เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ไทยลีก

FIVE SWEET SPOTS: 5 ประเด็นน่าสนใจหลังจับฉลากแบ่งสาย ACL 2018

ศึกฟุตบอลถ้วยในระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียได้ทำการจับฉลากแบ่งสายในฤดูกาลหน้าออกมาเป็นที่เรียบร้อย ตัวแทนจากไทยที่เข้ารอบอัตโนมัติด้วยโควตาแชมป์โตโยต้า ไทยลีก อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถูกจับฉลากให้เจอกับงานหนัก และอีกสองตัวแทนที่ต้องลงเล่นเพลย์ออฟทั้ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ เชียงราย ยูไนเต็ด ก็เจอกับงานที่ท้าทายหากหวังจะผ่านเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจหลังการจับฉลาก

 

กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

 

 

สายหินต้อนรับการกลับมาของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นขาประจำของฟุตบอลรายการนี้ หลังจากที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งแรกเมื่อปี 2012 และพวกเขาก็สามารถที่จะผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มได้ทุกครั้งจนถึงปี 2016 แต่ในปี 2017 ที่เป็นผลต่อเนื่องจากผลงานในประเทศปี 2016 ไม่ดีนัก พวกเขาพลาดทุกแชมป์ ทำให้ในฤดูกาลที่ผ่านมาปราสาทสายฟ้า ไม่ได้มาโชว์ฝีเท้าในถ้วยเอเชีย แต่ในฤดูกาลนี้หลังจากที่เรียกฟอร์มเก่งกลับมาอีกครั้ง พวกเขาจองโควตาในรอบแบ่งกลุ่มด้วยตำแหน่งแชมป์ไทยลีก และผลจับฉลากออกมาเจอกับงานที่โหดกินเอาเรื่อง เมื่อถูกจับให้อยู่ในสายเดียวกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ จากจีนที่พวกเขาเคยสร้างความฮือฮาด้วยการบุกไปเอาชนะมาแล้วเมื่อปี 2012 , เจจู ยูไนเต็ด จากเคลีก และ แชมป์เอ็มเพอร์เรอร์ คัพ จากญี่ปุ่น ถือว่าเป็นงานโหดหินต้อนรับการกลับมาของยอดทีมจากอีสานใต้ในรายการนี้

ก้าวแรกสู่เวทีเอเชียของเชียงราย

เป็นที่ทราบกันดีว่าในตอนต้นฤดูกาลที่ผ่านมาเป้าหมายของ เชียงราย ยูไนเต็ด นอกจากการคว้าแชมป์ในประเทศให้ได้มากที่สุด จากการทุ่มเงินเสริมทัพมากมายมหาศาล นั้นคือการมาเล่นฟุตบอลถ้วยเอเชียให้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และพวกเขาก็บรรลุเป้าหมายสำเร็จ หลังจากที่เอาชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย ช้างเอฟเอคัพ คว้าโควตาเพลย์ออฟมาครองสมใจ ซึ่งในรอบเพลย์ออฟ เชียงราย ยูไนเต็ด จะรอพบผู้ชนะระหว่าง บาหลี ยูไนเต็ด (แชมป์อินโดนีเซีย ลีกา 1) กับ เทมปิเนส โรเวอร์ส (รองแชมป์เอสลีก สิงคโปร์ ได้สิทธิ์มาแทน อัลบิเร็กซ์ นิงาตะ ทีมแชมป์) และหากผ่านไปได้จะไปพบกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี (รองแชมป์ไชนิส ซูเปอร์ลีก จีน) ในการเพลย์ออฟรอบสุดท้าย และถ้าผ่านในรอบเพลย์ออฟนัดที่สามได้จะเข้าไปอยู่ในกลุ่ม เอฟ ที่มี คาวาซากิ ฟรอนตาเล, เมลเบิร์ล วิคตอรี และ อุลซาน ฮุนได ซึ่งต้องติดตามว่ากว่างโซ้งที่เป็นน้องใหม่ในรายการนี้ จะฝ่าฟันมาถึงรอบแบ่งกลุ่มได้หรือไม่

มีหนึ่งเดียวจากไทยที่ผ่านเพลย์ออฟ

นับตั้งแต่การแข่งขัน เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนส์ลีกเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ และทีมจากไทยได้สิทธิ์ในการลงเล่นเพลย์ออฟ มีหนึ่งเดียวจากประเทศไทยที่ สามารถเอาชนะในรอบเพลย์ออฟและผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้ นั้นคือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เอาชนะ บริสเบน รอร์ ในการดวลจุดโทษในรอบเพลย์ออฟ ซึ่งเปลี่ยนสนามมาแข่งขันที่ นิวไอโมบาย  สเตเดี้ยม หลังจากที่ ตัวแทนจากออสเตรเลียไม่พร้อมในด้านของสถานที่ ถือว่าเป็นทีมจากไทย 1 เดียวที่ผ่านรอบเพลย์ออฟได้ ในปีนี้ก็ต้องลุ้น 2 ตัวแทนจากไทยอย่าง เชียงราย ยูไนเต็ด ที่รอพบผู้ชนะระหว่าง บาหลี ยูไนเต็ด (แชมป์อินโดนีเซีย ลีกา 1) กับ เทมปิเนส โรเวอร์ส (รองแชมป์เอสลีก สิงคโปร์ ได้สิทธิ์มาแทน อัลบิเร็กซ์ นิงาตะ ทีมแชมป์) และหากผ่านไปได้จะไปพบกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี (รองแชมป์ไชนิส ซูเปอร์ลีก จีน)  และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่จะพบกับ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม แชมป์มาเลเซียซูเปอร์ลีก โดยผู้ชนะจะไปพบกับ ทีมโควต้าที่ 4 ของญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะเป็นทีมอันดับ 3 หรือ 4 ของเจลีก โดยมีโอกาสที่จะเป็น เซเรโซ โอซาก้า และ คาชิวา เรย์โซล

ในปีนี้ก็ต้องลุ้น ให้ เชียงราย และ เมืองทอง สามารถเพิ่มสถิติตัวแทนจากไทยที่ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มจากการเพลย์ออฟให้ได้

ยะโฮร์ ขาประจำ

ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ทีมแชมป์มาเลเซียซูเปอร์ลีกที่ได้โควตาในรอบเพลย์ออฟ ถูกจับฉลากให้เจอกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ที่เสือร้ายจากมาเลเซียทีมนี้ต้องเจอกับทีมตัวแทนจากไทย หลังจากที่ในปี 2015 พวกเขาเคยเจอกับ เมืองทองมาแล้ว และพ่ายไปในการดวลจุดโทษ ส่วนในปี 2016 ที่ผ่านมา พวกเขาบุกมาทำแสบใส่ แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เพิ่งได้โควตาลงเล่นใน ACL เป็นครั้งแรกของสโมสรด้วยการเอาชนะ จุดโทษก่อนจะไปพ่าย กัมบะ โอซาก้า ยุติเส้นทางเพียงแค่รอบเพลย์ออฟเท่านั้น ซึ่งหลังผลการจับฉลากในปีนี้ ยะโฮร์ กลายเป็นขาประจำที่ต้องเจอกับตัวแทนจากไทยไปแล้ว

เมืองทองต่อยอดในถ้วยเอเชีย ?

ในฤดูกาลที่ผ่านมา เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยงามในการลงเล่นในฐานะตัวแทนจากไทยในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อทำสถิติที่ยอดเยี่ยมเอาไว้หลายอย่างทั้งการเป็นตัวแทนจากไทยที่เก็บแต้มได้เยอะที่สุด และสามารถผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ได้เป็นครั้งแรกของสโมสรพวกเขา และในฤดูกาลนี้ ในฐานะรองแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก กิเลนผยองได้โควตาลงเล่นในรอบเพลย์ออฟ เจอกับ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ทีมที่พวกเขาเคยเอาชนะมาแล้วในรอบนี้เมื่อปี 2015 ก่อนที่จะเข้าไปเจอกับ ทีมโควต้าที่ 4 จากญี่ปุ่น ซึ่งการจับฉลากนี้ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ อีกหนึ่งตัวแทนจากไทยทีมนี้จะต่อยอดไปให้ไกลกว่าเดิมในถ้วยใหญ่ของทวีป