้วยเรื่องของทีมโรงเรียนสองโรงเรียนสองภาค สำหรับภาคแรกนั้นก็เป็นเรื่องราวของการสร้างตำนานของทีม คาเคงาวะ หลังจากการตายของนักฟุตบอลตัวหลักของทีมอย่าง โยชิฮารุ คุโบ ก็ทำให้นักฟุตบอลรุ่นน้องในทีม นำโดยโทชิฮิโกะ ทานากะ รวมถึงคนอื่นๆต่างทุ่มเทเต็มทีในการแข่งขัน จนประสบความสำเร็จในระดับประเทศทำให้หลายต่อหลายคนต่างพากันพูดถึง นำมาสู่ในการสร้างตำนานบทที่สอง

ตอนสองพูดถึงทีมโรงเรียนที่ไม่ได้ดีเด่นเรื่องฟุตบอลเลยอย่าง คุริฮามะ ทว่านักฟุตบอลของทีมที่เปี่ยมไปด้วยพรแสวงกลับพาทีมให้ได้รับชัยชนะในการลงแข่งขันในระดับประเทศ จนในที่สุดพวกเขาก็ได้เจอกับทีมตำนานในบทแรก อย่าง คาเคงาวะ ถึงแม้ว่าเกมนัดชิงจะเป็น คาเคงาวะ จะได้รับชัยชนะ แต่ คุริฮามะก็สามารถเอาชนะใจคนดูไปตามๆกัน

6. Power Strikers เตะระเบิดไม่ต้องเปิดตำรา

มาถึงการ์ตูนฟุตบอลสัญชาติไทยของเอกราช บรรดาศักดิ์ ที่มีความยาว 23 เล่ม ว่าด้วยเรื่องราวของของนักฟุตบอลทนง และผองเพื่อนจาก “ทุ่งหิน” ทีมโรงเรียนประถมในระดับท้องถิ่น ที่เตะฟุตบอลโดยใช้เท้าเปล่าและมีความฝันว่าจะได้เล่นทีมชาติ ผ่านการเล่าเรื่องความเป็นทีมท้องถิ่นที่ปรากฎให้เห็นอยู่ทั่วทุกภาคในประเทศ

7. J DREAM ทะยานสู่ฝัน

เนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้ โดยผู้เขียน นัตสึโกะ เฮอุชิ ว่าด้วยเรื่องราวของ “อาคาโบชิ ทากะ” กองกลางวัย 16 ปี เจ้าของหมายเลข “0” ผู้ปรากฏตัวพร้อมกับความหวังของชาวญี่ปุ่นในการไปเล่นฟุตบอลโลกสุดท้าย

เจดรีมแบ่งออกเป็น 3 ภาค แบ่งเป็นภาคแรก “ฝันสู่ระดับชาติ” ปฐมบทของการ์ตูนเรื่องนี้ ว่าด้วยเรื่องราวการก่อตั้งลีกอาชีพได้เป็นครั้งแรก(เจลีกก่อตั้งในปี 1993) ความนิยมของฟุตบอลญี่ปุ่นที่พุ่งพรวดจนน่าตกใจ และญี่ปุ่นภายใต้การนำทีมของทากะที่ “เกือบ” จะได้ไปโชว์ตัวในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ภาคต่อมาคือ “ทะยานสู่ฝัน” เป็นเรื่องราวของทีมชาติญี่ปุ่นในฟุตบอลเยาวชนโลก ที่ดึงทากะลงมาช่วยทีมและคว้าแชมป์เยาวชนโลกไปครองได้สำเร็จ ส่วนภาคสามเป็นเรื่อง “เมื่อฝันถึงจุดหมาย” เล่าถึงฟุตบอลญี่ปุ่นซึ่งพัฒนามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งลีกอาชีพได้กลับมาเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกอีกครั้ง และท้ายสุดก็ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1998

8. Giant Killing ทีมไหนไม่ว่า ข้าต้องชนะ

การ์ตูนที่ว่าด้วยเรื่องราวของการวางกลยุทธแท็คติค แผนการเล่น ผ่านตัวละคร “ทาเคชิ ทัตสึมิ” อดีตนักฟุตบอลชื่อดังที่กลับมาคุม อีสต์ โตเกียว ยูไนเต็ด ทีมเก่าที่เขาเคยค้าแข้ง ซึ่งปัจจุบันเป็นสโมสรเล็กๆ และสามารถต่อกรกับเหล่าทีมยักษ์ใหญ่ในลีกได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

ด้วยความดังของเรื่องนี้ จึงทำให้สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ตัดสินใจเลือก ทาเคชิ ทัตซึมิ ตัวเอกของการ์ตูนฟุตบอลเรื่องนี้ มาเป็นโปสเตอร์การแข่งขันฟุตบอลถ้วยจักรพรรดิญี่ปุ่น Emperor Cup ครั้งที่ 95 มาแล้วโดยโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์การแข่งขัน เป็นรูปของ ทัตสึมิ ยืนถือลูกฟุตบอลที่มีสัญลักษณ์ของถ้วยจักรพรรดิ พร้อม มีคำบรรยายว่า "ปลุกความเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ (Giant Killing) ในตัวพวกนายออกมา" ซึ่งเป็นหนึ่งในประโยคเด็ดของ 'โค้ชทัตสึมิ' ตามท้องเรื่อง

9. อิตโต้ นักเตะเลือดกังฟู

ผลงานของโมโตคิ มอนมะ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1986 แบ่งออกเป็น 2 ภาค เรื่องราวเริ่มต้นจากตัวพ่อและอิตโต้ ได้เดินทางกลับมายังประเทศญี่ปุ่นในรอบ 5 ปี ซึ่งช่วงที่พ่อของเขากำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ในสนามบิน อิตโต้ดัพลัดหลงกับพ่อ และไปมีเรื่องกับเด็กเจ้าถิ่นเข้า จากนั้นพ่อได้พาเขาไปเรียนโรงเรียนมัธยมต้นเซงะ ซึ่งก็ดันไปเจออริเก่าที่สนามบินอย่าง ยูระ คาซูมา เกิดเรื่องชกต่อยกัยอีกครั้ง ก่อนที่ตัวเขาจะวิ่งหนีมายังสนามฟุตบอลที่กำลังมีคนแข่งกันอยู่ และตัวเขาได้สร้างความตะลึงผ่านวิชากังฟูบวกกับทักษะที่มี ทำเอาคนอึ้งในฝีเท้ากันทั้งสนาม

จากนั้นอิตโต้ได้เข้ามาเป็นนักบอลทีมโรงเรียนเซงะ ประสบความสำเร็จในการชิงแชมป์ระดับประเทศในระดับม.ต้น ก่อนจะย้ายโรงเรียนช่วงมัธยมปลาย และโชคชะตาพาให้มาเจอกับเซงะในนัดชิงระดับประเทศ โดยตลอดทั้งเรื่องมักจะแฝงมุขตลก เล่าด้วยความสนุกไปพร้อมกับการเสริมสร้างจินตนาการอยู่ตลอด

10. กัปตันซึบาสะ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือการ์ตูนชื่อดังระดับโลกที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งและแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านมีความคิดเดินบนเส้นทางลูกหนัง นำมาสู่การเป็นนักเตะชื่อดังทั้งในอดีตและปัจจุบัน เกิดกระแสฮือฮาครั้งใหญ่ให้กับวงการฟุตบอลญี่ปุ่น

โยอิจิ ทาคาฮาชิ ผู้เขียนกัปตันซึบาสะแบ่งพาร์ทออกเป็น 4 พาร์ท จำนวน 73 เล่ม โอโซระ ซึบาสะ เด็กหนุ่มจากโรงเรียนประถมนันคัตสึ กับความคิดติดตัวว่า "ฟุตบอลคือเพื่อน" โดยซึบาสะ นั้นได้เรียนรู้เทคนิคฟุตบอลจาก โรแบร์โต้ ฮอนโก้ อดีตนักเตะหมายเลข 10 ของทีมชาติบราซิล ซึ่งเจ้าตัวมีความฝันไว้ว่าวันหนึ่งจะพาทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์โลก นอกจากนี้ กัปตันซึบาสะก็ยังมีตัวละครรองชื่อดังครองใจผู้อ่านไม่แพ้ตัวเอก อย่างเช่น มิซากิ ทาโร คู่หูของซึบาสะ, เฮียวงะ โคจิโร แข้งเลือดร้อนประจำทีมชาติญี่ปุ่น, วากาบายาชิ เกนโซ โคตรนายประตูเลือดซามูไร หรือแม้แต่นักบอลชาวไทยรายเดียวของเรื่องอย่าง บุนนาค สิงห์ประเสริฐ

และยังมีภาคต่อออกมาหลายๆภาค อาทิ ลุยศึกฟุตบอลเยาวชนโลก , ไปค้าเข้งในยุโรป ฯลฯ กลายเป็นใบเบิกทางและแรงบันดาลใจสำคัญแก่เยาวชนญี่ปุ่นและชาติอื่นๆ ที่ต่างหวังเดินตามฝันตามตัวละคร เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คงหนีไม่พ้นความพยายามของเหล่านักเตะญี่ปุ่นที่พาชาติไปลุยฟุตบอลโลก รวมถึงมีนักเตะหลายคนมีโอกาสไปค้าแข้งในต่างแดน นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศมาจนปัจจุบัน