ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ภายใต้การนำทัพของ โซรัน ยานโควิช ที่ทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เล่นจากเกมนัดแรกถึง 8 ตำแหน่ง โดยเหลือตัวจริงจากเกมชนะญี่ปุ่น 3 คนเท่านั้น สุดท้ายพ่ายให้กับ เกาหลีเหนือ ด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ อกหักอดเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอล M-150 Cup และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจหลังเกมนี้
กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
ใช้โอกาสอย่างคุ้มค่า
ก่อนเกมนี้ โซรัน ยานโควิช จะต้องเลือกระหว่างการใช้โอกาสในทัวนาเมนท์นี้ให้คุ้มค่า ในการให้โอกาสนักเตะคนอื่นๆ และการลองระบบการเล่นใหม่ๆ กับการมุ่งมั่นใช้ผู้เล่นที่ฟอร์มดีจากนัดแรก เพื่อเอาผลการแข่งขันที่ต้องการเพื่อเอาชนะ เกาหลีเหนือ เพื่อที่จะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับอุซเบกิสถานให้ได้ แต่เกมนี้ กุนซือร่างใหญ่เลือกที่จะทำการโรเตชั่นนักเตะตัวหลักในทีมที่ฟอร์มดีในเกมแรกหลายคน รวมไปถึงนักเตะที่มีอาการบาดเจ็บให้ได้พัก และคนที่ติดภารกิจ ทำให้ 11 ตัวจริงในเกมกับโสมแดงมีการเปลี่ยนแปลงถึง 8 ตำแหน่งด้วยกัน ถือว่าเป็นการใช้งานนักเตะที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ทำให้ตอนนี้มีแค่ สุประวีณ์ มีประทัง กับ อนุศิษฏ์ เติมมี สองคนที่มีรายชื่อในทีมชุดนี้แต่ยังไม่ได้ลงเล่นในรายการนี้แม้แต่นาทีเดียว
เรียนรู้จุดอ่อนตัวเอง
บางครั้งความพ่ายแพ้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดี กว่าชัยชนะในบางทีถ้าหากว่าได้เรียนรู้กับมัน ในเกมนี้ ทีมชาติไทยได้เห็นจุดอ่อนที่เป็นรอง คู่แข่งในรอบแรกในศึกชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศจีนอย่าง เกาหลีเหนือ อย่างชัดเจนนั่นคือเรื่องพละกำลัง ที่ยังเป็นรองคู่แข่ง ที่เราจะเห็นได้จากการเข้าเบียดปะทะแย่งบอลที่นักเตะไทย ที่พลิ้วๆในไทยลีกอย่าง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ถูกเบียดกระแทกจนเสียจังหวะหลายครั้ง รวมไปถึงการมองหาจุดลงตัวในแดนหน้า หากว่า เจนรบ สำเภาดี สามารถพักบอลได้ดี แต่ยังขาดคุณสมบัติในการจบสกอร์อยู่ รวมไปถึงการป้องกันในเกมรับ เมื่อถูกคู่แข่งกดดันอย่างหนัก อย่างที่เห็นว่าเราเสียประตูจากลักษณะคล้ายๆเดิมมา 2 เกมติดแล้ว นี่คือ จุดอ่อนที่มองเห็นได้จากความพ่ายแพ้และจะต้องรีบแก้ไขก่อนรายการสำคัญ
เก็บข้อมูลคู่ต่อสู้
แม้ว่าทุกวันนี้โลกจะเข้าสู่ระบบออนไลน์เต็มที่ ฟุตบอลทุกแห่งในโลกล้วนมีข้อมูลให้ได้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการชมการแข่งขันสดๆจากทั่วทุกมุมโลก หรือคลิปวิดีโอ การเล่นเฉพาะที่สามารถหาได้จากยูทูป หรือข้อมูลของนักเตะต่างๆ แต่กับประเทศอย่างเกาหลีเหนือ ที่เราทราบดีกว่าการเข้าถึงข้อมูลของพวกเขานั้นยากเย็นแค่ไหน การเชิญทีมโสมแดงมาเตะในทัวร์นาเม้นท์นี้ถือว่าได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย โดยเฉพาะทีมสเก๊าท์ของไทยที่ได้ศึกษาทำการบ้านคู่แข่งที่เก็บข้อมูลได้ยากอย่างเกาหลีเหนือแบบเต็มๆ ทั้งการชมเกม และการเจอกันในสนาม ตลอด 90 นาทีนี้ น่าจะทำให้ โซรัน ยานโควิช และทีมงานได้รับข้อมูลดีๆก่อนที่จะเจอกันในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่
กำลังใจยังเยี่ยม
ในเกมแรกที่เจอกับทีมชาติญี่ปุ่นกองเชียร์ชาวไทยทำสถิติที่น่าทึ่งเมื่อเข้าไปชมเกมมากถึง 20,546 และในเกมกับเกาหลีเหนือ แม้ว่ายอดคนดูจะลดลงมา อาจจะเป็นเพราะว่าแข่งขันในช่วงกลางสัปดาห์ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีกองเชียร์เข้ามาชมเกมถึง 18,209 ซึ่งถือว่าเป็นกำลังใจที่ยอดเยี่ยมให้กับทีมช้างศึก U23 ในเกมนัดนี้ ซึ่งเราได้เห็นบรรยากาศในการปลุกเร้านักเตะในช่วงท้ายเกม ที่สกอร์ตามหลังอยู่ แต่นักเตะทุกคนยังสู้แบบไม่ถอยแม้ว่าจะทำประตูตีเสมอเพื่อที่จะเข้าชิงชนะเลิศไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ถือว่ากำลังใจกลายเป็นพลังงานชั้นดีให้นักเตะทุกคน
เจอกับคู่แค้นแห่งอาเซียน
แม้ว่าจะไม่ได้เข้าชิงชนะเลิศตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ และการพ่ายแพ้ต่อเกาหลีเหนือทำให้ทีมชาติไทย ทำได้เพียงแค่เข้าไปชิงอันดับที่ 3 เท่านั้น ซึ่งช้างศึกU23 จะได้ดวลกับ ทีมชาติเวียดนาม ที่ทำผลงานในรายการนี้เท่ากันคือเก็บได้ 4 คะแนนจากผลงาน ชนะ 1 แพ้ 1 ทำให้ทีมดาวทองได้ล้างตากับทีมชาติไทยอีกครั้งหลังจากที่ทีมช้างศึก เคยเอาชนะ พวกเขาในเกมสุดท้ายรอบแรกของฟุตบอลซีเกมส์ ที่ประเทศมาเลเซีย เขี่ยเวียดนามที่ฟอร์มออกสตาร์ทแรงตกรอบแรก และสุดท้ายช้างศึกคว้าแชมป์ซีเกมส์มาครอง จนแข้งหลักในทีมอย่าง เลือง ซวน ตรวง ออกมากล่าวหลังจบเกมดังกล่าวว่าต้องการที่จะเจอกับทีมไทยอีกครั้งให้เร็วที่สุด ซึ่งก็ได้เจอกันสมใจในเกมชิงที่สามศึก M-150 Cup