ดราแกน ทาลายิช หนึ่งในแคนดิเดตกุนซือทีมชาติไทย แสดงความเชื่อมั่นว่าเขาได้เปรียบกุนซือคนอื่นๆที่มายื่นแสดงตัวอยากคุมทีมชาติไทย คือการที่เขารู้จักนักเตะในไทยเป็นอย่างดี
อดีตกุนซือเอสซีจีเมืองทองยูไนเต็ดเดินทางมายังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเพื่อเสนอตัวในการรับงานหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ ร่วมกับกุนซือต่างชาติคนอื่นๆ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวภายหลังจากที่ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย
“ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าสวัสดีครับ ผมมีความสุขที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ผมได้เข้าคุยกับ นายกสมาคม,ประธานเทคนิค ผมภูมิใจกับการพูดคุยที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราไม่ได้คุยอะไรมาก เรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องพาทีมชาติไทยไปอีกระดับ ถ้าผมได้ทำงานนี้ผมคงจะรู้สึกภูมิใจมาก”
“ถ้าผมได้งานผมรู้ว่าผมต้องทำอะไร ผมคิดว่าผมได้เปรียบตรงนี้เพราะผมเคยทำงานที่ไทย ผมรู้จักนักเตะทีมชาติไทยเป็นอย่างดี พวกเขาส่วนใหญ่เคยร่วมงานผมที่เมืองทอง ผมรู้จักนักเตะคนอื่นๆจากสโสมรอื่น ผมคิดว่านี่คือข้อได้เปรียบของผม ที่รู้จักนักเตะไทยเป็นอย่างดีก่อนหน้านี้”
“แต่เอาจริงๆ ผมไม่ค่อยมั่นใจนักหรอกว่าจะได้งานนี้ เพราะมันขึ้นอยู่กับ สมาคมฟุตบอล และนายกสมาคม แต่ผมเชื่อมั่นในตัวเอง แต่มันก็ขึ้นกับทางสมาคมฟุตบอล”
“เราไม่ได้คุยเรื่องเงินเดือน ผมมาที่นี่เพราะผมชอบฟุตบอลไทย และผมเป็นโค้ชมืออาชีพ เราไม่ได้คุยเรื่องเงินกัน ผมคุยเรื่องวิธีการพัฒนาฟุตบอลไทย นั่นคือสิ่งที่เราคุยกัน”
“ผมไม่ค่อยเรื่องประสบการณ์ แม้ผมจะอายุ 50 ปีแล้วแต่ผมยังรู้สึกว่ายังหนุ่มอยู่ ผมอาจจะมีประสบการณ์ตอนอายุ 50 หรืออาจจะไปฟุตบอลโลกกับทีมชาติไทยก็ได้”
สำหรับดราแกน ทาลายิช เคยมีประสบการณ์คุมทีมในตะวันออกกลางอีกหลายทีม แต่ผลงานช่วงขาขึ้นที่สุดคือการคุมทีม อัล–เวห์ดัต ในลีกจอร์แดน เมื่อพาทีมกวาดโทรฟี่ 4 รายการภายในปีเดียว และยังย้ายมาพาทีม คูเวต เอสซี คว้าแชมป์ ฟุตบอล คูเวต เฟเดอเรชั่น คัพ และ รองแชมป์ เอเอฟซีคัพ โดยที่พ่าย นาซาฟ จากอุซเบกิสถานในนัดชิงชนะเลิศ ก่อนย้ายมารับงานคุมทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในช่วงปี 2014-16 แต่ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ใดๆได้