ทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์ซีเกมส์ 15 สมัย และยังมีดีกรี เป็นแชมป์เก่า ทำให้ถูกคาดหมายว่าจะเป็นเต็งหนึ่งในการแข่งขันในครั้งนี้ แต่จากผลงานทั้ง 3 นัดแรกแม้ว่าจะเก็บได้ 7 คะแนน แต่ก็ดูไม่เป็นที่น่าประทับใจมากนัก
จากผลงานเสมอ 1 เกมกับ อินโดนีเซีย ด้วยสกอร์ 1-1 และ เอาชนะ ติมอร์ เลสเต ไปแบบหืดจับ 1-0 ก่อนที่จะมาเอาชนะ กัมพูชาไป 3-0 ก่อนลงเล่นเกมสำคัญกับ ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ในสองเกมสุดท้าย
Football Tribe ได้รวบรวมเอาความเป็นที่น่าสนใจ หลังจากที่สื่อต่างประเทศทั้งใน อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม รวมไปถึง ผู้สื่อข่าวต่างชาติที่ติดตามฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนานอย่าง พอล เมอร์ฟี่ คอลัมนิสชื่อดังของอีเอสพีเอ็น รวมไปถึง ผู้สื่อข่าวจากประเทศไทยที่เดินทางมาเกาะติดการแข่งขันในครั้งนี้ของทีมช้างศึกU23 ได้แสดงความเป็นที่น่าสนใจเอาไว้ในหลากหลายแง่มุม หลังได้เห็นฟอร์มแชมป์เก่าที่ลงเล่นใน 3 เกมแรก
เริ่มจาก อิซิโดรุส ริโอ ตูรังกา ผู้สื่อข่าวจาก Football Tribe indonesia คู่แข่งในเกมแรกของทีมชาติไทยให้ความเห็น
“สำหรับผมคิดว่าทีมชาติไทย เล่นได้ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐาน”
“อย่างเกมแรก ผมคิดว่าอินโดนีเซียก็ไม่ได้เล่นดีเท่าไร แต่ก็ยังสามารถได้ 1 คะแนนมาจากไทย ผมคิดว่าแนวรุกของพวกเขาไม่แข็งแกร่งเหมือนที่เคย”
นอกจากนี้ อีริค โนเวียนโต ผู้สื่อข่าวจากเว็บไซต์ โกล อินโดนีเซียแสดงทัศนะที่แตกต่างออกไป โดยยังคงมองว่าทีมชาติไทย เป็นตัวเต็งในการแข่งขันในครั้งนี้แม้ว่าฟอร์มจะไม่ดี
“แม้ว่าจะไม่ได้โชว์ฟอร์มอย่างน่าประทับใจในสามเกมแรก แต่ว่าไทยยังคงเป็นตัวเต็งในการคว้าเหรียญทอง”
“ทีมมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นภายใต้การนำทัพของ วรวุธ ศรีมะฆะ ให้ทีมมาเล่นแบบเน้นผลมากกว่าความสวยงาม”
“เหมือนกับในทีมชุดที่คว้าแชมป์ซีเกมส์ครั้งที่แล้ว ทีมแสดงให้เห็นจุดอ่อนออกมาในเกมกับ อินโดนีเซียในแมตช์ เปิดสนาม แต่ก็แก้ไข และกลับมาฟอร์มดีในเกมสุดท้ายของรอบแรกกับเวียดนาม ซึ่งหากพวกเขารักษาโมเมนตัมในด้านบวกเอาไว้ ก็จะเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จในทัวร์นาเม้นท์นี้”
วู ทราน เทียน ผู้สื่อข่าวของ Football Tribe จากประเทศเวียดนาม ที่โชว์ฟอร์มได้ดี และถูกมองว่าเป็นเต็งแชมป์อีกทีมและจะมาเป็นคู่แข่งของไทยในรอบแรกนัดสุดท้ายแสดงทัศนะว่า
“สำหรับผม ผมคิดว่าทีมชาติไทยยังไม่ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาใน 3 เกมแรก”
“เกมรุกของพวกเขายังไม่ค่อยดี แต่ผมคิดว่าพวกเขาจะอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการเจอกับเวียดนาม”
อีกสื่อของ เวียดนาม อย่าง เวียดนามเน็ตที่เขียนโดย ดอย เหงียน มองว่าไทยยังไม่ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาและ เป็นเวียดนามที่ปล่อยของไปหมดแล้ว
“ครั้งที่แล้วตอนจบรอบแรกเวียดนามภายใต้โค้ชมิอุระจบด้วยการเป็นรองไทยแต่ก็ยังภูมิใจได้เพราะยิงประตูได้มากสุด”
“จาก 5 นัดรอบแรกหนที่แล้วเวียดนามกดไป 17 ประตู แต่ดันแพ้ 2 นัดติดคือแพ้ไทยรอบแรกนัดสุดท้ายและแพ้รอบรองชนะเลิศ และก็เหมือนกับหนนี้ก็คือนัดแรกๆเวียดนามฟอร์มร้อนแรง ชนะแบบสกอร์สูงๆในขณะที่ไทยในหนที่แล้วนั้นนอกเหนือจากชนะ ลาวและบรูไน ที่อ่อนกว่าแล้ว นัดรอบแรกที่เหลือล้วนชนะฝืดๆต่อมาเลเซียและติมอร์ โดยชนะนัดละลูกเท่านั้น แต่นัดสุดท้ายไทยดันชนะเวียดนามแบบสบายๆ 3-1”
“แต่พอเข้ารอบรองฯเท่านั้น ไทยก็โชว์ฟอร์มที่แท้จริงชนะอินโดนีเซีย 5-0 ก่อนจะชนะเมียนมาร์ที่มีตัว U20 บางส่วนที่เพิ่งกลับมาจากรอบสุดท้ายที่นิวซีแลนด์ไป 3-1 ได้เหรียญทองไป”
“ปัญหาของเวียดนามดูจากฟอร์ม 2 นัดแรกของเวียดนาม หลายคนบอกน่ากลัว บอกตรงๆเลยว่าแม้เวียดนามไม่ได้ใส่เต็ม 100 แต่เวียดนามก็ชนะคู่แข่งที่อ่อนกว่าอย่างติมอร์และกัมพูชามาได้”
“แน่นอนว่าใน 2 นัดที่ผ่านมาเวียดนามปล่อยของหมดจนไม่มีอะไรซ่อนไว้แล้วอาจจะมีการเก็บผู้เล่นบางตัวไว้ แต่ยกเว้นรายของ ดินเจืองแล้ว ที่เหลือก็เดิมๆและไม่ยากที่จะคาดเดา”
อาห์มาด ริฎวาน ผู้สื่อข่าว Football Tribe ประเทศมาเลเซีย เจ้าภาพในการแข่งขันในครั้งนี้ และเป็น 1 ในสองทีมจากสาย เอ ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มองว่าเต็งแชมป์อย่างไทยยังฟอร์มดีเทียบกับตอนที่ชิงแชมป์เอเชีย ที่เอาชนะ มาเลเซียมาได้ 3-0 ไม่ได้
“พวกเขาเล่นได้ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐาน หากเปรียบเทียบกับตอนที่ลงเล่นในรายการชิงแชมป์เอเชียรอบคัดเลือกเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาทำได้ดีกว่านี้”
“แฟนบอลในมาเลเซียทุกคนรู้สึกช็อกกับผลงานของทีมไทยในซีเกมส์ครั้งนี้ ถึงขนาดคิดว่าพวกเขาอาจจะไม่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยซ้ำ”
“ส่วนอีกเรื่อง หลังจากที่ วรวุธ ศรีมะฆะ ได้พูดเกี่ยวกับหญ้าที่แตกต่างจากประเทศไทย ทำให้แฟนบอลบางส่วนคิดว่านี้เป็นข้ออ้างเมื่อผลงานออกมาไม่ดี”
อีกความเห็นที่น่าสนใจจาก อลงกต เดือนคล้อย ผู้สื่อข่าวจากโกล ประเทศไทย ที่ติดตามทีมชุดนี้มานาน และเดินทางมาเกาะติดทุกฝีก้าวของทีมช้างศึกU23 บนแผ่นดินเสือเหลือง แสดงความเห็นว่า
“ไทย ต้องกระหาย และหลากหลายกว่านี้”
“ซีเกมส์ 2017 ไทย เจอบททดสอบที่ไม่ง่ายเลย ผู้เล่นในทีมชุดนี้ส่วนใหญ่ แม้จะค้าแข้งในไทยลีก แต่มีแค่ 3 คนเท่านั้น ที่เคยเล่น ซีเกมส์ มาก่อน 2 เกมแรก เห็นได้ชัดว่า นักเตะยังไม่ค่อยแสดงความกระหาย ผิดกลับชาติคู่อื่นที่ค่อนข้างมุ่งมั่น ยามเจอกับ ไทย”
“แต่หลังจากนั้น นัดที่ 3 เราเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจาก ผู้เล่นหลายๆคน ส่วนจะดีพอไปป้องกันแชมป์ไหม ผมเชื่อว่าลึกๆ แล้วนักบอลไทย ยังมีศักยภาพดีกว่าทุกชาติ เพียงแต่ต้องปรับเรื่องความกระหายกับทุกๆเกม รวมถึงแท็คติกของโค้ช เราใช้ระบบ 4-2-3-1 ทุกเกม เน้นการเล่นบอลไดเรกต์ ผมมองว่า บอลทัวร์นาเมนต์แบบนี้ เราควรมีแท็คติกที่หลากหลาย เพื่อให้คู่แข่งจับทางยากขึ้น รวมถึงทีเด็ดทีขาดจากลูกเช็ทพีช แต่คิดว่า ถ้าทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง พูดไม่แบบอวย คิดว่า ไทยยังน่าได้เข้าไปถึงรอบชิง”
ปิดท้ายที่ พอล เมอร์ฟี่ คอลัมนิสชื่อดังของอีเอสพีเอ็น ที่แฟนบอลชาวไทยคุ้นชื่อเขาเป็นอย่างดี เพราะว่าเกาะติดฟุตบอลไทย และฟุตบอลในทวีปเอเชีย มาอย่างยาว ก็ได้ร่วมแสดงทัศนะหลังจากที่เห็นฟอร์มของทีมแชมป์เก่าในสามเกมแรกที่ผ่านมา
“ผมรู้สึกว่านักเตะรู้สึกไม่มีความกระหาย ซึ่งค่อนข้างต่างจากทีมจากไทยหลายปีก่อน ทีมชาติชุดนี้ยังเป็นรองทีมชาติชุดก่อนๆ และไม่ได้เป็นทีมที่แข็งแกร่งในทัวน์นาเม้นท์นี้ จากผลงานในสามเกมแรก ต้องยอมรับว่า เวียดนามเป็นทีมที่ดีกว่า ทั้งเรื่องการเข้าทำที่พวกเขาทำประตูได้เยอะกว่า มีเกมรุกที่ดีกว่า”
“มันเป็นเรื่องจังหวะ ในการทำประตู กองหน้ายังทำผลงานไม่ได้ดี เจนรบ ยังมีฟอร์มที่น่าผิดหวัง และพลาดโอกาสหลายครั้ง เกมรุกของพวกเขาค่อนข้างช้า ตอนนี้เวียดนามคือทีมที่น่าจับตามอง พวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของไทย”
“แต่พวกเขายังมีโอกาส พวกเขายังมีเวลา และถ้าพวกเขาเรียกฟอร์มเก่งกับเวียดนาม พวกเขาจะต้องลงเล่นในเกมที่จะต้องชนะสถานเดียวเพื่อผ่านเข้ารอบ ผมยังมองว่า ทั้งไทยและเวียดนามจะเป็นสองทีมที่จะแย่งเหรียญทองกัน แม้ว่าอีกสายจะมีมาเลเซีย และเมียนมาที่ฟอร์มดีเช่นกัน”