ฟุตบอลไทย ฟุตบอลทีมชาติ

FACE TO FACE: 16 ปีแห่งความหลัง “สระราวุฒิ” ฮีโร่ดับเสือเหลืองนัดชิงซีเกมส์2001

ย้อนกลับไปเมื่อ 16 ปีที่แล้วในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 21 ในปี 2001 ที่ประเทศมาเลเซียรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แม้จะมีการแข่งขัยชิงเหรียญหลายชนิดกีฬา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟุตบอลจะเป็นกีฬาชนิดเดียวที่ทุกชาติให้ความสนใจ และต้องกาศประกาศศักดาคว้าเหรียญทองในชนิดนี้

ซึ่งในปีนั้น ได้มีการปรับกฎโดยบังคับให้ส่งนักฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งเกมในนัดชิงชนะเลิศทีมชาติไทย ต้องมาเจอกับเจ้าภาพอย่างมาเลเซีย และเป็น สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ที่รับหน้าที่สังหารประตูชัยในช่วยท้ายเกม ช่วยทัพช้างศึกคว้าเหรียญทองมาด้สำเร็จท่ามกลางแฟนบอลนับหมื่นที่สนามชาห์อาลัม สเตเดียม และวันนี้ Football Tribe Thailand พาย้อนอดีตอันหอมหวานกับฮีโร่ที่ซัดประตูชัยในเกมนั้น

“ตอนนั้นเป็นบรรยากาศที่สุดยอดมาก แฟนบอลของมาเลเซียเข้ามาดูเต็มสนาม เขาก็หวังในการที่จะคว้าเหรียญทองฟุตบอลชายค่อนข้างสูง ตอนนั้นแข่งที่ชาห์สนามอาลัม ” อดีตปราการหลังฮีโร่ซีเกมส์เริ่มกล่าว

“ปีที่ไปแข่งเป็นปีแรกที่ซีเกมส์เปลี่ยนมาใช้นักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ซึ่งมาเลเซียหวังมากที่จะได้เป็นแชมป์ซีเกมส์ เพราะก่อนหน้านี้เราชนะติดต่อกันมาตลอด”

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาการเล่น บวกกับต้องมาโคจรพบเจ้าภาพในเกมนัดชิงชนะเลิศแบบนี้ ทั้งแฟนบอล และสภาพแวดล้อมทุกอย่างค่อนข้างที่จะเอื้ออำนวยไปทางเจ้าภาพเยอะเป็นพิเศษ”

“เกมนี้เอาจริงเป็นเกมที่อัดอัดมาก แถมกดดันเราด้วย ทั้งกรรมการ แฟนบอล วันนั้นเราเล่นระบบ 5-3-2 ใช้แบ็คเติมขึ้นไป”

“และณรงค์ชัย วชิรบาล เขาแทงบอลทะลุช่องมาให้ผม และผมวิ่งไปสุดเส้นตวัดบอลเข้าไป ก็ดีใจมากๆ เพราะเป็นรายการที่เราต้องแย่งเหรียญทองกับเจ้าภาพ และแฟนบอลเขาก็เต็มสนามด้วย จริงๆก่อนหน้านี้เราไปเจอมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ไทยแพ้ไป 0-1 เพราะยังไงแมตช์นี้เราต้องล้างตาให้ได้ และพี่เกษม (เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทยในตอนนั้น) ก็หวังไว้มาก เพราะเราเหนือกว่ามาเลเซียอยู่แล้ว”

“แต่การที่เราไปแข่งที่บ้านมาเลเซียที่เขาค่อนข้างที่จะได้เปรียบ ทั้งสนาม สภาพอากาศ แฟนบอล แต่วันนั้นเราทำสำเร็จ ทีมงานและนักเตะทุกคนดีใจกันมากที่สามารถเก็บชัยให้แฟนบอลชาวไทย”

ประตูชัยที่สระราวุฒิทำได้ในเกมนั้น ทำให้แฟนบอลชาวไทยสะใจกันทั้งประเทศ เวลาผ่านไปแล้วถึง 16 ปี แมตช์ชิงซีเกมส์คู่ไทยมาเลเซีย ได้กลับมารีรันให้ชมอีกครั้ง เทียบกับสมัยก่อนและตอนนี้แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งระบบการจัดการ นักเตะ และศักยภาพทีมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงไปตามกาลเวลา

“แน่นอนว่าความแตกต่างมันเห็นได้ชัดอยู่แล้ว มาตรฐานบอลไทยมีมากขึ้นและลีกยกระดับลีกมากขึ้น สมัยที่ผมเล่นก็เป็นลีก แต่ยังไม่เต็มตัวขนาดนี้ ผมคิดว่า ความสามารถของนักเตะไทยน่าจะสูงกว่ามาเลเซีย”

ทว่าปัจจุบัน อดีตปราการหลังทัพช้างศึกผันตัวมาเป็นผู้อำนวยการอะคาเดมีให้กับสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และมีลูกศิษย์ที่ไปแข่งอยู่ ณ ตอนนี้ ถึง 4 คน ได้แก่ ชัยวัฒน์ บุราญ, พิชา อุทรา, สุริยา สิงห์มุ้ย และพิธิวัต สุขจิตธรรมกุล ที่จะลงป้องกันแชมป์ซีเกมส์ที่ประเทศมาเลเซีย ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อนรวมไปถึงเป็นอาจารย์ที่เคยสอนวิชาลูกหนังมาก็ฝากถึงเหล่าทัพช้างศึกที่จะลงแข่งในวันพรุ่งนี้ว่า

“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสมาธิ เราจะวอกแวกไม่ได้ สำคัญที่สุดก็เรื่องกรรมการ คิดว่าเรื่องพวกนี้เราต้องระงับให้ได้ และมีสมาธิที่ต้องสูงเพื่อยับยั้งมาเลเซียให้ได้ เชื่อว่าเขาเตรียมพร้อมมาทุกรูปแบบ เพื่อจะเอาเหรียญนี้ไปได้แน่นอน เล่นให้สุขุมและตามแทคติก แต่อย่าไปกดดันตัวเอง”

“ผมเชื่อว่าพรุ่งนี้แฟนบอลเต็มสนามแน่ ถ้านักเตะไทยเล่นด้วยสมาธิ และไม่กดดันตัวเอง คิดว่าไม่แน่อาจจะเป็นแมตช์รอบรองชนะเลิศ ที่เรายิงท้ายเกมและเก็บชัยชนะกลับมาได้ เอาเหรียญทองกลับมาได้อย่างแน่นอน”

ในวันพรุ่งนี้เราก็จะได้รู้ว่า ทัพช้างศึก หรือจะเป็นเจ้าภาพที่จะผงาดคว้าชัยไป สามารถรับชมได้ในเวลา 19.45 น. ช่อง 3 ถ่ายทอดสดให้แฟนบอลช้างศึกส่งแรงใจให้คว้าเหรียญทองมาครองให้ได้