ฟุตบอลไทย ไทยลีก

TRIBE TALK : กฤษฎี ประกอบของ “ผมอยากพาทีมบ้านเกิดไปลุย ACL สักครั้ง”

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายฟุตบอลไทยเป็นที่เรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นบอลลีกที่เหลือ 3 เกมสุดท้าย รวมไปถึงบอลถ้วยอย่าง ช้าง เอฟเอคัพ และโตโยต้า ลีกคัพที่สัปดาห์นี้จะมีการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ

ซึ่งในบรรดาจำนวนทีมที่เข้ามาในรอบรองฯฟุตบอลถ้วยทั้งหมดนั้น จะเห็นได้ว่า “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถฝ่าฟัน ผ่านทะลุเข้ามาได้สำเร็จ นับเป็นปีทองของทีมเลยก็ว่าได้ และถ้าเชียงรายสามารถคว้าแชมป์รายการ ช้าง เอฟเอ คัพมาครองได้ จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสรในการก้าวขึ้นไปเล่นฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียส์ ลีก เป็นครั้งแรกของทีม

วันนี้ทางทีมงานฟุตบอลไทรบ์ ประเทศไทย ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “แม้ว” กฤษฏี ประกอบของ ปราการหลังของทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่กับทีมมา 6 ปี ตั้งแต่ทีมยังเป็นทีมเล็กๆ จนปัจจุบันก้าวมาเป็นทีมยักษ์ใหญ่แห่งวงการลูกหนังไทย

คลิกลูกศรที่ด้านขวาเพื่ออ่านหัวข้อถัดไป

“ผมอยากมาเล่นให้ทีมบ้านเกิดของผม” แม้วเริ่มย้อนอดีตกลับไปเผยถึงสาเหตุที่ย้ายมาซบทีมเชียงราย ยูไนเต็ด

จากทีมต่างจังหวัดเล็กๆที่เพิ่งขึ้นมาเล่นบนลีกสงสุดไม่นาน แม้ผลงานอาจจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนทีมใหญ่ๆที่มีประสบการณ์มากมาย ทว่าปราการหลังวัย 27 ปี (ณ ตอนนั้น) ตัดสินใจแยกทางกับเพื่อนตำรวจ และกลับมาซื้อบ้านที่บ้านเกิด เพื่อช่วยพัฒนาทีมบ้านเกิดอย่างเต็มที่

แม้ผลงานของทัพกว่างโซ้งในช่วงขึ้นในไทยลีกนั้น  อาจจะไม่ค่อยหวือหวา ทว่าปัจจุบันก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ทัพกว่างโซ้งเป็นอีกทีมที่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด และนั่งแท่นเป็นทีมเจ้าบุญทุ่มรายใหม่ จากการทุ่มเงินซื้อนักเตะมาเสริมทัพ และส่งผลให้ก้าวมาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์บอลถ้วยในปีนี้ทั้งสองรายการ ซึ่งเจ้าตัวเองในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ที่อยู่มานานถึงขั้นเอ่ยปากว่าทีมมีการพัฒนาไปไกลกว่าที่คาดคิดไว้

“การเปลี่ยนแปลงของเชียงรายถ้าเทียบจากเมื่อก่อนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปมากนะ แต่ก่อนเราเป็นเพียงแค่สโมสรเล็กๆ แต่เดี๋ยวนี้เราก้าวมาเป็นสโมสรระดับใหญ่ มีนักเตะที่มีคุณภาพ มีการเสริมทัพเข้ามาในทีม ถือว่าก้าวกระโดดมาเยอะพอสมควร”

“แน่นอนว่ามันก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับระบบทีม ส่วนตัวผมก็ไม่ได้มีการปรับตัวอะไรมาก เพราะน้องๆก็รู้จักกันในวงการอยู่แล้ว พอย้ายเข้ามาก็คุยกันสบายๆ จริงๆเชียงรายเป็นทีมครอบครัวอยู่แล้ว เข้ามาก็มีคนคอยให้คำแนะนำ มีประธานสโมสร ทีมงาน สตาฟฟ์โค้ชช่วยดูแลทุกอย่าง”

 

นอกจากจะเป็นทีมเจ้าบุญทุ่มรายใหม่ที่กว้านซื้อนักเตะที่มีคุณภาพเข้ามาเสริมทัพแล้ว เชียงรายยังคงสร้างเซอร์ไพรซ์ดึงอเล็กซานเดร กามา อดีตดุนซือปราสาทสายฟ้าที่เคยทำทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดคว้า 5 แชมป์ในฤดูกาลเดียวมาแล้ว มานั่งแท่นเฮดโค้ชใหญ่  

แม้จะเป็นปีแรกที่ได้ร่วมงานกัน แต่ปราการหลังกว่างโซ้งก็ได้เผยว่าทีมมีการพัฒนาดีขึ้น และแม้จะมีนักเตะเข้ามาใหม่เยอะพอสมควร แต่กามาก็สามารถทำให้เข้ากับระบบทีมได้ดีเยี่ยมเช่นกัน

“กับการร่วมงานกับกามานั้น เขาก็สร้างความหลากหลายให้กับทีมเยอะพอสมควร ช่วยปรับและจูนทีมได้ดี มันก็เหมือนเริ่มต้นใหม่ เพราะก็มีนักเตะเข้ามาหลายคนในปีนี้ แต่ก็สามารถทำทีมเข้ากับระบบได้ดีเลยทีเดียว”

แน่นอนว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ แถมยังลงทุนไปมากพอสมควร การคาดหวังของบอร์ดบริหาร รวมไปถึงแฟนบอลก็มีมากตามไปด้วย จนเจ้าตัวถึงกับเอ่ยปากว่าในช่วงตอนแรกนั้นน้องๆในทีมถึงขั้นกดดันมากพอสมควร แต่พอเวลาผ่านไปแล้วนั้น ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับแรงกดดันได้ และนำมาเป็นแรงผลักดันเพื่อทำตามเป้าหมายที่วางไว้

 

ณ ตอนนี้เชียงราย ยูไนเต็ด ยังมีโปรแกรมบอลลีกอีก 4 นัด (รวมนัดตกค้างแล้ว) และยังมีบอลถ้วยอีกสองรายการ ได้แก่ ช้าง เอฟเอ คัพ และ โตโยต้า ลีกคัพ ที่ยังต้องลุ้นก็ได้มีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าอย่างน้อยต้องพาทีมคว้าแชมป์สักหนึ่งรายการ รวมไปถึงการพาทีมไปเล่นในเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ปีหน้าให้ได้

“เป้าหมายหลักๆเลยก็หวังที่จะพาทีมเชียงรายไปเล่น ACL ให้ได้ในปีหน้า ส่วนเป้าหมายที่สองก็อยากจะคว้าแชมป์สักรายการหนึ่ง เพื่อเป็นขอบขวัญตอบแทนแฟนบอล”

แต่พอให้เลือกจริงๆ ว่าอยากเป็นแชมป์รายการไหน กฤษฎีเผยว่า "อยากได้ทุกแชมป์ แต่ถ้าเป็นถ้วยที่ทำให้ได้โควตาไปเล่น ACL แบบ เอฟเอ ก็จะดี"

สุดท้าย ในฐานะรุ่นพี่ใหญ่ในทัพกว่างโซ้งได้ฝากถึงแฟนบอลทุกคนที่คอยเชียร์และคอยสนับสนุนมาตลอดว่า  “จะพยายามพาทีมเชียงรายไปบอลถ้วยเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีกให้ได้ในปีหน้า และก็จะคว้าแชมป์บอลถ้วยสักหนึ่งรายการมาให้แฟนบอลกว่างโซ้ง ขอให้แฟนบอลทุกคนช่วยให้กำลังใจ และเข้าไปเชียร์ที่สนามกันเยอะๆนะครับ”

ทั้งนี้ในส่วนโปรแกรมที่เหลือของทีมเชียงราย ยูไนเต็ดนั้น จะมีโปรแกรมทำศึกฟุตบอลถ้วยรอบรองชนะเลิศทั้งสองรายการ โดย ช้าง เอฟเอ คัพ จะพบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ส่วนโตโยต้า ลีกคัพ จะพบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

ส่วนในโปรแกรมบอลโตโยต้า ไทยลีกนั้น ในวันที่ 8 พฤศจิกายน เปิดบ้านพบ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, 12 พฤศจิกายน เปิดบ้านพบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, 15 พฤศจิกายน ออกไปเยือนนัดตกค้างพบ บีอีซี เทโรศาสน และนัดสุดท้ายของฤดูกาล วันที่ 18 พฤศจิกายน ออกไปเยือนซุปเปอร์ พาวเวอร์ สมุทรปราการ