ปิดฉากลงไปอย่างเป็นทางการ สำหรับศึกโตโยต้าไทยลีก ที่ลงเล่นเกมที่ 34 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าบทสรุปจะรู้ผลกันไปหมดแล้ว แต่ทุกทีมยังคงลงเล่นอย่างเต็มที่ เพื่ออันดับที่ดีที่สุด ก่อนที่จะจบฤดูกาล และนี่คือการจัดอันดับยอดเยี่ยม-ยอดแย่ในสัปดาห์ส่งท้าย
กดลูกศรทางขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
BEST MOMENT : คนบ้านเดียวกัน
ในไทยลีกฤดูกาลหน้าตัวแทนจากภาคอีสานจะหายไปแน่นอนแล้ว 1 ทีมนั่นคือ ศรีสะเกษ เอฟซี ทีมที่เคยขึ้นมายึดหัวหาดลูกหนังภูธรเป็นทีมแรกๆ แต่ในฤดูกาลหน้าพวกเขาจะต้องกลับไปเล่นในลีกรองหลังจากพลาดท่าร่วงตกชั้น และในเกมออกไปเยือน อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด อีกหนึ่งทีมจากภาคอีสาน ที่เป็นทีมน้องใหม่และอยู่รอดได้สบายๆ หลังจบเกม แฟนบอลเทพอินทรี ได้ทำป้ายให้กำลังทีมคนบ้านใกล้เรือนเคียง ให้สามารถกลับสู่ไทยลีกให้ได้เร็วที่สุดเพื่อมาทำศึกอีสานดาร์บี้ด้วยกัน
WORST MOMENT : งานอำลาที่เงียบเหงา
หลังจากที่ศึกไทยลีกฤดูกาลนี้ ได้บทสรุปหลายอย่างออกมาก่อนเกมนัดสุดท้าย ทำให้ในนัดปิดฤดูกาล กลายเป็นเกมที่เงียบเหงาอย่างน่าใจหาย เกมที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ที่สนามชลบุรี สเตเดี้ยม ในเกมบิ๊กแมตช์ระหว่าง ชลบุรี เอฟซี พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ปกติแล้วแฟนบอลจะต้องแห่มาซื้อตั๋วล่วงหน้า แต่เกมนี้กลับเหลือเพียงแต่อัฒจันทร์เปล่าๆ เช่นกันกับหลายๆสนามที่แฟนบอลบางตาลงไปอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าเป็นการส่งท้ายบอลไทยที่ไม่น่าดูชมเอาเสียเลย
BEST PLAYER : ดิโอโก หลุยส์ ซานโต
กองหน้าชาวแซมบ้ายังคงเป็นแข้งคนสำคัญของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในสัปดาห์นี้ที่เขาช่วยพาทีม ปราสาทสายฟ้า ทำสถิติเก็บแต้มได้เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังไทย เมื่อเหมาทำคนเดียวสองประตู จากลูกจุดโทษ และตามซ้ำลูกโขกของตัวเอง ตลอดทั้งเกม ความคล่องและลูกเล่นอันแพรวพราวของเขา ที่คอยเล่นงานแผงหลังชลบุรี ตลอดทั้งเกม
WORST PLAYER : อาเรียล โรดริเกวซ
กองหน้าชาวคอสตาริกา กลายเป็นคนละคนกับฤดูกาลที่แล้ว หลังจากที่โชว์ฟอร์ม ร้อนแรงในปีแรก แต่ว่าในซีซั่นนี้ผลงานของเขาตกลงอย่างน่าใจหาย และในสัปดาห์นี้ ในเกมส่งท้ายไทยลีกกับบางกอกกล๊าส ก็เป็นเกมที่ไม่น่าจดจำเมื่อ เขาไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้ และแทบจะไม่มีพิษสงหรือความอันตราย ออกมาให้กิเลนผยองชุดสำรองได้หนักใจเลย
BEST GOAL : มิลอส สโตจาโนวิค
มิลอส สโตจาโนวิค หัวหอกชาวเซอร์เบียฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของกองหลัง บีอีซี เทโรศาสน แล้วลากบอลเข้าไปซัดด้วยบอล บอลพุ่งเต็มแรงแสกหน้า กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล นายทวารมังกรไฟเข้าไปอย่างสวยงามเด็ดขาด
WORST GOAL : อุกฤษณ์ วงศ์มีมา
นายด่านของราชบุรี มิตรผล เอฟซี ฉายแววความผิดพลาดออกมาอย่างจังในจังหวะตัดบอลกลางอากาศ ไม่ใช่หนึ่ง แต่เป็นถึงสองครั้งซ้อนๆ ในจังหวะเดียว จนทำให้ ทศพล ลาเทศ ปราการหลังของการท่าเรือโฉบเข้ามาโขกบอลตุงตาข่ายได้ทั้งๆที่ อุกฤษณ์ ที่ได้เปรียบเพราะใช้มือได้ในกรอบเขตโทษควรจะรับลูกดังกล่าวได้
BEST MATCH : ชลบุรี เอฟซี - บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ศึกบิ๊กแมตช์ ของภูธร ที่แม้ว่า บรรยากาศในสนามจะกร่อยกว่าที่เคยเพราะว่าแฟนบอลเจ้าบ้านเข้ามาชมเกมไม่เยอะเหมือนเคย อย่างที่สองทีมนี้เจอกันมาตลอด แต่ว่านักเตะของทั้งสองทีมยังสู้แบบเต็มที่แม้ว่าเกมจะไม่มีผลแล้วก็ตาม ในเกมนี้ต้องบอกว่า ฟอร์มดีกันคนละครึ่ง เป็นเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่า ในครึ่งแรก แต่ว่าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็แสดงให้เห็นว่าทำไมพวกเขาถึงคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์ ไทยลีกฤดูกาลนี้ เมื่อไล่ยิงแซงและเข้าป้ายเอาชนะไปได้ 2-1
WORST MATCH : นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี - สุโขทัย เอฟซี
บรรยากาศที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ค่อนข้างเงียบเหงา แฟนบอลของสวาทแคทที่เคยใส่สีส้มมาเต็มสนาม กลับบางตาลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ในระยะหลัง และในเกมนี้บรรยากาศ ก็ไม่คึกคักดังคาด ทั้งนอกสนามและในสนาม ก่อนที่จะจบเกมไปด้วยการเสมอกันไป 1-1
BEST TEAM : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ปราสาทสายฟ้า กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ หลังจากที่ฤดูกาลที่ผ่านมาพลาดท่าเสียแชมป์ให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด แต่ในฤดูกาลนี้พวกเขากลับมาได้ และได้แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์ทุกประการในเกมส่งท้ายฤดูกาลที่สนาม ชลบุรี สเตเดี้ยม เมื่อตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อน แต่ก็ค่อยๆ แก้เกมจนกลับมาเอาชนะเก็บสามแต้มพร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เก็บแต้มมากที่สุด
WORST TEAM : บางกอกกล๊าส เอฟซี
กระต่ายแก้ว ฟอร์มแผ่วลงไปอย่างน่าเกลียดในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล และในเกมส่งท้ายซีซั่นที่สนามเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เจ้าบ้านสับเปลี่ยนเอานักเตะตัวสำรองบางคน มาหมุนเวียนลงสนามเพื่อรักษาความสดก่อนที่จะเล่นฟุตบอลถ้วยนัดชิงชนะเลิศ แต่ว่า บางกอกกล๊าส เอฟซี ยังไม่ดีพอที่จะเก็บแต้มออกมาได้ และเดินออกจากสนามด้วยการเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ 2-0