หลังจากที่ศึกโตโยต้าไทยลีก 2017 รูดม่านลงไปแล้ว เห็นได้ว่าฤดูกาลนี้หลายทีมก็มีการเสริมทัพกันอย่างคับคั่ง บางดีลเรียกเสียงฮือฮาได้ตัวซ้ำ ซึ่งหลายคนทำผลงานได้ดี แต่หลายคนทำผลงานได้น่าผิดหวัง และนี้คือ 10 ดีลสุดเฟล ประจำฤดูกาลนี้
กดเลื่อนลูกศรทางขวาเพื่ออ่านหัวข้อถัดไป
1.อังเดร หลุยส์ (ราชนาวี ไป ชลบุรี เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี ไป ราชนาวี)
จากการทำผลงานในสีเสื้อสุพรรณบุรี เอฟซี สโมสรแรกบนแผ่นดินสยามเมื่อปี 2015 จนเป็นที่พอใจ (32 นัด 16 ประตู) รวมถึงทำ 4 ประตู และ 4 แอสซิสต์จากการลงสนามทั้งหมด 30 นัดให้ราชนาวีในฤดูกาล 2016 ส่งผลให้ชลบุรี เอฟซี ตัดสินใจดึงมาเสริมแนวรุกในช่วงต้นฤดูกาล 2017 อย่างไรก็ตาม ผลงานของดาวเตะบราซิลกับฉลามชลถือว่าล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะเขาไม่สามารถผลิตสกอร์ออกมาให้ทีมได้เลย ซ้ำยังกลายเป็นตัวเลือกสำรองต่อของทีม
ถึงแม้ช่วงเลกสองกลับเป็นทัพตะหานน้ำที่ตัดสินใจคว้าเจ้าตัวไปร่วมทีมอีกครั้งด้วยสัญญายืมตัว แต่อดีตแข้งครูไซโร อังเดร หลุยส์ ก็ยังคงงัดฟอร์มเก่งออกมาไม่ได้ ซึ่งจุดอ่อนสำคัญของเขาคือจังหวะจบสกอร์ ส่งผลให้เขาทำประตูในฤดูกาลนี้ได้แค่ 2 ลูกเท่านั้น
2.เมห์รดัด ปูลาดี้ (อัล ซาฮาเนีย ไป แบงค็อก ยูไนเต็ด)
หลังจากที่ทัพแข้งเทพประสบปัญหานักเตะต่างชาติในแผงเกมรุกบาดเจ็บ โดยเฉพาะในโควตาเอเชียอย่าง เจย์ซี จอห์น กองหน้าชาวบาห์เรน ที่บาดเจ็บยาว ทำให้ก่อนจะเข้าช่วงเลกสอง สโมสรจัดการกระชากตัวอดีตดาวเตะทีมชาติอิหร่าน ที่เคยมีดีกรีลงสนามเป็นตัวจริงในฟุตบอลโลก 2014 ในรอบแบ่งกลุ่มรอบสุดท้ายครบ 3 นัดมาเสริมทีมชนิดที่เป็นดีลฮือฮาน่าจับตามองในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ปูลาดี้ลงเล่นให้ทีมไปเพียงแค่ 4 นัด เขากลับได้รับบาดเจ็บหนัก ส่งผลให้พลพรรคแข้งเทพเสียทั้งโควตาเอเชียไปโดยปริยาย ก่อนที่หนักถึงขั้นไม่สามารถกลับมาช่วยทีมในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลอีกเลย
3.ประวีณวัช บุญยงค์ (บางกอกกล๊าส เอฟซี ไป การท่าเรือ เอฟซี)
ถือเป็นหนึ่งในดีลการย้ายทีมที่ฮือฮาไม่น้อย สำหรับประวัณวัช บุญยงค์ กับการโยกจากบางกอกกล๊าส เอฟซี มายังการท่าเรือ เอฟซี และทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้กลับมาร่วมงานกับเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่หลังจากนั้นตัดสินใจเข้ามารับงานเป็นเฮดโค้ชสิงเจ้าท่า
ด้วยสัญญาการย้ายมาแบบยืมตัว 6 เดือน ทำให้อดีตแนวรับทีมชาติไทยรายนี้แทบจะไม่ได้รับโอกาสพิสูจน์ฝีเท้าให้แฟนบอลย่านคลองเตยได้เห็นมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการรู้ใจของเหล่าแกนหลักในแผงหลังของทีมที่มีทั้ง ทศพล ลาเทศ, ดาบิด โรเชลา รวมถึงเอเลียส ดอเลาะ ที่มักได้โอกาสลงสนามก่อนหน้าเจ้าตัว ส่งผลให้ส่วนใหญ่ “บิ๊ก” มักจะได้ลงสนามในเกมบอลถ้วยเท่านั้น ท้ายสุดแล้วในเกมโตโยต้าไทยลีก อดีตเด็กสร้างอัสสัมชัญธนบุรีได้โอกาสลงสนามเพียง 3 เกม
4. ดิเอโก้ มาดริกัล (เดปอร์ติวา อลายูเลนเซ ไป สุพรรณบุรี เอฟซี)
เมื่ออาเรียล โรดริเกซ กองหน้าทีมชาติคอสตาริก้า ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันของมาดริกัลฝากผลงานโดดเด่นให้กับบางกอกกล๊าส เอฟซี ได้อย่างยอดเยี่ยมในปีแรกบนแผ่นดินสยามเมื่อซีซันก่อน ส่งผลให้การตัดสินใจโยกมาลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ ณ ดินแดนสยามของแข้งวัย 28 ปี กลายเป็นเรื่องที่น่าท้าทายและตื่นเต้นไม่น้อย
มาดริกัลตัดสินใจมาผนึกกำลังกับสโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ทีมก่อตั้งมาครบ 20 ปี กับเป้าหมายพาทีมไปโลดแล่นบนเวทีเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ แต่พอได้โอกาสโชว์ฝีเท้าในสนาม ห้องเครื่องแดนกล้วยหอมกลับไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาช่วยทีมได้ ฝีเท้าของเขาไม่ได้ดูหวือหวาและเป็นที่พึ่งในแนวรุกให้ทีมได้มากนัก และแม้จะมีสกอร์ 3 ประตูตลอดการแข่งขันเลกแรก แต่กลับยังไม่ดีพอที่จะได้อยู่กับทีมต่อในเลกสอง
5. ประกิต ดีพร้อม (ชลบุรี เอฟซี ไป เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
หลังเริ่มหลุดเป็นตัวสำรองในถิ่นชลบุรี สเตเดียม ส่งผลให้ประกิตตัดสินใจโยกมาค้าแข้งกับกิเลนผยอง ซึ่งถือเป็นการกลับมาร่วมงานกับทีมเก่าสมัยที่ยังอยู่ในระดับดิวิชั่น 2 เดิม เมื่อปี 2007 และเนื่องจากเมืองทองอุดมไปด้วยเหล่ากองกลางชั้นดีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งผู้เล่นตัวหลักมักจะหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันแบบไร้ปัญหา ส่งผลให้กองกลางหมายเลข 21 ไม่ได้รับโอกาสลงสนามช่วยทีมอย่างต่อเนื่อง เบ็ดเสร็จแล้วเขามีส่วนร่วมกับทีมในเกมลีกเพียง 8 นัดเท่านั้น และในขณะนี้เขาตกเป็นข่าวลือว่าอาจจะเก็บกระเป๋าย้ายออกจากทีมในซีซันหน้า โดยมีแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ที่มีสะสม พบประเสริฐ คุมทีมแสดงความหวังคว้าไปเสริมแดนกลาง
6.เลอรอย ลิต้า (ฟรีเอเยนต์ ไป ศรีสะเกษ เอฟซี)
กูปรีอันตรายจัดการคว้าลิต้า ที่มีดีกรีผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในลีกอังกฤษทั้งในระดับพรีเมียร์ลีกและลีกรองอย่างโชกโชนมาเสริมคมเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา เพื่อหวังเป็นแกนหลักพาทีมประสบความสำเร็จในฤดูกาล 2017 นี้
ทว่าประสบการณ์ค้าแข้งนอกประเทศหนแรกของอดีตกองหน้าเรดดิ้งและสวอนซีกลับไม่ได้เลิศหรูแม้แต่น้อย ลิต้าปรับตัวกับอะไรหลายๆอย่างในเมืองไทยไม่ได้ แถมยังมีข่าวปัญหาพฤติกรรมนอกสนามปรากฎบนสื่อมากกว่าการชื่นชมผลงาน ท้ายสุดกูปรีอันตรายที่ในขณะนั้นกำลังต้องการแต้มเพื่อลุ้นหนีตกชั้นจึงจำใจยกเลิกสัญญากลางเลกที่สอง ก่อนจะตกชั้นตามผลงานในเวลาต่อมา ส่วนลิต้าทิ้งสถิติยิง 5 ประตูจาก 21 เกมไว้เท่านั้น
7. แจนด์สัน ดอส ซานโตส (อัล คาลีจ ไป เชียงราย ยูไนเต็ด)
อเล็กซานเดร กามา กุนซือเชียงราย ยูไนเต็ด ตัดสินใจคว้ากองหน้าร่างโย่งชาวแซมบ้า จากสโมสรอัล คาลีจ ทีมในลีกสูงสุดซาอุดิอาระเบีย มาร่วมงานกันอีกครั้งในช่วงเลกสองเพื่อหวังช่วยผลิตสกอร์พาทีมประสบความสำเร็จให้ได้ในซีซันนี้
เมื่ออดีตดาวยิงบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดลงสวมยูนิฟอร์มกว่างโซ้งมหาภัยในฐานะหัวหอกตัวเป้า ส่วนใหญ่เขามักจะหายไปจากเกมการแข่งขัน ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมในเกมกับทีมมากนัก อีกทั้งสตาร์เพื่อนร่วมชาติอย่าง เฟลิเป อเซเวโด ทำผลงานสุดร้อนแรงกดคนเดียว 18 ประตู ทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้เขาแทบไม่ได้เป็นตัวเลือกลำดับแรกในการลงเตะเกมลีกมากนัก ท้ายสุดหลังจบฤดูกาล แข้งเบอร์ 29 มีชื่อใส่สกอร์ในเกมลีกเพียง 3 ประตู เท่านั้นในเกมไล่ถล่มสุโขทัย เอฟซี 6-0
8. ติอาโก้ คุนญา (บาริโต ปูเตรา ไป ชลบุรี เอฟซี)
อดีตกองหน้าขวัญใจแฟนบอลฉลามชลคัมแบ็คกลับมาสวมยูนิฟอร์มยอดทีมจากภาคตะวันออกสำหรับการสู้ศึกไทยลีก 2017 เลกสองอีกครั้ง หลังจากที่เคยฝากผลงานเด่นตั้งแต่ฤดูกาล 2012-2015 ผ่านผลงานลงเล่นทั้งหมด 99 นัด ยิงไป 74 ประตูจากทุกรายการ และเป็นการเข้ามาผนึกกำลังร่วมกับกองหน้าเพื่อนร่วมชาติอย่างเรนาน มาร์เกวซ
แต่พอเปิดเลกสองมาไม่กี่นัด เอล ไรเฟิล ดันมามีปัญหาอื้อฉาวในช่วงพักครึ่งแรกกับธนวัชร์ นิติกาญจนา ผู้จัดการทีมราชบุรี เมื่อครั้งที่ต้นสังกัดของเขาบุกมาเยือนที่มิตรผล สเตเดียม จนถึงขั้นถูกแบนห้ามลงทำการแข่งขันทั้งสิ้น 4 นัด ทั้งยังโดนปรับเงินอีก 50,000 บาท และแม้จะพ้นโทษแบนกลับมาก็ดันมีอาการเจ็บรบกวนโอกาสลงสนาม ทำให้ตลอดการแข่งขันในเลกสองนี้ ดาวยิงหมายเลข 73 มีโอกาสกดสกอร์ให้ชลบุรีเพียง 3 ประตูเท่านั้น และช่วงก่อนจะถึงเกมนัดส่งท้ายซีซันกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าตัวก็ได้โพสท์คลิปวิดีโอส่วนตัวอำลาทีมเรียบร้อย
9. โรเจอริโอ คูตินโญ (อัล คูเวต ไป บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
อีกหนึ่งดีลฮือฮานับตั้งแต่ที่ยังไม่เปิดฤดูกาล 2017 เมื่อบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บรรลุข้อตกลงดึงโรเจอริโอ คูตินโญ เจ้าของรางวัลผู้เล่นต่างชาติยอดเยี่ยมของเอเอฟซีเมื่อปี 2012 จาก อัล คูเวต มาร่วมทัพ และหวังว่าจะมาเป็นหนึ่งในขุมกำลังหลักพาทีมกลับมาไล่ล่าแชมป์อีกครั้ง หลังจากที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในฤดูกาล 2016
ช่วงการเก็บตัวก่อนเปิดซีซัน แข้งแซมบ้ารายนี้ยังคงมีชื่อฝึกซ้อมร่วมกับทีมอยู่เสมอ แต่แล้วเขากลับมาประสบปัญหาอาการเจ็บ และเมื่อหายกลับมาเขากลับไร้บทบาทในถิ่นไอโมบาย สเตเดียม ตกเป็นตัวสำรองดูเพื่อนลงเล่นเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีปัญหานอกสนามอย่างเรื่องครอบครัว ที่ภรรยาเพิ่งคลอดลูกและต้องการกลับไปอยู่ประเทศบราซิล ทำให้เจ้าตัวได้ขอยกเลิกสัญญาไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนจะไร้สังกัดนานเกือบ 3 เดือน จนกระทั่งอัล ไฟซอลี ทีมในลีกสูงสุดของซาอุดิอาระเบียดึงไปเสริมทีมเมื่อเดือนกันยายนปีนี้
10. สิโรจน์ ฉัตรทอง (อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ไป เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
หลังมีชื่อติดทีมชาติไทย และมีส่วนสำคัญในการพาอุบล ยูเอ็มที เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ทำให้ชื่อเสียงของปีโป้ เริ่มเป็นที่จับตาในหมู่แฟนบอลชาวไทย รวมถึงการถูกจับจ้องจากบรรดาทีมระดับสูงกว่าที่หวังดึงไปเสริมแนวรุกไม่เว้นแต่ละวัน และแม้ตลอดเกมการแข่งขันในเลกแรกกับเทพอินทรี สิโรจน์จะไม่มีชื่อทำประตูให้ทีมได้เลย ทว่าจากความขยัน วิ่งไม่มีหมด ความแข็งแกร่ง พาบอลไปกับตัวดี ส่งผลให้แชมป์เก่าปีที่แล้วอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึงมาเสริมทัพสู้ศึกเลกสอง พร้อมผนึกแนวรุกชื่อดังทั้งธรีศิลป์ แดงดา, เฮแบร์ตี้ เฟอร์นานเดซ, อดิศักดิ์ ไกรษร รวมถึงเลอันโดร อัสซัมเซา
แต่เนื่องจากกิเลนผยองเป็นทีมที่อุดมไปด้วยแข้งชื่อดัง หลายคนสามารถสลับตำแหน่งกันเล่นแบบไร้ปัญหา สิ่งเหล่านี้เริ่มเข้ามาเป็นแรงกดดัน และเป็นเสมือนโอกาสให้กองหน้าหมายเลข 99 พิสูจน์ตัวเองในถิ่นเอสซีจี สเตเดียม อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่สามารถยึดเป็น 11 ตัวจริงให้ทีมได้ แม้จะมีทีเด็ดเรื่องความขยัน และความแข็งแกร่งขณะได้บอล รวมถึงประเด็นหลักในเรื่องที่ไม่สามารถผลิตสกอร์แรกในฤดูกาล 2017 นี้ได้เลย ทำให้ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าในฤดูกาล 2018 ดาวเตะทีมชาติไทยรายนี้จะยังคงอยู่ในแผนการทำทีมของเมืองทองต่อหรือไม่