ฟุตบอลไทย ไทยลีก

TRIBE LIST : 10 เรื่องน่าจับตาไทยลีก 2018

นับถอยหลังอีกเพียงแค่ 8 วัน ศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2018 ก็จะเริ่มประเดิมฟาดแข้ง ซึ่งในปีนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทัพ ระบบจัดการแข่งขัน หรือน้องใหม่ที่เลื่อนขึ้นมาเล่นในปีนี้ และนี่คือ 10 เรื่องน่าจับตามองในไทยลีกปีนี้

กด NEXT เพื่อติดตาม

อาเซียนคึกคัก
หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ตัดสินใจเพิ่มโควตานักเตะอาเซียนเข้ามาอีกนึ่งโควตา เพื่อเป็นการยกระดับวงการลูกหนังอาเซียนให้บูมมากขึ้น

และก็เห็นได้ชัดจากการที่อ่อง ทู และ จอ โค โค สองแข้งทีมชาติเมียนมาที่โปลิส เทโร เอฟซี และสิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ดึงเข้ามาร่วมทัพในโควตานี้ นอกจากจะสร้างความฮือฮากับแฟนบอลไทยเองแล้วนั้นแฟนบอลที่เมียนมาก็ให้ความสนใจมากไม่แพ้กัน จนมีการตั้งแฟนเพจให้แฟนบอลหม่องได้ติดตามข่าวสารนักเตะโดยเฉพาะ

แถมในส่วนของอ่อง ทู นั้น แม้จะยังไม่เปิดลีก แต่ก็สามารถระเบิดฟอร์มกับต้นสังกัดใหม่อย่างดีเยี่ยมในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น และน่าจะแย่งตำแหน่งตัวจริงกับเทโรได้ไม่ยาก

ตกชั้น 5 ทีม

หลังจากปี 2016-2017 ได้มีโปรแกรมการแข่งขันที่ค่อนข้างแน่น เนื่องจากต้องหลีกให้ทัพช้างศึก เตรียมตัวทำการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย แถมนักเตะทีมชาติไทยบางคนที่เสร็จสิ้นภารกิจต้องทำหน้าที่หลักกับสโมสรต่อ ทำให้บางคนเกิดอาการล้า และมีอาการบาดเจ็บจนกระทบไปทั้งสองฝ่าย และยังมีการแข่งขันบอลถ้วยอีกสองรายการในประเทศอีก

สุดท้ายได้มีมติจากฝ่ายจัดการแข่งขันว่าจะมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันในฤดูกาล 2019 แค่ 16 ทีม เท่ากับว่าในปีนี้จะมีทีมที่ตกชั้นถึง 5 ทีมด้วยกัน แม้จะมีบางทีมไม่พอใจส่งหนังสือแย้งเข้ามา ทว่าในเรื่องนี้ได้มีการหารือไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2017 ก่อนจะมีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ สุดท้ายทุกทีมก็ต้องเตรียมตัวแข่งขันกันดุเดือด เพื่อแย่งชิงพื้นที่ในการเล่นบนลีกสูงสุดในฤดูกาลต่อไปให้ได้

ระบบตัดสินแบบ VAR

ก่อนหน้านี้ในระบบ VAR ได้นำมาใช้ในเกมออมสิน ไทยแลนด์ แชมเปียนส์ คัพ ที่สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และก็เกิดประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด จากการที่เปาโค้ช ศิวกร ภุดม ขอใช้ระบบดังกล่าวในจังหวะฟาวล์ของดิโอโก้ ซานโต ก่อนจะมีการตัดสินโดยให้ใบแดงไปในเกมนั้น

ซึ่งถ้ามีการใช้แบบจริงจังในวงการฟุตบอลไทยนั้น อาจจะต้องมีการอธิบายวิธีการใช้อย่างละเอียดให้กับสโมสรและแฟนบอลได้เข้าใจอีกครั้ง เพื่อป้องกันการสื่อสารที่ผิดพลาดของทุกฝ่าย ซึ่งจะมีการทดลองใช้ในเกมไทยลีกนัดแรกในเกมที่ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก่อนจะมีข้อสรุปอีกทีว่าควรใช้แบบทางการทุกนัดหรือไม่

อนาคตปราสาทสายฟ้า

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับฟุตบอลไทยอีกครั้ง หลังจากพลาดชวดแชมป์ไปเมื่อปี 2016 และทำได้เพียงคว้าแชมป์ร่วมในศึกโตโยต้า ลีกคัพกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทว่าซีซั่นล่าสุด แม้ในช่วงแรกอาจจะสตาร์ทผลงานออกมาไม่ดี แต่ก็สามารถอาศัยจังหวะที่เมืองทองสะดุด แซงมานำม้วนเดียวจบ คว้าแชมป์พร้อมกับสถิติคะแนนสูงสุดไปได้สำเร็จ

ซึ่งในปีนี้บุรีรัมย์ แทบจะไม่มีการเสริมตัวนักเตะที่ดังๆเข้ามามาก หลังจากเนวิน ชิดชอบประธานสโมสรตั้งใจที่จะดันเด็กจากอะคาเดมีเข้ามา  แถมยังเสียนักเตะคนสำคัญอย่างชาคสัน โคเอลโญ ให้กับกิเลนผยอง และ โก ซุล กี ที่กลับไปเล่นในเคลีก และในปีนี้ยังต้องเข้าร่วมในศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก รอแบ่งกลุ่มอีกครั้ง ต้องติดตามกันว่า ปราสาทสายฟ้าจะมีการงัดไม้เด็ดมาจัดการกับคู่แข่งทั้งในไทยลีก และบนเวทีเอเชีย ได้ยังไง

ทีมลุ้นแชมป์มีมากขึ้น

ย้อนไปเมื่อก่อน จะมีเพียงแค่สองทีมอย่างเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เบียดตำแหน่งแชมป์กันเพียงแค่สองทีม ทว่าในช่วงสองปีหลังล่าสุด เริ่มมีคู่แข่งมาร่วมลุ้นแชมป์ไม่ว่าจะเป็นทัพแข้งเทพ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่มีมาโน่ โพลกิ้งคุมทีม รวมไปถึง กว่างโซ้งมหาภัย สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่อเล็กซานเดร กามา สร้างประวัติศาสตร์คุมทีมปีแรก คว้าแชมป์ไปสองรายการเมื่อปีที่ผ่านมา

แถมในรายสองทีมหลังสุดยังมีการเสริมทัพเรียกว่าจัดหนักและจัดเต็ม ทั้งโละแข้งนอกแทบจะยกชุด และยังไม่รวมถึงทีมอื่นๆ อย่างบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่กระชากฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และมาริโอ ยูรอฟสกี้ มาร่วมทัพอีก เรียกว่าในโซนฝั่งหัวตารางมีการขับเคี่ยวมากขึ้นแน่นอน

3 น้องใหม่น่าจับตามอง

ในปีนี้มีน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาสามทีมได้แก่ ชัยนาท ฮอร์นบิล ที่ตกชั้นไปเพียงแค่ปีเดียวสามารถฟอร์มทีมคว้าแชมป์ลีกรองเลื่อนขึ้นมาเล่นบนไทยลีกอีกครั้งได้สำเร็จ ก็เดินหน้าเสริมทัพแบบจัดเต็มอีกครั้งสไตล์นกใหญ่ พร้อมโชว์ลีลาบนลีกสูงสุดอีกครั้ง

ทีมที่สองเป็นอินทรีทัพฟ้า แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ที่ได้กลับมาเล่นไทยลีก หลังจากอยู่ลีกรองมาหลายปี ถึงแม้ว่า “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ จะมีสไตล์การทำทีมงบประหยัด และเน้นปั้นเด็ก แต่ก็สร้างความฮือฮาในการดึงเรนาน มาเกวช, เลอันโดร อัสซัมเซา และเจย์ซี จอห์น เข้ามาร่วมทัพในโควตาต่างชาติ น่าจะเป็นอีกทีมที่มีแนวรุกที่น่ากลัวอีกทีมในปีนี้

สุดท้ายเป็นพีที ประจวบ น้องใหม่ที่แท้จริง ที่ได้ขึ้นมาสัมผัสเวทีลีกสูงสุด แม้จะดูเงียบๆ แต่ก็ซุ่มเสริมทัพไม่น้อยกว่าทีมพี่ๆในไทยลีก เช่นกัน ต้องรอดูกันว่า น้องใหม่จะสามารถแผลงฤทธิ์ให้รุ่นพี่หวาดกลัว หรือจะเป็นขนมกรุบให้ทีมอื่นเคี้ยวเล่น

ประเด็นล้มบอล

หลังจากจบลีกเมื่อปีที่แล้ว พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง สร้างความฮือฮาชุดใหญ่ ไล่กวาดล้างขบวนการล้มบอลครั้งใหญ่ ซึ่งบุคคลที่โดนนั้น มีทั้งกลุ่มนายทุน บอร์ดบริหาร นักฟุตบอล รวมไปถึงกรรมการที่อยู่ในระดับฟีฟ่าอิลิต แถมประมุขบอลไทยยังเผยออกมาอีกว่า ยังอยู่ในช่วงจับตามองคนที่เหลืออยู่อีกด้วย ทำให้แฟนบอลบางส่วนเริ่มหมดศรัทธา ซึ่งในฤดูกาลนี้เหล่าเชิ๊ตดำอาจจะต้องโดนจับตามองเป็นพิเศษทั้งจากแฟนบอลและสมาคม พร้อมกับต้องพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ตัดสินแบบขาวสะอาดมากขึ้น และนักบอลก็ต้องแสดงความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ด้วยเช่นกัน

กิเลนในวันที่ไร้ อุ้ม ตอง มุ้ย

เมื่อปีที่แล้ว กิเลนผยองได้ส่งออกให้ชนาธิป สรงกระสินธ์ ย้ายไปร่วมทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร ในศึกเจลีก ประเทศญี่ปุ่น และสร้างความพึงพอใจ และเป็นใบเบิกทางให้ทีมจากต่างประเทศเข้ามาสนใจนักเตะไทยมากขึ้น ซึ่งในปีนี้เมืองทองได้ส่งออกไปอีก 3 ราย อย่างธีรศิลป์ แดงดา ที่จะย้ายไปเล่นในซานเฟรชเช ฮิโรชิมา, ธีราทร บุญมาทัน ย้ายไป วิสเซิล โกเบ และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ได้ย้ายไปค้าแข้งในลีกรองเบลเยี่ยมกับทีมโอเอช ลูเวิน

โดยทั้งสามรายนั้น ถือว่าเป็นกำลังหลักสำคัญของทัพกิเลนผยองในการคว้าแชมป์ต่างๆ เรียกว่าเป็นงานหนักของ โค้ชแบน ธชตวัน ศรีปาน ที่จะหานักเตะคนไหนมาเสริมในตำแหน่งของสามคนนี้ ซึ่งอาจจะต้องมีการดันนักเตะที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการดันอดิศักดิ์ ไกรษร ขึ้นมาเป็นคีย์แมนคนสำคัญในการบวกสกอร์ หรือรวมไปถึงสิโรจน์ ฉัตรทอง และชาคสัน โคเอลโญ รวมไปถึงการดึงผู้รักษาประตูลูกหม้ออย่าง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล กลับมาเฝ้าเสาให้กับทีมอีกครั้ง ซึ่งอาจจะมีการปรับจูนทีมกันอีกสักพัก แต่คงไม่ใช่งานยากสำหรับโค้ชแบน ที่จะฟอร์มทีมอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ไทยลีกนี้

ดาวรุ่งรอแจ้งเกิด

ในช่วงหลังหลายๆทีมเริ่มมีการตัดสินใจสร้างอะคาเดมี และเริ่มดันดาวรุ่งเข้ามาประดับในชุดใหญ่ แต่ที่เห็นเป็นประจักษ์มากที่สุดน่าจะเป็นทางฝั่งปราสาทสายฟ้า ที่ดันทั้งอานนท์ อมรเลิศศักดิ์ , สุภโชค สารชาติ และ รัตนากร ใหม่คามิ จากอะคาเดมีในทีม ขึ้นมาอยู่ในชุดใหญ่ และส่งออกให้กับทัพช้างศึกเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ยังไม่รวมไปถึงชลบุรี เอฟซี ที่ก่อนหน้านี้ปั้นวรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และสิทธิโชค ภาโส ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่เช่นกัน ซึ่งในช่วงหลังแต่ละทีมเริ่มมีการใช้ระบบดันเด็กมากขึ้น คงต้องเช็คฟอร์มดูว่าเด็กคนไหนจะรุ่ง หรือจะร่วงในปีนี้

โค้ชตกงานคนแรกของปี

หลังจากปีที่แล้วแม้จะมีทีมี่ตกชั้นเพียงแค่ 3 ทีม แต่ก็มีกุนซือที่โดนเด้งหลังจากทำทีมไม่ดีเกือบสิบราย บางทีมอาจจะเปลี่ยนแล้วผลงานดีขึ้น แต่บางทีมเปลี่ยนแล้วผลงานกลับแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในปีนี้การขับเคี่ยวของแต่ละทีมนั้นเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน จากการที่ต้องมีทีมตกชั้นถึง 5 ทีม ต้องติดตามกันว่าทีมไหนจะเป็นทีมแรกที่ตัดสินใจเด้งกุนซือพ้นจากทีมในปีนี้