ใช้ตัวทำลายเกม
ในเกมแรก ที่ทีมชาติไทยบุกไปพ่าย ยูเออี มาก่อนนั้น ทีมช้างศึกไม่ได้ใช้แผนการรับมือกับ อุมัร อับดุลเราะห์มาน เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของเจ้าบ้านเป็นพิเศษ และปล่อยให้ เจ้าของฉายา พ่อมดของ ยูเออี ได้ร่ายมนต์ แบบสบายๆ ตลอดทั้งเกม ทำให้ แนวรับถูกโจมตีด้วยลูกสั้นและยาวรวมไปถึงคิลเลอร์พาสสวยๆหลายครั้งซึ่งจากสถิติในเกมนั้น อุมัร สร้างโอกาสให้เพื่อนได้ถึง 5 ครั้ง และลุ้นยิงเองถึง 4 ครั้ง รวมไปถึงเอาชนะ นักเตะไทย ในเวลาที่ดวลกันตัวต่อตัวได้ถึง 9 ครั้ง รวมไปถึงทำ 2 แอสซิสต์ ซึ่งในเกมก่อนหน้านี้ คู่กองกลางของไทย อย่าง สารัช อยู่เย็น และ ปกเกล้า อนันต์ มีสถิติเข้าปะทะเพื่อแย่งบอลจากคู่แข่งแค่ 4 ครั้งเท่านั้นซึ่งเป็นของสารัช ทั้งหมด
แต่เกมนี้ มิโลวาน ราเยวัช ได้ส่งมิดฟิลด์พลังไดนาโมอย่าง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ลงไปไล่ทำลายเกมของคู่แข่ง โดยที่มี ธนบูรณ์ เกษารัตน์ คอยช่วยซ้อนอีกครั้ง ทำให้ สถิติในการสร้างสรรค์เกมของ อุมัร หล่นลงไป แม้ว่าจะสร้างโอกาสได้เท่าเดิมที่ 5 ครั้ง แต่ว่าการเอาชนะแบบตัวต่อตัวลดลงเหลือแค่ 3 ครั้งตลอดทั้งเกม ผิดกับ ฐิติพันธ์ ที่เข้าเบียดปะทะได้ถึง 8 ครั้ง และ ดวลตัวต่อตัวเอาชนะ นักเตะของยูเออีได้ถึง 10 ครั้งด้วยกัน
เห็นได้ชัดว่าการทำลายเกมแดนกลางที่ตัวขึ้นเกมที่เป็นความหวังของ ยูเออี อย่าง อุมัร ได้แทบจะอยู่หมัดตลอดทั้งเกม ซึ่งต้องยกเครดิตให้ทั้ง โค้ชและนักเตะ ทำให้แผงหลังสบายขึ้น เมื่อตัวปั้นเกมของฝ่ายตรงข้ามแทบจะไม่มีเวลาได้ทำอะไรได้ถนัดมาก เลยไม่ได้ปั้นบอลสวยๆไว้กดดันกองหลังของไทยได้เหมือนเกมก่อน