เอเชีย ฟุตบอลญี่ปุ่น

THE JOURNEY CHANATHIP : ตามลายแทง “เคนจัง”ชิม “เนื้อย่างเจงกิสข่าน”

วันที่ 3 ของการฝึกซ้อมของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยังคงฝึกซ้อมที่สนามซ้อม มิยาโนะซาวะ สเตเดียม เหมือนเดิม แต่ขยับเวลาการฝึกซ้อมขึ้นมาเป็น 9 โมงเช้า เพราะว่าทีมจะต้องเดินทางไปเล่นเกมเยือนกับคาชิวา เรย์โซล ในวันอาทิตย์ หลังจากซ้อมเสร็จ

แน่นอนว่าส่วนนี้ทำให้นักเตะจากไทยจะต้องปรับตัวเป็นอย่างแรก เพราะที่เมืองไทยเราเริ่มซ้อมกันในช่วง  บ่ายๆ และเย็นๆ ชนาธิป คงจะต้องรื้อแผนการของชีวิตที่คุ้นเคยสมัยอยู่ที่ไทยในหลายๆอย่าง

รวมไปถึงนักข่าวแบบผมด้วย เพราะว่า ที่บ้านเรา ฟุตบอลแข่งขันกันในแต่ช่วงหัวค่ำ และเวลาแบบนี้ หลายครั้งยังไม่ตื่นจากที่นอนเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องจับรถไฟจากที่พักเมือง มิกาซา เข้าไปยังซัปโปโร แต่เช้าวันเสาร์คนค่อนข้างบางตา

ส่วนของบรรยากาศวันเสาร์ ที่สนามซ้อมมีฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย และอากาศก็ยังเย็นสบาย ส่วนนักข่าวเริ่มบางตาลงไป อาจจะเป็นเพราะว่า วันนี้ สโมสร ไม่อนุญาตให้สัมภาษณ์ ชนาธิป และนักเตะคนอื่นๆ รวมไปถึงโค้ช หลังเสร็จการฝึกซ้อม เพราะไม่อยากจะนักเตะและโค้ชพูดถึงการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนที่จะต้องเดินทางไปเยือนจ่าฝูงในวันอาทิตย์

แต่ส่วนของแฟนบอลยังคงหนาตาต่อไป อาจจะเป็นวันเสาร์ ก็เลยเห็นแฟนบอลเด็กๆ เข้ามาชมกันเยอะหน่อย และบอกเลยว่าตอนนี้ ชนาธิป ที่แม้ว่าจะยังไม่ได้ลงเล่น กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะจะได้ยินเสียงเล็กๆ ของเด็กญี่ปุ่นตะโกนเรียก “ชนาธิปๆ” ตลอด และมักจะมีเสียงฮือฮาออกมาตอนที่ เจ จ่ายบอลสวยๆในการเล่น หรือว่ายิงประตู แม้จะเป็นการซ้อมยิงประตูแบบธรรมดา ก็มักจะมีเสียงปรบมือดังตามมาเสมอๆ เรียกว่ามีคนเอาใจช่วยอยู่ไม่น้อยเลย

ในส่วนของวันนี้ ทีมซ้อมแทคติกเพื่อจะลงเล่นกับ คาชิวา เรย์โซล และโฟกัสที่นักเตะที่จะใช้งาน แต่ชนาธิปก็ยังคงมีส่วนร่วมกับเกม ยกเว้นการซ้อมป้องกันลูกตั้งเตะ และเล่นลูกตั้งเตะ นอกจากนั้น ก็ซ้อมปกติ

วันนี้ดูเหมือนว่า ชนาธิป เริ่มปรับตัวเข้ากับจังหวะของฟุตบอลญี่ปุ่นได้มากขึ้นเรื่อยๆ และมีจังหวะจ่ายบอลสวยๆหลายครั้ง แต่สิ่งที่อาจจะต้องเพิ่มเติมคือการมีส่วนร่วมกับเกม คือการสร้างความเชื่อมั่นจากเพื่อนร่วมทีมเพื่อให้เขาส่งบอลมาให้ ก็เป็นด่านแรกๆ ที่ชนาธิปจะต้องผ่านไปให้ได้ หากหวังจะประสบความสำเร็จในต่างแดน

หลังจากการซ้อมเสร็จ ชนาธิป ก็ถูกแฟนบอลตัวน้อยๆรุมขอลายเซ็นแม้ว่าฝนจะตกลงมาแต่ก็ไม่ได้ถอย ก็น่าจะทำให้ดาวเตะจากไทยปลื้มพอสมควร ที่เริ่มมีแฟนคลับมาติดตามแล้ว

ส่วนผมที่วันนี้ไม่ได้พกเบนโตะ (ข้าวกล่อง) มาด้วยเพราะภรรยาของเจ้านายที่ผมมาอาศัยบ้านพักในระหว่างเกาะติด ชนาธิป ไม่ได้ทำมาให้ เลยต้องหาอะไรทานเอง

และไปสะดุดกับคำเชื้อเชิญของ “เคนจัง” หรือ เคน โทคุระ เพื่อนซี้คนใหม่ของ ชนาธิป ว่าอยากจะพานักเตะจากไทยไปลิ้มลอง เนื้อย่าง เจงกิสข่าน ที่เป็นของดีของ ฮอกไกโด จากการสัมภาษณ์เมื่อวาน และบังเอิญเหลือเกินที่ร้านอาหารด้านบนสุดของอัฒจันทร์สนามซ้อมของ คอนซาโดเล ซัปโปโร มีเมนูนี้ (ของขึ้นชื่อ ไม่มีได้ไง)

ลืมบอกไปครับ สำหรับสนามซ้อมของคอนซาโดเล นอกจากจะมีร้านขายของที่ระลึกแล้วยังมีร้านอาหาร ที่บรรยากาศซุบาราชี่ มากๆ เพราะสามารถมองเห็นทีมฝึกซ้อมได้ทั่วรวมไปถึง ทัศนียภาพด้านหลังของสนามทั้งหมด

สำหรับเนื้อย่างเจงกิสข่าน ที่ขึ้นชื่อ ภัตตาคาร ตรานกเค้าแห่งนี้จำหน่ายในชุดละ 1,400 เยน (ประมาณ 420 บาท) ก็ถือว่าไม่ได้แพงเกินไป กว่าที่จะตัดสินใจลอง

เสิร์ฟพร้อมกับ เตาแก๊สกระป๋อง และกระทะ(ไม่น่าจะใช่โคเรียคิง ที่นี่ญี่ปุ่น) แล้วก็มี ถั่วงอก, พริกหยวก และ ฟักทอง โดยมี ข้าว น้ำจิ้ม และ มิโซะซุป ส่วนพระเอกของเราคือเนื้อใส่ในถ้วยฟอยล์มา ให้เราย่างเอง สำหรับเนื้อเจงกิสข่าน คือ เนื้อแกะครับ บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะมีกลิ่นเฉพาะตัว ไม่เหมือนหมูหรือไก่

และพนักงานจะปล่อยให้เรา จัดการเอง ซึ่งเชื่อว่าแฟนๆหมูกระทะ สามารถอยู่แล้วครับ ส่วนรสชาติของเนื้อนั้นต้องบอกว่า เป็นเนื้อย่างที่ออกรสหวานหน่อยๆ พอดีส่วนตัวผมไม่ใช่ หมึกแดง หรือ แม่ช้อย ที่จะสามารถบรรยายรสชาติออกมาผ่านตัวอักษรได้ แต่บอกได้คำเดียวว่า มาแล้วไม่กินถือว่าพลาด ไม่รู้เหมือนกันว่า ชนาธิป ได้ลองแล้วหรือยัง ตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ เสร็จผมแล้ว

สำหรับในวันอาทิตย์ คอนซาโดเล ซัปโปโร มีเกมแข่งขันที่จะต้องออกไปเยือน คาชิวา เรย์โซล ซึ่งชนาธิป จะไม่ได้เดินทางไปด้วย เพราะยังลงเล่นไม่ได้ ส่วนตัวของผมจะเข้าไปหาร้านในซัปโปโรเพื่อดูเกมนี้ แล้วจะมาเล่าให้ฟังสำหรับบรรยากาศที่จะแตกต่างไปจากวันเดิมๆ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ