FIVE SWEET SPOTS: 5 ประเด็นน่าสนใจหลังช้างศึกปราบซามูไรศึกM-150 Cup

โซรัน เปิดตัวหรู

ก่อนเริ่มทัวร์นาเม้นท์นี้ ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปีมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของผู้ฝึกสอน โดยแต่ตั้ง โซรัน ยานโควิช มือขวาของ มิโลวาน ราเยวัช ในทีมชาติไทยชุดใหญ่ ขึ้นมารั้งตำแหน่งกุนซือใหญ่แทนที่ของ  วรวุธ ศรีมะฆะ อดีตกุนซือที่เคยพาทีมคว้าแชมป์ซีเกมส์ ที่ประเทศมาเลเซีย ที่ขยับหน้าที่ลงมาเป็นผู้ช่วยแทน เกมนี้ถือว่าเป็นเกมเปิดอย่างเป็นทางการของ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติบัลแกเรีย ซึ่งถือว่าชัยชนะเหนือยอดทีมในทวีปเอเชียอย่างญี่ปุ่น ถือว่าเป็นการเปิดตัวในฐานะกุนซือทีมชาติไทยอย่างสวยงามก่อนที่จะมีรายการใหญ่รออยู่คือชิงแชมป์เอเชียในเดือนมกราคมปีหน้า

ยังมีทรัพยากรให้เลือกอีกเยอะก่อนชิงแชมป์เอเชีย

ในเกมนี้ โซรัน ยานโควิช ตัดสินใจส่งผู้เล่นหลายคนที่ไม่ติดทีมชาติชุดซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมาให้ได้ลงสนามไปโชว์ฝีเท้าทั้ง รัตนัย ส่องแสงจันทร์ , จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ , วันชัย จารุนงคราญ, สุภโชค สารชาติ และ ธนาสิทธิ์ ศิริผลา  ในตำแหน่งตัวจริง รวมไปถึง สหรัฐ ปองสุวรรณ ตัวสำรอง ที่ได้ลงมาในช่วงท้ายเกม ซึ่งหลายคนสามารถโชว์ผลงานได้ดี และในรายการนี้ยังเหลือเกมให้เล่นอีก ซึ่งคนอื่นๆที่ไม่เคยได้โชว์ฝีเท้าในซีเกมส์อาจจะได้รับโอกาสเพิ่มเติมอีก ซึ่งหากโชว์ฝีเท้าได้ดีก็จะเป็นตัวเลือกก่อนที่จะทำการตัดตัวเพื่อส่งรายชื่อไปเล่นในรายการชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศจีน

กำลังใจล้นหลาม

ก่อนที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์นี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการออกไปจัดที่ต่างจังหวัดอย่าง บุรีรัมย์ ซึ่งค่อนข้างไกลจากศูนย์กลางอย่างกรุงเทพมหานคร ว่าจะมีแฟนบอลเข้าไปชมเกมหรือไม่ เพราะค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการเดินทาง แต่บรรยายกาศที่ ไอโมบาย สเตเดี้ยม ในค่ำคืนวันเสาร์ที่อากาศค่อนข้างเย็นสบาย กลับคึกคัก และเต็มไปด้วยแฟนบอลที่เข้ามาชมเกม และให้กำลังใจทีมช้างศึก อย่างแน่นขนัด และในเกมนี้มีสถิติคนเข้าชมเกมกว่า  20,546 คนถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง และไม่น่าแปลกใจที่เราได้เห็นนักเตะช้างศึกวิ่งกันอย่างลืมเหนื่อยเพราะได้กำลังใจสำคัญจากแฟนบอลในสนาม

ผ่านเกมที่ยากที่สุด

ในรายการ M-150 Cup มีทีมร่วมแข่งขันเพียงแค่ 6 ทีมเท่านั้น และมีการแบ่งสายแข่งขันออกเป็นสองสาย สายละ 3 ทีม ซึ่งชัยชนะในเกมแรกของทีมชาติไทย ในเกมเปิดสนามกับญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นเกมที่ยากที่สุด  จนแทบจะทำให้ทีมช้างศึกเข้ารอบรองชนะเลิศไปแล้วครึ่งก้าว  โดยในนัดสุดท้ายต้องการเพียงแค่ 1 คะแนนจากเกาหลีเหนือก็จะเข้ารอบอย่างแน่นอน ซึ่งทีมชาติไทยจะลงสนามในเกมต่อไปพบกับ เกาหลีเหนือ อีกหนึ่งทีมคู่แข่งในศึกชิงแชมป์เอเชียในวันที่ 13  ธันวาคมนี้ ที่สนามไอโมบายสเตเดี้ยมเช่นเดิม

คู่แข่งต้องมองไทยใหม่

ทีมอย่างญี่ปุ่นถือว่าผูกปีเอาชนะทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเจอกันที่ไหน ชุดไหนก็ตามทีมที่เดินออกจากสนามพร้อมกับรอยยิ้มมักจะเป็นทีมญี่ปุ่นเสมอ แต่ไม่ใช่ในเกมนี้ แม้ว่าพวกเขาจะส่งนักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีมาเล่น ซึ่งถือว่าแบกอายุก็ตามแต่เชื่อว่าด้วยเกียรติยศของพวกเขาที่สั่งสมชื่อเสียงในด้านฟุตบอลมาไม่น้อยย่อมไม่ยอมส่งทีมมาเพื่อเป็นทีมรองบ่อนให้คู่แข่งยำแน่นอน ซึ่งชัยชนะในนัดนี้จะทำให้ทีมคู่แข่งในสายเดียวกันในรายการชิงแชมป์เอเชียมองทีมชาติไทยใหม่อย่างแน่นอนก่อนที่จะพบกันในวันที่ 13 มกราคมนี้