เอเชีย ฟุตบอลเกาหลี

TRIBE TALK : อี ดง กุก ตำนานเคลีกกับวิถีคุณพ่อลูกห้า

หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ชุนบุค ฮุนได ทีมในศึก คลีก คลาสสิค ลีกสูงสุดในประเทศเกาหลีใต้ มีปัญหาในเรื่องการติดสินบนกรรมการทำให้พลาดโอกาสเล่นในศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2017 แต่ว่าทัพนักรบสีเขียวก็ยังสร้างผลงานคว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ แบบนำแบบม้วนเดียวจบ ได้กลับไปเล่นในถ้วยเอเชียอีกครั้งในปีหน้า

นอกจากผลงานในลีกที่ฟอร์มร้อนแรง นักเตะในทีมอย่าง อี ดง กุก กองหน้าวัย 38 กะรัต ที่ยังสามารถโชว์ทักษะและผลงานออกมาได้ยอดเยี่ยม และสร้างสถิติเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงไป 200 ประตู ในเคลีก คลาสสิค พร้อมทั้งยังมีชื่อติดในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก กับทีมชาติเกาหลีใต้อีกด้วย

แต่กับแฟนๆชาวไทย ที่นอกจากจะตามผลงานของ ดงกุกในนามสโมสรและทีมชาติเกาหลีแล้วนั้น ก็มีแฟนๆจำนวนหนึ่ง ที่ติดตามเขาในการเป็นคุณพ่อลูกห้า (แฝดหญิง 2 คู่ และลูกชาย ) ในรายการวาไรตี้ชื่อดังของเกาหลีอย่าง The Return of Superman จนมีแฟนคลับมากมาย

ฟุตบอลไทรบ์ ไทยแลนด์ ได้รับเกียรติสัมภาษณ์แบบเอ็กคลูซีฟมาให้แฟนบอลและแฟนคลับชาวไทยได้ติดตามถึงชีวิตลูกหนังและชีวิตส่วนตัวกับการเป็นคุณพ่อลูกห้ารายนี้

กด NEXT เพื่อติดตามอ่าน

ชุนบุค ฮุนได แทบจะนำคู่แข่งแบบม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ สมัยที่ 5 ใน 9 ปี หลังสุด อะไรคือเคล็ดลับความแข็งแกร่ง?

อี ดง กุก : ด้วยตัวทีมชุนบุคเอง ได้รวมนักเตะที่มีความสามารถเข้ามาอยู่ด้วยกัน และโค้ชของทีมก็จะมีการฝึกซ้อม และดึงความสามารถพิเศษเฉพาะตัวนักเตะออกมา และด้วยความที่นักเตะแต่ละคนมีจุดเด่นที่ชัดเจน รวมไปถึงทีมเวิร์คที่ดี ก็เลยทำให้ทีมประสบความสำเร็จ และเก็บชัยชนะได้ ไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียว แต่ใช้ความเป็นทีมในการคว้าแชมป์ครั้งนี้

ปีที่แล้วมีปัญหาในเรื่องของการเข้าไปเล่นใน AFC Champions League ปีนี้สามารถกลับมาเล่นได้อีกครั้งในฐานะทีมที่เคยคว้าแชมป์ มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

อี ดง กุก : ปีที่แล้วเรามีปัญหาทำให้พลาดโอกาสที่จะไปเตะเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก แต่เราก็มีการแข่งขันและเตรียมทีมตลอดทั้งฤดูกาล ทำให้นักเตะทุกคนมีความพร้อมที่ลงสู้ศึกในถ้วยเอเชีย และตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เราก็ได้เก็บประสบการณ์ บวกกับการเสริมทัพที่ได้นักเตะมากความสามารถมาร่วมทีม ปีหน้าก็จะทำให้สุดความสามารถ ในฐานะตัวแทนจากทีมชาติเกาหลีใต้

มองคู่แข่งสายตัวเอง ในเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มเป็นยังไงบ้าง?

อี ดง กุก : ถ้าประเดิมนัดแรกในรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเก็บชัยชนะได้สำเร็จ ก็น่าจะมีสิทธิ์ที่จะผ่านเข้าไปในรอบต่อไปได้ ซึ่งถ้าเมืองทอง ยูไนเต็ด สามารถทำผลงานได้ดี ก็อาจจะได้มาเจอกันได้ในรอบแบ่งกลุ่ม

การที่ทีมจะคู่แข่งทีมไหนมันไม่สำคัญ มันสำคัญตรงที่เราจะมีการเตรียมทีมให้มีความพร้อมมากแค่ไหน ถ้าทีมมีความเตรียมพร้อมได้ดี โอกาสที่เราจะชนะมันก็ค่อนข้างสูงแน่นอน

ปัจจุบันทีมในเอเชีย ระดับการเล่นไม่ได้แตกต่างกันมากเหมือนเมื่อก่อน ทางฝั่งอาเซียน ก็เริ่มทำผลงานได้ดี ในอนาคต ถ้าทีมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเตรียมตัวที่ดี ก็น่าจะเป็นคู่แข่งที่ดีอีกทีม

ได้ติดตามบอลไทยบ้างไหม มีนักเตะเกาหลีใต้มาเตะที่ไทยเยอะ อย่างปีที่แล้วเรามี อี โฮ มาเล่นกับเมืองทอง หรือว่าก่อนนี้ มี คิม ดอง จิน พอมีพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันบ้างไหม?

อี ดง กุก : ก็มีติดต่อคุยบ้าง พอมาไทยก็มีนัดไปทานข้าวด้วยกัน อย่าง อี โฮ ก็เพิ่งย้ายมาอยู่เมืองทองเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก็มีแลกเปลี่ยนพูดคุยข้อมูลฟุตบอลไทยด้วย ก่อนหน้านี้ก็เคยไปเล่นที่บุรีรัมย์ ในถ้วยเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับบอลไทย และรู้สึกได้ว่าบอลไทยกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนา พอลองแข่งด้วยแล้ว เป็นคู่แข่งที่ไม่ง่ายเหมือนกัน สร้างความลำบากพอสมควร

เล่าประสบการณ์ตอนที่ไปค้าแข้งต่างแดนกับ เบรเมน และ มิดเดิลโบรส์ ให้ฟังหน่อย มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในตอนนั้น?

อี ดง กุก : ตอนที่ไปเบรเมน ตอนนั้นเป็นปี 2000 ถ้าเทียบตอนนั้นก็ถือว่ายังเด็กมาก ประสบการณ์ทางด้านฟุตบอลก็ยังน้อยอยู่ ตอนนั้นเป็นเวลาที่ผ่านไปยากลำบากด้วย ด้วยความที่อายุยังน้อย บวกกับชีวิตประจำวัน ไม่มีคอมพิวเตอร์ หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทำให้คิดถึงครอบครัวและเพื่อนที่เกาหลีมาก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และเสียใจที่ทำออกมาไม่ได้เต็มที่

แต่พอรอบสองทีได้ไป อายุเราเริ่มเยอะขึ้น ก็มีการปรับตัวจากการไปเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ก็ยังทำผิดพลาดไปบ้าง ทำให้ไม่สามารถแสดงผลงานออกมาได้ดีตามที่คาดไว้ ก็รู้สึกเสียดายอีกเช่นกัน

การไปค้าแข้งต่างประเทศสองครั้ง ก็ได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นกว่าเดิม

ตอนนี้นักเตะในทวีปเอเชียได้รับการยอมรับมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วตอนแรกๆที่ย้ายไป ยังไม่ค่อยมีนักเตะเอเชียในยุโรปมากนัก มันยากขนาดไหน กับการปรับตัว คุณเจอปฏิบัติอย่างไรบ้าง?

อี ดง กุก : ถ้าเรื่องในชีวิตประจำวัน ก็ลำบากมาก ทั้งเรื่องกิน และการปรับตัว ด้วยความที่เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ เวลาพูดหรือสื่อสารไม่ได้ ก็จะถูกเมิน แต่ตอนนี้ได้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น อย่างปาร์ค จี ซอง ที่เคยไปเล่นให้กับแมนยูฯ ทำให้ยุโรปยอมรับนักกีฬาเกาหลีมากขึ้น

ตอนที่ตัวเองไป เราไปเป็นกองหน้า มันต้องใช้ร่างกายค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวคิดว่าตัวเองยังโชว์ผลงานออกมาไม่ดีพอ และนักเตะยุโรปค่อนข้างสูงใหญ่ ทำให้ไม่สามารถปะทะได้ บวกกับยังไม่ชิน ทำให้ปรับตัวได้ไม่ดีพอ

พูดถึงฟุตบอลโลก 2018 เกาหลีอยู่ในกลุ่มที่ค่อนข้างหนักกับ เยอรมัน, เม็กซิโก และ สวีเดน คุณมองว่าอย่างไรบ้างกับโอกาสของเกาหลีในครั้งนี้?

อี ดง กุก : แน่นอนว่าทุกประเทศมีการเตรียมตัวกันอย่างเต็มที่ แต่ก็เชื่อว่าทีมชาติเกาหลีมีความเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว และถ้าเรามีการเตรียมตัวที่ดี เชื่อว่าจะผ่านเข้าไปรอบลึกๆได้เหมือนกัน

แม้ว่าตอนนี้อายุ38แล้ว ยังสามารถติดทีมชาติได้ มีเคล็ดลับดูแลความฟิตยังไงบ้าง?

อี ดง กุก : อย่างแรกคือพยายามที่จะไม่เครียด ถ้ามีเรื่องไม่ดีเข้ามา ก็พยายามคิดในแง่บวก คิดว่าดีแล้วที่ไม่มีเรื่องแย่กว่านี้เข้ามา และก็นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ และเพื่อนร่วมทีมก็มีส่วนช่วยเราด้วยเช่นกัน

เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยบอกว่า เมื่อนักเตะมีครอบครัวมีลูกๆ พวกเขาจะเปลี่ยนไป คิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างหลังจากมีลูก?

อี ดง กุก : พอมีครอบครัว มีลูก ความรู้สึกรับผิดชอบมีมากขึ้น ก่อนที่จะแต่งงานก็จะคิดถึงแต่ตัวเอง พอมีครอบครัว เวลาทำอะไรก็จะคิดถึงครอบครัวและลูกก่อน เราพยายามทำให้ลูกเห็นว่า ยังมีคนชื่นชอบในตัวของพ่อเขาในฐานะนักกีฬา มันทำให้เราพยายามไม่ทำให้ลูกผิดหวัง

 

ทราบไหมว่าที่ไทยมีแฟนคลับลูกคุณเยอะมาก  มาไทยหลายครั้งแล้ว มีประทับใจตรงไหนบ้าง?

อี ดง กุก : ที่ไทยมีแฟนคลับลูกเยอะมาก รู้สึกขอบคุณที่เอ็นดูเด็กๆ คอยเอาของฝากมาให้เต็มเลย และคอยมาตามให้กำลังใจเชียร์ และแฟนคลับไทยมีมารยาทมากๆ ถึงแม้เขาจะตามมา แต่เขาก็ไม่เข้าใกล้เด็ก จะรักษาระยะห่างไว้ แต่ที่เกาหลี บางทีมจับตัวทำให้เด็กๆเกิดความเครียดได้ ขอบคุณแฟนไทยมากๆในจุดนี้

ส่วนตัวมาไทยหลายครั้งแล้ว ก็มีคนชื่นชมลูกตลอด และก็ชอบอาหารไทย ชอบไปกินอาหารธรมดาที่คนไทยชอบไปกิน ครอบครัวชอบอาหารไทย เพราะอาหารไทยอร่อยมาก

พูดถึงลูกๆทั้ง 5 คนหน่อย แต่ละคนมีนิสัยยังไง หรือสนใจอะไรเป็นพิเศษ?

อี ดง กุก : เวลาเล่นกับลูกๆ5คน มันเหนื่อยมาก แต่ทุกคนก็สามารถดูแลตัวเองได้ ก็มีความสุขที่เห็นพี่น้องดูแลกัน อย่างชีอัน เป็นคนสุดท้อง ก็จะมีพี่สาวคอยดูแลตลอด และคอยเล่นกับน้อง เชื่อว่าชีอันน่าจะมีความสุขมากเวลาอยู่กับพี่ๆ

ได้ยินมาว่าคนเกาหลี มีการเลี้ยงลูกที่เข้มงวดมาก เป็นเรื่องจริงไหม ? แล้วที่คุณเจอมาตอนเด็กๆ กับการรับมือเมื่อเป็นพอ แตกต่างกันไหม?

อี ดง กุก : สมัยก่อนเกาหลีเขาจะเข้มงวดเรื่องการเลี้ยงลูกมาก ตอนตัวเองก็มีที่พ่อแม่ห้ามทำโน่นนี่บ้าง แต่พอตัวเองเป็นพ่อ ก็พยายามให้ลูกมีอิสระ ถ้าทำผิดจริงก็จะมีดุบ้าง แต่ก็จะปล่อยลูกให้มีจินตนาการในการเล่นให้มากที่สุด

 

มีวิธีการเลี้ยงลูกทั้งห้าคนยังไง แบ่งเวลายังไง เพราะเวลามีโปรแกรมแข่งก็แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย?

อี ดง กุก : เริ่มซีซั่นก็จะยุ่งมาก เพราะต้องซ้อมเข้มงวด แต่ถ้าหลังซ้อมก็จะอยู่กับลูกให้ได้มากที่สุด และการที่ถ่ายรายการ The Return of Superman ทำให้ได้สร้างความทรงจำดีๆกับลูก และการที่มาไทยครั้งนี้ ก็มาเชียร์ลูกแข่งเทนนิส พอไม่มีแข่งก็พยายามอยู่กับครอบครัวให้ได้มากที่สุด

เห็นลูกสาว (อี แจอา) เล่นเทนนิส อันนี้เป็นคนแนะนำเองหรือเขาสนใจ อนาคตอยากให้เป็นนักกีฬาทีมชาติไหม?

อี ดง กุก : เด็กๆมีความชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว ก็เลยพาไปเล่นหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ เทนนิส ว่ายน้ำ จนเขาได้ค้นพบว่าเขาสนุกกับการเล่นเทนนิสมากที่สุด ก็เลยสนับสนุน จริงๆอยากให้เด็กๆเล่นกีฬาแบบสนุก ไม่ได้บังคับว่าจะต้องเป็นนักกีฬาทีมชาติ ตอนนี้สิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินคือห้ามเขาเล่นเทนนิสมากกว่า

ลูกชายคนเล็ก ( อี ชีอัน ) อยากจะให้เป็นนักฟุตบอลเหมือนตัวเองไหม?

อี ดง กุก : ก็ไม่ได้คาดหวังว่าอยากให้ลูกเป็นเหมือนเรา อยากให้อิสระในการเลือกของเขามากกว่า แต่ว่าตอนนี้ชีอันก็สนใจฟุตบอล ชอบเล่นด้วย อาจจะให้น้องลองเล่นไปก่อน ถ้าสนใจก็จะสนับสนุน

 

มีการวางแผนอนาคตหลังแขวนสตั๊ดบ้างยัง?

อี ดง กุก : ตอนนี้ยังไม่อยากคิดเรื่องแขวนสตั๊ด เพราะเวลาคิดเรื่องเลิกเล่น ก็ต้องมานั่งคิดอีกว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ ทำให้ความรู้สึกตอนเล่นบอลอาจจะแย่ไปด้วย พยายามไม่คิดและตั้งใจทำตรงนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า ก็จะเล่นไปเรื่อยๆดีกว่า

ฝากอะไรถึงแฟนบอลชาวไทยหรือแฟนคลับชาวไทยหน่อย?

อี ดง กุก : ผมเห็นว่าแฟนบอลชาวไทยชอบกีฬาฟุตบอลมาก เพราะเวลาไปร้านอาหารก็จะเห็นทีวีเปิดฟุตบอลไว้ ส่วนตัวคิดว่านักฟุตบอลไทยก็มีความสามารถ ต่อไปฟุตบอลไทยน่าจะยกระดับดีขึ้น และขอบคุณแฟนๆที่คอยติดตามลูกๆ ขอบคุณจริงๆครับ